Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 416 ชาวเยี่ยนมาแล้
หนังสือรวมนิทานที่ส่งอิทธิพลต่อยุคสมัย!
หลินเยวียนลำพังแค่คิดก็คล้ายกับว่าเห็นค่าความโด่งดังที่ทะลุออกมาจากหนังสือ ทอประกายแสงสีทองเจิดจรัสชวนให้น้ำลายสอ…
ถ้าตนทุ่มเทเผยแพร่ผลงานอย่างเต็มที่จะเป็นยังไงนะ
กอบโกยชื่อเสียงได้มากเท่าผลงานที่ทางการแนะนำไหม?
หลินเยวียนยังไม่ลืมความกลัวจากหนังสืออ่านนอกเวลาที่ครอบงำในวัยเด็ก
ต้องเข้าใจว่ามีหนังสือนอกเวลาบางเล่มที่เราถูกคุณครูบังคับให้อ่าน
ต่อให้หนังสือนอกเวลาเหล่านั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับบทเรียนสักนิดเลยก็ตาม
หลินเยวียนยังคงมีความทรงจำเลือนรางจากในโลกเดิม เขาพอจะจำภาพในช่วงมัธยมต้น ซึ่งต้องกล้ำกลืนฝืนทนอ่านเรื่อง ‘วีรชนบนเส้นทางปฏิวัติ’ ที่ไม่น่าสนใจเอาซะเลย หนำซ้ำยังต้องท่องจำประโยคในหนังสืออีกด้วย
หลังจากนั้น ในข้อสอบมัธยมต้นของเขาก็ปรากฏคำถามที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่นชื่อภาษาต่างประเทศอันยาวเหยียดของผู้เขียน
ความทรงจำมากมายถูกหลงลืมไป ทว่าความทรงจำนี้กลับยังแจ่มชัด ทำให้เห็นได้ว่าตอนนั้นหลินเยวียนลำบากยากเย็นแค่ไหน
และนี่คือพลังของหนังสือนอกเวลา!
ปัจจุบันสมาคมวรรณศิลป์วางแผนจะรวบรวมนิทานชุดดังกล่าว และคล้ายกับว่าจะนำไปรวมอยู่ในรายชื่อหนังสือนอกเวลาที่นักเรียนประถมต้องอ่านด้วย
หลินเยวียนไม่ได้สงสัยในอิทธิพลเช่นนี้ของสมาคมวรรณศิลป์
จะต้องเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอย่างแน่นอน!
หนังสืออ่านนอกเวลาประเภทที่นักเรียนจะไม่อ่านก็ไม่ได้อะไรเทือกนั้น!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลินเยวียนก็สัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
ทำไมถึงต้องบังคับให้เด็กๆ อ่านสิ่งที่ไม่สนใจด้วยล่ะ
เขาจะต้องช่วยเด็กๆ ให้ได้!
การอ่านหนังสือนอกเวลา คือการใช้เวลาพักผ่อนของเด็กๆ ไปกับการศึกษาเล่าเรียนนอกห้องเรียน ทำไมถึงทำให้น่าเบื่อขนาดนั้น
เด็กๆ ต้องแบกรับความเจ็บปวดแค่ไหน
หนังสือนอกเวลาจะต้องน่าสนใจและน่าตื่นเต้นมากพอ!
เพราะนี่คือความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง ไม่ควรเป็นการทรมานเด็ก!
หลินเยวียนยิ่งขบคิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของเขาสมเหตุสมผลมากเท่านั้น ถึงกับเกิดความรู้สึกที่รุนแรงต่อภารกิจด้วย
ยังไงก็ต้องเขียน!
ไม่ใช่แค่เขียน แต่ยังต้องเขียนให้มาก เพื่อกอบโกยชื่อเสียง…
ไม่สิ อะแฮ่ม เพื่อปลูกฝังความสนใจของเด็กๆ ต่อการอ่านหนังสือนอกเวลา!
“คิดอะไรอยู่”
หลินเซวียนมองหลินเยวียนอย่างสับสน
เธอเห็นว่าหลินเยวียนยืนนิ่งอยู่กับที่ ประเดี๋ยวก็กัดฟัน ประเดี๋ยวก็ดูเคร่งขรึม ประเดี๋ยวก็ลุกลี้ลุกลน ประเดี๋ยวก็แลดูอยากกระหาย…
“เปล่าหนิ”
หลินเยวียนหัวเราะ หันหลังเผ่นกลับห้องไป
เขาปิดประตูสนิท รีบเอ่ยเรียกทันที “ระบบเอ๋ยบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี…”
อ่อ ผิดบทสินะ ขออีกรอบ
หลินเยวียนเอ่ยอย่างจริงจัง “ระบบเอ๋ยบอกข้าเถิด นิทานใดเป็นเลิศที่สุดในปฐพี”
ระบบมีความเข้าใจศักยภาพของศิลปินเป็นอย่างดี “ไม่มีที่เป็นเลิศที่สุด มีเพียงผลงานที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน”
“ฉันอยากสั่งผลิตนิทาน แนะนำหน่อยสิ”
“ระบบขอแนะนำ ‘เทพนิยายแอนเดอร์เซน[1]’ ‘เทพนิยายกริมม์’ และ ‘พันหนึ่งราตรี[2]’ โฮสต์สามารถอ่านได้ฟรี และเลือกสั่งผลิตผลงานที่สนใจ หลังจากผลิตแล้ว ความทรงจำของผลงานที่ไม่ถูกสั่งผลิตจะหายไป”
“เข้าใจแล้ว”
หลินเยวียนบอก “เริ่มอ่าน เริ่มจากเทพนิยายกริมม์”
เขามีแคปซูลความทรงจำ สามารถกวาดตามองปราดเดียวได้ถึงสิบบรรทัด แต่กลับไม่มีประโยชน์เมื่อนำมาใช้ในกรณีนี้ ไม่สู้ใช้เวลาอ่านไปทีละเล่ม ถึงแม้จะทำให้ล่าช้าไปสักหน่อย แต่สามารถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
และราคาที่ต้องจ่ายของการประหยัดเงินก็คือหลินเยวียนใช้เวลาหลายวันต่อจากนั้นไปกับการอ่านนิทาน
จนกระทั่งถึง…เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ!
……
สิ่งที่คึกคักที่สุดในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิคืออะไรน่ะหรือ
นั่นก็คือครอบครัวกลับมาดูงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิด้วยกันไงล่ะ
งานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิคือรายการที่มีเรตติงสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่บลูสตาร์เปิดโหมดผนวกรวม ความนิยมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลาย
ในแง่ของเรตติง ไม่มีรายการใดสามารถแข่งขันกับงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิได้!
และเมื่อปีที่แล้ว เพลงตะวันฉายของหลินเยวียนก็ได้ถูกนำไปขับร้องในงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และกล่าวได้ว่าทำให้ขวัญกำลังใจของบริษัทกลับมาอีกครั้ง
ในงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ หลินเยวียนก็นับว่าได้เข้าร่วมอีกครั้ง
มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่กลางเวทีงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ กำลังท่องบท ‘ทำนองวารี จันทร์แจ่มเมื่อไรมี’ ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมความรู้สึก
จินมู่เคยบอกหลินเยวียนไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีคนท่องทำนองวารีในงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ทว่าหลินเยวียนไม่ได้สนใจสักเท่าไรนัก ถึงอย่างไรสถานีโทรทัศน์ก็จ่ายค่าลิขสิทธิ์มาไม่มาก
จนกระทั่งบทกวีจบลง หลินเยวียนถึงได้นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
หลินเซวียนตื่นเต้นมาก “กลอนของนายหนิ!”
หลินเหยาปรบมือ “ท่องกลอนได้เพราะมากเลย!”
แม่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ทีนี้คนเยี่ยนก็ได้รู้จักลูกแล้ว!”
คำพูดของแม่ใช่ว่าจะไร้ซึ่งที่มาที่ไป
เมื่องานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึง ถึงแม้จะยังไม่ใช่วันที่ 1 มกราคมอย่างเป็นทางการ แต่กำแพงวัฒนธรรมของเยี่ยนโจวก็ได้ถูกทลายลงแล้ว
และนั่นก็หมายความว่าเยี่ยนโจวได้เข้าร่วมการผนวกรวมครั้งสำคัญของบลูสตาร์อย่างเป็นทางการ!
ฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน หาน จ้าว และเว่ย กระบวนการรวมดินแดนของทั้งเจ็ดทวีปนั้นดำเนินมาเกินครึ่งทาง!
เพราะฉะนั้นในค่ำคืนนี้ ไม่เพียงชาวฉิน ฉี และฉู่ที่สามารถร่วมเพลิดเพลินในงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิได้ ชาวเยี่ยนก็สามารถทำได้เช่นกัน!
บนโลกออนไลน์
ชาวเยี่ยนซึ่งเพิ่งผนวกรวมเข้ามากำลังรับชมงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ พลางเริ่มสนทนาโต้ตอบกับชาวเน็ตจากฉิน ฉี และฉู่
‘กลอนสือบทนี้ดีมาก ฉินฉีฉู่เต็มไปด้วยคนเก่งจริงๆ!’
มีคนเยี่ยนเอ่ยชื่นชม
‘นี่เป็นกลอนสือที่คนฉินเราเขียนขึ้น ผู้เขียนมีชื่อว่าเซี่ยนอวี๋ นอกจากนั้นยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับกลอนสือบทนี้ เพลงมีชื่อว่าขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ชาวเน็ตจากมณฑลเยี่ยนไปลองฟังกันได้!’
มีชาวฉินเอ่ยแนะนำอย่างอบอุ่น
‘พอเรียกเยี่ยนโจวว่ามณฑลเยี่ยนแล้วไม่ชินเอาซะเลย ฮ่าๆ ผมจะไปฟังเดี๋ยวนี้แหละ’
ชาวเยี่ยนคนนั้นกล่าว
และมีชาวเยี่ยนเอ่ยหยอกล้อ ‘คนฉินก็ขี้เหมือนกันเหรอ’
ชาวเน็ตจอมกวนชาวฉินตอบกลับ ‘คนฉินไม่ขี้ เพราะเรากินน้ำค้างกับน้ำฝนเป็นอาหาร’
ชาวฉู่แซว ‘งั้นก็ต้องฉี่สินะ?’
ชาวฉีร่วมประสมโรงด้วย ‘ได้ยินว่าชาวเยี่ยนแค่อ้าปากก็สู้กันแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเดือด แต่พี่เดือดมานานแล้ว’
‘เรื่องนี้ยอมรับ’
ชาวเยี่ยนตอบอย่างภาคภูมิใจ ‘ชาวเยี่ยนครองการแข่งขันกีฬาทั้งหมด นอกจากนั้นในบรรยากาศด้านศิลปะของชาวเยี่ยนจะใช้การแข่งขันเป็นหลัก อย่างเซี่ยนอวี๋ที่คุณพูดถึง เขาเขียนกลอนสือได้ไม่เลว แต่พรุ่งนี้คงจะมีคนออกมาท้าเขาแล้ว ผู้ทรงภูมิชาวเยี่ยนนำพาความสงบมาสู่โลกด้วยปลายปากกา ได้รับการขนานนามว่าปราดเปรื่องทั้งบุ๋นบู๊!’
‘อันนี้เฉียบ!’
ชาวฉินคนหนึ่งตอบกลับทันที ‘แนะนำว่าให้วงการดนตรีของพวกคุณไปท้าดวลเซี่ยนอวี๋ คนคนนี้ชื่อเสียงโด่งดัง แต่ความสามารถธรรมดา เก่งไม่จริง’
ชาวฉีคนหนึ่งกล่าวต่อ ‘แนะนำให้วงการนิยายของพวกคุณไปท้าดวลฉู่ขวง คนคนนี้เป็นนักเขียนนิยาย ความสามารถพอประมาณ แต่นิสัยเย่อหยิ่ง จนหลายคนทนดูไม่ได้ ในยุทธจักรจึงขนานนามว่าเจ้าแก่ฉู่ขวง’
ชาวฉู่คนหนึ่งตื่นตัวขึ้นทันใด ‘วงการการ์ตูนของพวกคุณโหดหรือเปล่า รีบไปท้าดวลอิ่งจือเลย เหตุผลยังเรียบเรียงไม่ถูก แต่แค่ไป!’
‘…’
นับตั้งแต่กระบวนการผนวกรวมเริ่มต้นขึ้น การสื่อสารระหว่างทวีปที่ผนวกรวมกันเช่นนี้กลายเป็นสิ่งที่สงวนไว้พร้อมกับงานฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิแล้ว
และหลังจากที่ชาวเน็ตต่างคนต่างป่วนกันไปหนึ่งยก
สมาคมวรรณศิลป์ก็ประกาศข่าวที่นำพามาซึ่งความตกตะลึง
‘สมาคมของเราจะเชิญตัวแทนจากแวดวงวรรณกรรมมาจัดทำรวมนิทานบลูสตาร์อย่างเป็นทางการ หนังสือรวมนิทานฉบับนี้จะประกอบด้วยนิทานเด็กขนาดสั้นคลาสสิกจำนวนสามสิบเรื่อง…’
ทันทีที่ข่าวออกมา!
วงการนิทานก็พลันแตกตื่น!
ชาวเยี่ยนก็สนอกสนใจเสียยิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะบรรดานักเขียนนิทานชาวเยี่ยน ‘พวกเราชอบพิธีต้อนรับแบบนี้ เริ่มจากนิทานก่อนเลยแล้วกัน เชิญเพลิดเพลินไปกับพายุแห่งการแข่งขันซึ่งชาวเยี่ยนนำพามา!’
…………………………………………..
[1] เทพนิยายแอนเดอร์เซน (Andersen’s Fairy Tales) รวมนิทานโดยฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นักเขียนขาวเดนมาร์ก เช่น เงือกน้อยผจญภัย ลูกเป็ดขี้เหร่ ธัมเบลินา เจ้าหญิงกับเมล็ดถั่ว เป็นต้น
[2] พันหนึ่งราตรี (The Arabian Nights) หรือ อาหรับราตรี (Arabian Nights) งานรวมนิยายและนิทานพื้นบ้านตะวันออกกลางและเอเชียใต้ ในยุคทองของศาสนาอิสลาม เช่น อาละดินกับตะเกียงวิเศษ การผจญภัยของซินแบด เป็นต้น