Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 459 เปียโน
แน่นอนว่าต้องขบคิดเรื่องเพลงในเวทีต่อไป
เพราะการบันทึกเทปรอบที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ทางทีมงานรายการส่งหนังสือแจ้งไปเรียบร้อยแล้ว
พรุ่งนี้หลินเยวียนต้องรีบไปซ้อมยังศูนย์ดนตรีกลาง และตอนเย็นต้องเริ่มอัดรายการ เพราะฉะนั้นการเลือกเพลงสำหรับรอบถัดไปจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เขาวิเคราะห์ตนเองสักพัก
“เสียงแหบของฉันเกิดจากโรค ไม่ใช่เสียงแหบประเภทที่แหบแห้งพิเศษ ถึงจะร้องเพลงร็อกออกมาให้ความรู้สึกว่าเสียงแหบมาก แต่เหมือนว่าจะยังไม่จำเป็นในตอนนี้”
เสียงแหบแบ่งเป็นระดับเบาและระดับหนัก
หลินเยวียนคิดว่าเหมือนกับความแตกต่างระหว่างไวน์แดงและไวน์ขาว
ยกตัวอย่างเช่นนักร้องซึ่งมีชื่อว่าเหลียงปั๋ว
เสียงของเขามีเสน่ห์มาก แต่จะรุนแรงมากไปไม่ได้ เช่นเดียวกับไวน์แดง ซึ่งต้องลิ้มลองอย่างละเมียดละไม
ส่วนไวน์ขาวก็เหมือนกับเสียงแหบระดับหนัก เป็นเสียงแหบซึ่งให้ความรู้สึกราวกับมีเสมหะในลำคอ
ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่ความหมายในเชิงลบ
เสียงแหบซึ่งเปรียบประหนึ่งไวน์ขาวสามารถร้องให้เกิดความรู้สึกรุนแรง สำแดงพลังได้ถึงขีดสุดและน่ากลัวมาก!
ยกตัวอย่างเช่น…
หลินเยวียนค่อนไปทางกรณีแรก
เสียงแหบของเขาให้ความรู้สึกราวไวน์แดงมากกว่า
ถ้าเขาต้องร้องเพลงซึ่งใช้เสียงแหบขั้นสูงสุด ถึงแม้ว่าจะทำได้ ซึ่งนั่นก็คือความรู้สึกของเพลงร็อกและการว้ากที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี
แต่ไม่มั่นคงมากพอ
หลินเยวียนควบคุมได้ไม่อยู่หมัด
รอให้หลังจากนี้ฝึกฝนจนชำนาญแล้วค่อยทำก็แล้วกัน
เสียงทั้งสามของหลินเยวียน ล้วนสามารถพัฒนาได้อีก
ดังนั้นหลินเยวียนจึงตัดสินใจร้องเพลงซึ่งเหมาะสมกับเสียงแหบแบบกลายพันธุ์ของเขา ที่สำคัญคือดึงความรู้สึกของเสียงแหบเหล่านั้นออกมาก็นับว่าใช้ได้
แน่นอน
จะทิ้งเอกลักษณ์ของเสียงหญิงชายไม่ได้เช่นกัน
เพราะหลินเยวียนต้องการคะแนนโหวตจากผู้ชม และตอนนี้ผู้ชมเองก็ชื่นชอบการสลับเสียงชายหญิงอย่างเป็นธรรมชาติของหลินเยวียน ปัจจุบันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ
ถึงขั้นที่อาจไม่เบื่อเลยก็ได้ อย่างมากความตื่นเต้นก็ลดลง
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเยวียนจึงตัดสินใจ สั่งผลิตเพลงหนึ่งจากระบบ
หลังจากนั้น
หลินเยวียนก็ตรงไปยังบริษัท
เมื่อมาถึงบริษัท
ทันทีที่เข้าไปยังห้องทำงาน เหล่าโจวก็กระวีกระวาดเข้ามาหา
“หลินเยวียน ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากถามนาย”
“เรื่องอะไรครับ”
เหล่าโจวกระแอม “อาจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบางอย่างที่ไม่สะดวกเปิดเผย ราชาหน้ากากนักร้อง นายดูแล้วใช่ไหม”
หลินเยวียนพยักหน้า
เหล่าโจวหัวเราะ “นายดูอยู่แล้วละ เพราะนักร้องที่ชื่อหลานหลิงอ๋องคนนั้นร้องเพลงที่นายเขียน”
พูดประโยคนี้จบ เหล่าโจวก็จ้องมองหลินเยวียน ราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าของหลินเยวียน
“หืม?”
หลินเยวียนจ้องเหล่าโจวกลับด้วยสีหน้าฉงนใจ
หรือว่าเหล่าโจวเดาอะไรออก?
เหล่าโจวกลับรู้สึกตื่นตระหนก “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้จะมาห้ามนาย แม้ว่าตามกฎของบริษัทแล้ว ถ้านักประพันธ์เพลงบริษัทเราจะเขียนเพลงให้คนบริษัทอื่น จะต้องรายงานต่อบริษัท แต่นายไม่จำเป็น ทางบริษัทคงแกล้งหลับตาข้างหนึ่งอย่างแน่นอน”
เหล่าโจวกลัวหลินเยวียนจะเข้าใจผิดว่าตนมาที่นี่เพื่อแสดงความไม่พอใจในนามบริษัท
แต่ในความเป็นจริง ต่อให้บริษัทจะไม่พอใจ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
พ่อเพลงตัวน้อยคนนี้ ในแง่หนึ่งเขาคือองค์รัชทายาทของสตาร์ไลท์ ผู้บริหารระดับสูงยอมโอนอ่อนผ่อนปรน ให้เขาเล่นสนุกไปตามเรื่อง
นอกจากนั้น พ่อเพลงที่ละเมิดกฎของบริษัทมีน้อยซะที่ไหนล่ะ?
กฎเกณฑ์ส่วนมากของบริษัทเพลง ไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาบุคลากรระดับพ่อเพลง
“อ้อ”
หลินเยวียนอธิบาย “ไม่นับว่าละเมิดกฎของบริษัทครับ”
เหล่าโจวชะงัก ทันใดนั้นดวงตาพลันเบิกกว้าง “นายหมายความว่า หลานหลิงอ๋องคือนักร้องของบริษัทเรา!?”
หลินเยวียน “นับว่าใช่”
เหล่าโจวระเบิดหัวเราะลั่น “งั้นก็ไม่มีปัญหา มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกว่าหลานหลินอ๋องบุคลิกเหมือนนายอยู่นะ ฮ่าๆ อยู่ใกล้กับใคร บุคลิกจะคล้ายๆ กัน ที่ฉันอยากถามนายอันที่จริงก็คือเรื่องนี้ เพราะทางแผนกศิลปินกำลังวุ่นวาย ผู้จัดการในสังกัดจ้าวเจวี๋ยไหว้วานให้ฉันมาสืบข้อมูลเกี่ยวกับหลานหลิงอ๋องจากนาย พวกเขาอยากดึงตัวหลานหลิงอ๋องมา!”
หลินเยวียน “…”
บริษัทไขว่คว้าโอกาสทุกช่องทาง
เหล่าโจวสะท้อนใจ “ฉันไม่รู้เลยว่าบริษัทมีคนแบบนี้ที่ร้องเสียงชายหญิงได้ คุณสมบัติแบบนี้อาจเห็นไม่ชัดเจนในการอัดเสียง แต่ผลลัพธ์ของการร้องสดนั้นสุดยอดมากอย่างแน่นอน!”
ใช่แล้ว
ถ้าปล่อยเพลง ผู้ฟังจะคิดเพียงว่านี่คือสองคนร้องคู่กัน ซึ่งทำให้สูญเสียความตกตะลึง
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นฉันไปแจ้งทางแผนกศิลปินก่อนแล้วกัน หลังจากนี้นายจะเขียนเพลงให้หลานหลิงอ๋องอีกไหม?”
“ครับ”
“เข้าใจแล้ว”
เห็นทีหลานหลิงอ๋องคนนี้ คงจะเป็นคนโปรดคนใหม่ของเซี่ยนอวี๋
เหล่าโจวเดินออกไปอย่างยิ้มแย้ม เพียงแต่เมื่อออกมาด้านนอก ฝีเท้าก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ
แปลกจริง
ทำไมถึงรู้สึกว่าเสียงของหลินเยวียนต่างจากเมื่อก่อนล่ะ?
ช่างเถอะ
เหล่าโจวไม่ได้คิดมาก และเดินจากไป
……
หลังจากเหล่าโจวออกไป
กู้ตงก็ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว
เธอเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ตัวแทนหลินเห็นข่าวหรือยังคะ?”
“ข่าวอะไรครับ”
“มีแต่ข่าวเกี่ยวกับรายการราชาหน้ากากนักร้อง”
กู้ตงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้หลินเยวียนดู
‘ราชาหน้ากากนักร้องออกอากาศ นักร้องลึกลับหลานหลิงอ๋องสั่นสะเทือนทั้งเวที!’
‘ราชาราชินีเพลงคับคั่ง หงส์ขาว!’
‘หลานหลิงอ๋องร้องเสียงชายหญิงไม่แบ่งแยก!’
‘หลานหลิงอ๋องแข่งขันคู่ผสม สมศักดิ์ศรีราชาหน้ากากนักร้อง!’
‘…’
ที่แท้กู้ตงได้รวบรวมข่าวเกี่ยวกับหลานหลิงอ๋องซึ่งสื่อรายงานไว้แล้ว
“ผมรู้แล้ว”
หลินเยวียนไม่ได้สนใจมากนัก
กู้ตงรับโทรศัพท์กลับไป ยังคงพูดด้วยความตื่นเต้น “เพลงของเวทีต่อไปกำหนดหรือยังคะ”
“กำหนดแล้วครับ”
“พอจะเปิดเผยได้ไหมคะว่าเป็นเพลงแบบไหน”
หลินเยวียนครุ่นคิด ก่อนจะตอบไป “เรียกว่าเพลงอกหักคงจะได้”
“อกหัก?”
งั้นนี่คงเป็นเพลงบัลลาด?
กู้ตงขบคิด จากนั้นจึงเอ่ย “คำถามสุดท้าย เพลงในเวทีต่อไปของคุณชื่อว่าอะไรคะ?”
ใบหน้าของกู้ตงเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
หลินเยวียนยิ้ม ไม่ได้ปิดบัง ตอบไปสองคำ
“เด็กชาย[1]”
กู้ตงพึมพำ “เด็กชาย?”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขานึกถึงเสียงแหบของเหลียงปั๋ว จึงเป็นธรรมดาที่จะนึกโยงไปถึงเพลง ‘เด็กชาย’
หลินเยวียนชื่นชอบเพลงนี้เหมือนกัน
แต่หลินเยวียนก็รู้เต็มอก ว่าเทคนิคของเพลงนี้ไม่โดดเด่นนัก คงเป็นไปไม่ได้หากคิดจะใช้เพลงนี้คว้าอันดับหนึ่ง
จะว่าไปแล้ว
รายการเพิ่งบันทึกเทปถึงตอนที่สองเท่านั้น ต้องเผชิญกับตัวแปรต่างๆ บนเวที หลินเยวียนไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้อันดับที่หนึ่งทุกเวที
นั่นออกจะเกินจริงไปหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ทักษะการร้องเพลงของหลินเยวียนมีขีดจำกัด เพราะฉะนั้นเขาจะเลือกผลงานเพลงที่ตนร้องได้สบาย คิดซะว่าตามใจตัวเองบ้างก็แล้วกัน ใครมาแข่งขันเพียงเพื่ออันดับหนึ่งอย่างเดียว ใครไม่มีเพลงที่ตนเองอยากร้องบ้าง?
แน่นอน
ตอนนี้หลินเยวียนไม่อยากตกรอบ ดังนั้นเขาจึงเตรียมใส่ลูกเล่นเพิ่มเติมในการแสดงรอบที่สอง เพื่อการันตีว่าต่อให้เขาจะไม่ได้อันดับหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วอันดับจะไม่แย่
เขาเตรียมเล่นเปียโนในรอบที่สอง
………………………………………………….
[1] เด็กชาย (Boy) เนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง และขับร้องโดยเหลียงปั๋ว เป็นเพลงซึ่งเหลียงปั๋วใช้แสดงในการแข่งขันสัปดาห์ที่ 10 ในรายการเดอะซิงเกอร์ 2017 (The Singer 2017) ในช่องหูหนานทีวี