Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 483 เอ่อท้น
วันที่ 3 มีนาคม
ในที่สุดนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ก็วางจำหน่าย
เมื่อนิยายเล่มนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้จัดการของหลินเยวียน จินมู่ได้อ่านเนื้อหาส่วนใหญ่ของนิยายเรื่องนี้ล่วงหน้าแล้ว “ข้อดีของการได้เป็นผู้จัดการของหัวหน้าก็คือได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ก่อนคนอื่นๆ…”
ขณะนั้น เขาพลิกเปิดเล่มสุดท้ายของนิยายชุดปัวโรต์
เล่มนี้มีชื่อว่า ‘ผ้าม่าน’
ด้านข้างมีวงเล็บเขียนว่า ‘คดีสุดท้าย’
จินมู่พลันรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา
และเมื่อเขาเห็นบทเปิดเรื่องใน ‘ผ้าม่าน’ อารมณ์ก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นอีก
ปัวโรต์เชิญเฮสติงส์กลับไปยังคฤหาสน์สไตล์ส
นี่คือสถานที่ซึ่งปัวโรต์และเฮสติงส์พบกันเป็นครั้งแรก
ต่างจากความคล่องแคล่วมีชีวิตชีวาเมื่อก่อน ยามนี้ปัวโรต์ร่างกายโรยรา ถึงขั้นนั่งอยู่บนรถเข็น
อ้างอิงจากเส้นเวลาของเรื่อง นี่เป็นเรื่องปกติ คนเราต้องแก่เฒ่าเป็นธรรมดา
แต่ในฐานะผู้อ่าน จินมู่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
จินมู่อ่านต่อไปพร้อมกับความเจ็บปวดนี้
เวลาผันเปลี่ยน
ปัจจุบันนี้คฤหาสน์ซึ่งปัวโรต์และผู้ช่วยของเขาพบกันเป็นครั้งแรกถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมหรู
มีตัวผู้คนหลากหลายประเภทอยู่ในโรงแรม
นี่คือจุดเริ่มต้นของคดีที่คลาสสิกที่สุดของปัวโรต์
จัดกลุ่มคนในพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ และปัวโรต์จำเป็นต้องตามหาตัวฆาตกรในนั้น และปัวโรต์ไม่พลาด!
เป็นดังคาด
เมื่อเห็นผู้ช่วยเฮสติงส์ ปัวโรต์จึงหยิบกองหนังสือพิมพ์ออกมา ซึ่งมีรายงานคดีฆาตกรรมห้าครั้ง
ปัวโรต์กล่าวว่า
“มีความเชื่อมโยงกันระหว่างคนที่เข้าพักในโรงแรม และระหว่างพวกเขากับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมครั้งอื่นๆ”
อารัมภบทคลาสสิก!
รู้สึกคุ้นเคยกระทั่งสนิทชิดเชื้อ ต่อจากนี้คงจะเป็นวิธีการไขคดีแสนคลาสสิกของปัวโรต์
นี่มันปัวโรต์สุดๆ!
จินมู่คิดเช่นนี้ รอยยิ้มคาดหวังปรากฏบนใบหน้า
ทว่าการดำเนินเรื่องหลังจากนั้น กลับทำให้จินมู่ตะลึงงัน
เหยื่อซึ่งสาเหตุการตายมีความน่าสงสัยปรากฏขึ้น
ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมมองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้ตายถูกฆ่า ทว่าปัวโรต์กลับยืนกรานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย!
ปัวโรต์กับเฮสติงส์ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ทำไม”
ความสนิทชิดเชื้อที่มีหมดสิ้นไป
จู่ๆ จินมู่ก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
ปัวโรต์แปลกไป แปลกจนไม่เหมือนปัวโรต์
หรือว่าปัวโรต์แก่แล้ว จึงประมวลผลความคิดไม่ทัน?
จินมู่กัดฟัน
เล่มนี้หนักเหมือนกันแฮะ
แต่ในขณะนั้น บทบรรยายต่อมากลับทำให้จินมู่ ราวกับถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว!
ปัวโรต์ตายแล้ว!
คดียังไม่ทันคลี่คลาย จู่ๆ ปัวโรต์ก็…
ตายแล้ว!!
หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม!!!
ชั่วขณะนั้น มือซึ่งถือหนังสืออยู่ของจินมู่ก็สั่นเทิ้ม จากนั้นจึงตระหนักได้
“เป็นไปไม่ได้!”
คดีสุดท้ายเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน คดียังไม่ได้รับคำตอบ ปัวโรต์ก็ตายซะแล้ว?
นี่มันการดำเนินเรื่องที่พิลึกพิลั่นอะไรปานนี้!?
หัวหน้าเขียนให้ตัวเอกตายเหรอเนี่ย!!
สมองของจินมู่ชาและนิ่งค้าง ลมหายใจของเขากระชั้นขึ้น ลุกขึ้นเดินไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์กลับมา
จบสิ้นแล้ว!
จินมู่กระจ่างดีว่าการที่หัวหน้าเขียนให้ตัวเอกซึ่งได้รับความนิยมสูงมากอย่างปัวโรต์ตาย สำหรับผู้อ่านแล้วมีความหมายว่าอย่างไร!
มันคือการทำร้ายจิตใจ!
ผู้อ่านมากมายชื่นชอบปัวโรต์ การทำร้ายจิตใจประเภทนี้น่ากลัวเพียงใด จะไม่มีใครนิ่งเฉยต่อการตายของปัวโรต์!
ต่อให้ในยามนี้เขาจะไม่สามารถยอมรับความตายของปัวโรต์ได้!
แต่ปัวโรต์ก็ตายแล้วจริงๆ
ปราศจากกลอุบายในการเขียน เรื่องราวเพียงแค่บอกผู้อ่านอย่างเรียบง่ายว่าปัวโรต์ถึงแก่กรรมแล้ว
ร่างไร้วิญญาณของเขาเย็นเฉียบ!
แม้แต่งานศพก็จัดขึ้นแล้ว!
ความเศร้าครั้งใหญ่แผ่ซ่านในหัวใจของจินมู่ทันใด เขาใช่เพียงผู้จัดการของหัวหน้า แต่ยังเป็นแฟนคลับของปัวโรต์อีกด้วย
เขาทำได้เพียงบังคับให้ตนเองอ่านต่อไป
เขาอยากรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ในเรื่องหรือไม่
และก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่จริงๆ
การตายของปัวโรต์ อาจเป็นการฆาตกรรม
เพราะเฮสติงส์พบว่าขวดยารักษาโรคหัวใจของปัวโรต์หายไป
เฮสติงส์ซึ่งกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งตัดสินใจค้นหาความจริง
ความกดดันอัดแน่นในอากาศ
ที่ผ่านมาเป็นปัวโรต์ซึ่งออกค้นหาความจริง
แต่ในครั้งนี้ ปัวโรต์กลายเป็นเหยื่อ
และเฮสติงส์ในฐานะผู้ช่วยของปัวโรต์ จึงจำเป็นต้องสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้ว
เฮสติงส์ไม่ประสบผลสำเร็จ
ผู้ที่ไขคดียังคงเป็นปัวโรต์เอง!
ปัวโรต์ตายแล้วจริงๆ จุดนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เขาทิ้งจดหมายลาตายฉบับหนึ่งไว้
จดหมายฉบับนี้ระบุความจริงทั้งหมด
ที่แท้ปัวโรต์พบตัวคนร้ายแล้วตั้งแต่ต้น
ทว่าฆาตกรคนนี้มีความพิเศษ เขาไม่เคยลงมือฆ่าคนด้วยตนเอง แต่ใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอทางจิตใจของผู้อื่น กระตุ้นให้พวกเขาสังหารคนอย่างชาญฉลาด
อาชญากรรมเหล่านี้เขาเป็นคนวางแผน และเขาก็เป็นคนลงมือ
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เขากลับยืนอยู่นอกวงโดยที่ไม่มีใครสงสัย
หรือกล่าวได้ว่า เขาสามารถทำให้ตนเองยืนอยู่นอกวงได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย
หลังจากเจ้าของโรงแรมได้ฟังคนคนนี้เล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุปืนลั่น จึงจงใจแสร้งทำปืนล่าสัตว์ลั่น จนภรรยาซึ่งกดขี่เขามาโดยตลอดได้รับบาดเจ็บ แต่เพราะเกิดใจอ่อนขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย กระสุนจึงไม่โดนจุดสำคัญ
และคนคนนี้เอง ก็เป็นผู้ที่ปลุกปั่นให้คุณนายแฟรงก์คลินวางแผนสังหารสามี เพื่อที่เธอจะได้แต่งงานใหม่
แต่เนื่องจากสถานการณ์พลิกผัน คุณนายแฟรงก์คลินจึงดื่มกาแฟซึ่งใส่ยาพิษถ้วยนั้นเสียเอง เพื่อป้องกันไม่ให้แฟรงก์คลินและจูดิธบุตรสาวของเฮสติงส์ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกสงสัย ปัวโรต์จึงสรุปว่าผู้หญิงคนนี้ปลิดชีพตนเอง…
ใช่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ปัวโรต์จึงถกเถียงกับเฮสติงส์ เพียงเพราะเขาต้องการปกป้องบุตรสาวของเพื่อนสนิท
หลังจากนั้น…
เรื่องนี้ทำให้เฮสติงส์เข้าใจผิดว่าบุตรสาวของตนถูกคนร้ายล่อลวง จนเฮสติงส์ต้องการสังหารเขาเสีย!
โชคดีที่ปัวโรต์ล่วงรู้ทันท่วงที จึงวางยานอนหลับเฮสติงส์ เฮสติงส์จึงลงมือไม่สำเร็จ
ปัวโรต์โกรธมาก
เพื่อนที่ซื่อสัตย์และจิตใจดีถูกคนร้ายใช้วิธีการทางจิตวิทยา จนเกือบพลั้งมือฆ่าคน!
ปัวโรต์สุดทนแล้ว!
ภายใต้สถานการณ์ซึ่งไม่อาจใช้วิธีการทางกฎหมายจัดการกับฆาตกรได้ ปัวโรต์จึงตัดสินใจทำสิ่งที่ชวนประหวั่นพรั่นพรึง!
เขาต้องลงมือสังหารฆาตกรซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องโหดเหี้ยมทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง
นอร์ตัน!
และหลังจากสังหารฆาตกรแล้ว ปัวโรต์จึงซ่อนยารักษาโรคหัวใจของตน และปล่อยให้ตนเองสิ้นใจ
เขาพร้อมรับคำพิพากษาจากพระเจ้า
ใช่แล้ว หลังจากปัวโรต์สังหารฆาตกร เขาเลือกที่จะปลิดชีพตนเอง เขาสังหารฆาตกรโดยแลกกับการเป็นฆาตกรเสียเอง
จินมู่รู้สึกราวกับหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
และเมื่อเขาเห็นข้อความสุดท้ายซึ่งปัวโรต์ทิ้งไว้ให้กับผู้ช่วย ในอกของเขาพลันรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม
‘เฮสติงส์ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นถูกหรือผิด ผมสับสนเหลือเกิน ผมไม่คิดว่าคนคนหนึ่งควรครอบครองกฎหมายไว้ในมือของตนเอง…แต่อีกมุมหนึ่ง ผมก็คือกฎหมาย! จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนสมัยยังเป็นตำรวจ ผมเคยฆ่าคนที่นั่งอยู่บนหลังคา คอยลั่นไกฆ่าผู้อื่น ในสถานการณ์ที่จวนตัวเช่นนี้ ผมจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึก การสังหารนอร์ตัน ทำให้ผมช่วยชีวิตผู้อื่นได้…ช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์
แต่ว่า ผมยังไม่รู้เลย…
บางทีผมไม่รู้อาจดีกว่า ผมมักจะมั่นใจอยู่เสมอ มั่นใจมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ…แต่ในตอนนี้ ผมรู้สึกด้อยกว่ามาก ผมทำได้เพียงบอกกับคุณเสมือนผมเป็นเด็กว่า ผมไม่รู้… ลาก่อนเพื่อนรัก ผมได้นำเอมิลไนไตรท์[1]ออกจากเตียงแล้ว และยินดีมอบตนเองสู่พระหัตถ์ของพระเจ้า เขาอาจลงโทษ หรืออาจให้อภัย ขอให้เร่งมือสักหน่อยเถิด! พวกเราคงไม่ได้ลงโทษอาชญากรด้วยกันอีก เราสืบคดีด้วยกันครั้งแรกที่นี่ และครั้งสุดท้ายก็คือที่นี่…ช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงาม ใช่แล้ว และนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดสำหรับผมเสมอ…’
เผาะๆ
มีหยดน้ำตา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่น้ำตาของจินมู่เอ่อท้นลงมา
………………………………………………..
[1] ชื่อยา มีสรรพคุณเพื่อบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด