Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 433 แมวกับหนู
เปลี่ยนน้ำแกงแต่ไม่เปลี่ยนเครื่องตุ๋นยาจริงด้วย…
หลินเยวียนดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของบลูสตาร์หลายเรื่องติดต่อกันในคอมพิวเตอร์ เขาพบว่ารูปแบบของซูเปอร์ฮีโรเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วยังคงสืบต่อมาจากเรื่องบุตรแห่งมังกรในยุคแรก แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่โดยภาพรวมแล้วก็กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจนหลุดออกจากรากเหง้าเดิม
อันที่จริง เรื่องสไปเดอร์แมนก็เช่นกัน
ยังคงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความพยายามในการปราบเหล่าสัตว์ประหลาดหลังจากตนได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร แต่สไปเดอร์แมนมีจุดเด่นที่ซูเปอร์ฮีโรคนอื่นไม่มี ตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์มีคำนิยามเกี่ยวกับความช่วยเหลือของเขาต่อผู้คนคทั่วไป
‘เพื่อนบ้านที่แสนดีของชาวนิวยอร์ก’
นี่คือด้านหนึ่งของวีรบุรุษพลเรือนอย่างสไปเดอร์แมน ซูเปอร์ฮีโรคนอื่นๆ ในมาร์เวลส่วนมากล้วนแลดูสูงส่งเกินเอื้อมถึง สไปเดอร์แมนเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโรที่ติดดินที่สุด นอกจากนั้นเขายังเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลาย!
ความคิดของเขายังมีส่วนที่ไร้เดียงสา
แต่เขาก็มีเส้นทางในการเติบโต
เขาตระหนักได้ว่าตนเองเป็นซูเปอร์ฮีโรและควรสร้างความเปลี่ยนแปลง ก็หลังจากที่ลุงของเขาเสียชีวิต การจากไปของลุงคือจุดพลิกผันของการเปลี่ยนแปลงของเขา นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดเรื่องสไปเดอร์แมนถูกสร้างมาแล้วหลายเวอร์ชัน ไม่เคยมีเวอร์ชันใดซึ่งตัดคำกล่าวนี้จากต้นฉบับออกไป
‘พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’
ประโยคนี้คือประโยคเด็ดซึ่งอยู่ในใจของสาวกมาร์เวลบนโลกเสมอมา ทว่าผู้ที่ดูสไปเดอร์แมนเป็นครั้งแรกมักจะซาบซึ้งกับประโยคนี้ได้ง่าย ไม่มีหรอกซูเปอร์ฮีโร สไปเดอร์แมนเป็นเพียงคนธรรมดาที่แบกรับความรับผิดชอบต่อสังคม เพียงเพราะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ก็เท่านั้นเอง
นอกจากนี้…
หลังจากสไปเดอร์แมนในยุคแรก เวอร์ชันหลังจากนั้นมักปรากฏฉากหนึ่ง ซึ่งก็คือสไปเดอร์แมนใช้ใยแมงมุมหยุดเรือหรือรถบัส อันที่จริงนี่เป็นความดีความชอบของเวอร์ชันแรก ในภาพยนตร์สไปเดอร์แมนภาคสองซึ่งนำแสดงโดยโทบีย์ แม็กไกวร์ รถไฟขบวนหนึ่งเคลื่อนตัวไปบนราง ท้ายที่สุดสไปเดอร์แมนใช้ใยแมงมุมของตนยึดกับอาคารหลายแห่งทั้งสองด้าน ใช้ร่างกายของตนหยุดหัวรถไฟ และช่วยให้ผู้คนบนรถไฟรอดพ้นจากความตาย
ราคาที่ต้องจ่ายในการกระทำในครั้งนี้คือ…
ร่างกายของสไปเดอร์แมนแตะถึงขีดจำกัด เสื้อผ้าขาดวิ่น ผิวหนังเกิดรอยแผล จนหมดสติโดยสมบูรณ์ ปรากฏว่าผู้คนในรถไฟช่วยกันคว้าร่างของเขาไว้ ฉากนี้นับว่าเป็นฉากคลาสสิกที่สุดในภาพยนตร์ชุดสไปเดอร์แมน ผู้ชมหลายคนชื่นชอบสไปเดอร์แมนมาก และอาจด้วยเหตุผลด้านนี้เอง จึงรู้สึกสะเทือนใจกับฉากนี้เป็นพิเศษ!
ระบบรู้ความมากทีเดียว
แม้ว่าบทภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนซึ่งมอบให้หลินเยวียนจะเริ่มเล่าเรื่องจากต้นกำเนิดของสไปเดอร์แมน แต่ฉากสะเทือนใจในภาคสองนี้ก็ถูกย้ายมาอยู่ในบทนี้ด้วย นับว่าเป็นการสะท้อนบท ‘พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ ได้อย่างตรงจุด
แน่นอน
การจัดการเหล่านี้ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของสไปเดอร์แมนในฐานะภาพยนตร์โฆษณาพ็อปคอร์นได้ แต่ถึงอย่างนั้นจุดประสงค์ของหลินเยวียนคือปั้นเจี่ยนอี้ เขาคงไม่ให้เจี่ยนอี้แสดงภาพยนตร์ระดับปรมาจารย์อะไรทำนองนั้นหรอก
หนักเกินไป
ด้วยวัยของเจี่ยนอี้ เขาไม่มีทางรับมือกับภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรอย่างแบทแมนไหว โจ๊กเกอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลินเยวียนใช้ไอเทมทำให้ทักษะการแสดงของอีกฝ่ายแตะถึงมาตรฐานก็ไม่ได้ เรื่องบางเรื่องไม่สามารถเติมเต็มได้ด้วยทักษะการแสดงเพียงอย่างเดียว
ต้องสนุกสะใจด้วย
เคยทรมานผู้ชมอย่างหนักหน่วงด้วยเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูมาก่อน ตอนนี้ถึงเวลาชดเชยทางจิตใจให้กับผู้ชม ถึงแม้หลินเยวียนจะเป็นคนเลือกภาพยนตร์เอง แต่คล้ายกับว่าจะสอดคล้องกับนิสัยกวนประสาทของระบบ เพราะต้องเข้าใจว่าระบบชอบเล่นกับความรู้สึกของผู้ชม
ถังปั๋วหู่เรียกเสียงหัวเราะอันไร้เหตุผล
นักปรับเสียงเปียโนทำให้ใช้สมองขบคิด
ปากง สุนัขยอดกตัญญูทำให้ชอกช้ำระกำใจ
สไปเดอร์แมนจะระเบิดความมันสะใจแก่ผู้ชม
หลินเยวียนรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดีในการผลิตภาพยนตร์เช่นกัน จะปล่อยให้ผู้ชมตกอยู่ในอารมณ์ที่คล้ายคลึงกันตลอดเวลาไม่ได้ เมื่อผู้ชมรู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงกับสไปเดอร์แมนแล้ว บางทีครั้งหน้าอาจใส่ความหนักหน่วงเข้าไป
หรือไม่ก็สร้างความแปลกใหม่สักหน่อยก็ได้
เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้สึกว่าแนวทางของสไปเดอร์แมนนั้นซ้ำซากเกินไป ทุกครั้งที่ซูเปอร์ฮีโรเอาชนะสัตว์ประหลาดก็ได้ครองใจสาวงาม และสุดท้ายก็มีฉากจูบสุดโรแมนติกซึ่งสไปเดอร์แมนห้อยหัวลงมา
ที่จริงหลินเยวียนยังพิจารณาจากคำวิจารณ์ด้วย
อย่างไรเสีย ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ โดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องยากที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรจะโด่งดังเป็นพลุแตก ทว่าหลินเยวียนไม่สามารถไม่ผลิตภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ไปตลอดชีวิตเพียงเพราะเห็นแก่คำวิจารณ์ของเซี่ยนอวี๋ ผู้ชมทั่วไปเขาชอบดูกันนี่นา
ภาพยนตร์ที่ทุกคนสามารถเสพได้นี่แหละดี
หลินเยวียนรู้สึกว่าสิ่งที่เรียกว่าคำวิจารณ์ควรพิจารณาจากภาพยนตร์ประเภทเดียวกัน ถ้าหากค่าเฉลี่ยของคำวิจารณ์ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์อยู่ที่เจ็ด เช่นนั้นเขาต้องพยายามทำให้คำวิจารณ์ภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ของตนแตะถึงแปด ทำเช่นนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้
ภาพยนตร์จำเป็นต้องเตรียมการถ่ายทำ
โปรดิวเซอร์เสิ่นชิงและผู้กำกับอี้เฉิงกงตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่ได้รับข่าว พวกเขาร่วมงานกับหลินเยวียนหลายครั้งและประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งสองคนได้ลิ้มรสความหอมหวานแล้วเช่นกัน
หลินเยวียนกลับไม่สนใจเรื่องการเตรียมการ
เขาใช้เวลานี้ไปกับการเขียนนิยายอย่างเรื่อยเฉื่อย ไม่เพียงส่งนิยายชุดปัวโรต์ไปตีพิมพ์ เขายังเตรียมเผยแพร่นิทานเรื่องใหม่ด้วย นั่นก็คือ ‘ซูเค่อกับเป้ยถ่า’ ซึ่งพี่สาวเลือกนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้เขียนง่ายมาก
เนื่องจากนิทานเหล่านี้เขียนขึ้นสำหรับเด็ก ดังนั้นคำบรรยายยิ่งเรียบง่ายยิ่งดี ข้อความที่กระชับจึงทำให้เด็กๆ เข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น บทแนะนำตัวละครซูเค่อซึ่งอยู่ในฉากเปิดเรื่องของนิทาน
ซูเค่อเป็นหนูตัวหนึ่ง
ภาพจำที่คนเรามีต่อหนูคือพวกมันชอบขโมยอาหารของมนุษย์ จุดนี้โลกนิทานเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ซูเค่อไม่อยากกลายเป็นหนูที่ชอบขโมยของ เขาตัดสินใจหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ดังนั้นจึงตัดสินใจขับเครื่องบินของเล่นออกไป
เขาเริ่มต้นด้วยการช่วยเหลือมดน้อยตัวหนึ่ง
จากนั้นซูเค่อจึงได้รับคำเชิญจากพญามด
นิทานเป็นวรรณกรรมซึ่งให้ทั้งคำสอนและความสนุกสนาน ‘ซูเค่อกับเป้ยถ่า’ ก็เช่นกัน บทแรกของเรื่องเตือนทุกคนว่าอย่าลักขโมย ให้พึ่งพาความพยายามของตนแลกมาซึ่งรางวัลตอบแทน
ไม่เพียงให้แง่คิด
นิทานเรื่องนี้ยังเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ
ยกตัวอย่างเช่นพล็อตเรื่องเช่นนี้ ฉากที่เป้ยถ่าขับรถถัง ใช้ถั่วลิสงเป็นกระสุนปืนเพื่อทำสงครามกับหมี่ลี่จากดาวแมวเหมียวนั้นน่าสนใจมาก หากใส่ไว้ในนิยายออนไลน์ก็คือตัวละครที่เก็บซ่อนความแข็งแกร่งไว้ใต้รูปลักษณ์ที่อ่อนแอดี ๆ นี่เอง
ระดับความมันสะใจมีข้อจำกัด
ก่อนอื่นผู้เขียนมอบสูตรโกงให้กับตัวเอกเป้ยถ่า มอบรถถังซึ่งยิงปืนใหญ่ได้ หลังจากนั้นฉากที่หนูตัวน้อยซึ่งเสียเปรียบกลับต่อกรกับเจ้าแมวหมี่ลี่ซึ่งมีพละกำลังเหนือกว่า แมวหมี่ลี่ยังไม่ยอมจำนน เรียกเพื่อนของตนมาช่วย
ผลปรากฏว่าพวกมันถูกโจมตีต่อไป
ยากจะจินตนาการใช่ไหม ว่าในผลงานเมื่อหลายปีก่อนของราชานิทานบนโลกจะปรากฏพล็อตเรื่องซึ่งตัวละครแสร้งอ่อนแอแต่แท้จริงแล้วแข็งแกร่งที่ปรากฏในนิยายออนไลน์ หนังสือเรื่องนี้บรรยายว่าแมวเป็นวายร้ายคล้ายกับในวรรณกรรมออนไลน์
เมื่อเขียนไปเรื่อยๆ
หลินเยวียนเองก็รู้สึกเพลิดเพลินเช่นกัน
และเมื่อหลินเยวียนเขียนเรื่องซูเค่อกับเป้ยถ่าเป็นเวลาสามวัน จู่ๆ คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็ประกาศข่าวอย่างเป็นทางการ ต่อให้หลินเยวียนจะไม่ได้ติดตามข่าวสารมากนัก เพราะเขามัวแต่ง่วนอยู่ในโลกนิทานของซูเค่อและเป้ยถ่า แต่เขาก็ติดตามข่าวสารในวงการนิทานผ่านตาบ้าง
‘นานปีจะตีดาบสักเล่ม!’
‘คุณยังจำความทรงจำในวัยเด็กของลูกหมูสามตัวได้ไหม นิทานยาวเรื่องใหม่ของอาจารย์หยวนหยวน ‘ดาวแมวเหมียว’ กำลังจะมาถึง เรื่องของเจ้าเหมียวในครั้งนี้ จะนำพาความทรงจำวัยเด็กยุคใหม่มาให้ท่าน!’
นิทานขนาดยาวมาแล้ว!
ผลงานชิ้นใหม่ที่กำลังจะปล่อยของอาจารย์หยวนหยวน!
…………………………………………………