Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 495 ผลัดเปลี่ยนยุคสมัยแล้วขอรับ
ในวันนี้
ไม่ว่าความรู้สึกแรกเริ่มจะเป็นอย่างไร หลายคนก็ซื้อยอดนักสืบโฮล์มส์ติดไม้ติดมือมาแล้ว แม้ว่าสำหรับใครหลายคน คำว่า ‘ยอดนักสืบ’ ในชื่อหนังสือจะชวนให้รำคาญตาอยู่บ้างก็ตาม
เวลาแปดโมงตรง
บนอินเทอร์เน็ต
ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่แสดงท่าทีต่อต้านโฮล์มส์ แม้ว่าหลายคนจะซื้อยอดนักสืบโฮล์มส์เล่มใหม่ล่าสุดมาแล้ว ถึงกับมีคนอ่านไปพลางเขียนบ่นในโลกออนไลน์
‘หนังสือใหม่ของเจ้าแก่ฉู่ขวงไม่ได้เรื่อง’
‘โฮล์มส์อะไรนี่โคตรโรคจิต มาถึงก็เฆี่ยนศพ ถึงจะทำไปเพื่อสืบคดี แต่จากความรู้สึกแล้วนิสัยไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ปัวโรต์ของพวกเราไม่หยาบคายแบบนี้’
‘พยายามเกินไปล่ะมั้ง’
‘ยิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด โฮล์มส์คนนี้ทะนงตัวเกินไป เหมือนเป็นร่างโคลนของเจ้าแก่ฉู่ขวง โฮล์มส์ยังบอกอีกนะว่าบนบลูสตาร์มีแค่ปัวโรต์ที่เทียบกับเขาได้ในด้านการไขคดี!’
‘อะไรนะ’
เมื่อผู้คนบางส่วนซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือมาอ่านได้ยินดังนั้น ความโกรธก็พลันพลุ่งพล่านขึ้นมา ‘เขายังกล้าพูดถึงปัวโรต์อีก เขาทำทุกวิถีทางเพื่อดันโฮล์มส์ขึ้นสู่จุดสูงสุด แบบนี้ยิ่งทำให้ฉันมีความมุ่งมั่นที่จะคว่ำบาตรโฮล์มส์มากขึ้น!’
‘โฮล์มส์จะเอาอะไรมามั่นเอ่ย?’
‘เป็นใครมาเทียบกับปัวโรต์’
‘คำถามคือทั้งที่พวกคุณกำลังคว่ำบาตรโฮล์มส์ ทำไมถึงยังซื้อหนังสือ แถมยังอ่านอีก แบบนี้ไม่ได้ยิ่งทำให้แผนการของเจ้าแก่ฉู่ขวงสำเร็จ แถมช่วยดันยอดขายของเขาอีก?!’
‘…’
กลุ่มคนที่ไม่ซื้อไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ไหนบอกว่าจะคว่ำบาตรฉู่ขวงด้วยกัน
แต่พวกคุณดันไปแอบซื้อหนังสือเล่มใหม่
มองภาพรวมไม่ออกหรือ ตอนนี้เจ้าแก่ฉู่ขวงเป็นศัตรูของพวกเราทุกคน การคว่ำบาตรโฮล์มส์คือหน้าที่ของทุกคน พวกคุณรู้บ้างไหมว่านี่เป็นการให้ท้ายศัตรู
‘อ่านแล้วถึงด่าได้ไง!’
ผู้ที่ซื้อยอดนักสืบโฮล์มส์มานั้นอ่านหนังสือไปพลางสื่อสารกับชาวเน็ตซึ่งไม่ได้อ่านหนังสือเป็นบางครั้งบางคราว ‘ถ้าพวกเราไม่ได้อ่านหนังสือ พวกคุณจะรู้ไหมล่ะว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงทำเกินไปแค่ไหน ถึงกับกล้าทำกับปัวโรต์ของพวกเราแบบนี้’
‘ถูกต้อง!’
‘ผมยังพบอีกปัญหาหนึ่ง เจ้าแก่ฉู่ขวงอยากให้โฮล์มส์กลายเป็นปัวโรต์คนใหม่ เขาเลยหาผู้ช่วยชื่อวัตสันมาให้โฮล์มส์ วัตสันคนนี้ก็จำลองมาจากเฮสติงส์นี่แหละ!’
‘ใช่แล้ว’
‘นอกจากนั้นเรื่องของโฮล์มส์ก็ยังบอกเล่าผ่านมุมมองของผู้ช่วยอย่างวัตสัน เช่นเดียวกับในนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งของผู้ช่วย รูปแบบยังคงเหมือนเดิม!’
‘ฉันว่าแล้วเชียว’
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงแค่เปลี่ยนชื่อให้ปัวโรต์ ในเมื่อยังใช้รูปแบบยอดนักสืบ โดยมีนักสืบกับผู้ช่วยทำงานร่วมกัน งั้นทำไมต้องตัดจบนิยายชุดปัวโรต์ด้วยล่ะ!’
ทุกคนมีความเคียดแค้นร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าแปลกคือ
กลุ่มคนซึ่งอ่านหนังสือไปพลางตำหนิเรื่องยอดนักสืบโฮล์มส์ให้ทุกคนฟัง แรกเริ่มเดิมทีต่างกระตือรือร้น ทันทีที่เห็นข้อบกพร่องก็จะนำไปวิจารณ์กับชาวเน็ตทันที แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความถี่ของการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ของพวกเขาก็น้อยลงเรื่อยๆ จนภายหลังถ้อยคำเสียดสีเหลือน้อยลงมาก
พูดอะไรสักอย่างสิ!
ทำไมไม่ส่งเสียงบ้าง
เมื่อชาวเน็ตซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือสังเกตเห็นเรื่องนี้ต่างก็งุนงงไปบ้าง พวกคุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าอ่านแล้วจะได้มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แล้วความคิดเห็นของพวกคุณล่ะ ไหนบอกว่าจะช่วยกันด่า?
น่าแปลก
จำนวนคนน้อยลงเรื่อยๆ
เมื่อเวลาเก้าโมงเช้าล่วงเลยไป ไม่รู้แน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กลุ่มคนซึ่งอ่านยอดนักสืบโฮล์มส์ไปพลางร่วมวิพากษ์วิจารณ์กับชาวเน็ตก็หายไป!
ราวกับอันตรธานไปพร้อมกัน
ชาวเน็ตซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือที่หลงเหลืออยู่ต่างเต็มไปด้วยความสับสนว้าวุ่น บางคนพยายามจงใจเมนชันคนเหล่านั้นซึ่งกำลังอ่านหนังสือ ผลคือมีบางคนปรากฏตัวขึ้นหลังจากถูกเมนชันถึงจริงๆ เพียงแต่มีบางอย่างผิดปกติกับคนเหล่านี้
‘อ่านหนังสืออยู่’
‘อย่าเมนชัน’
‘ไม่ว่าง’
มาอ่านหนังสงหนังสืออะไรกัน?
เมื่อกี้พวกคุณก็ยังออกมากันอย่างคึกคักไม่ใช่หรือ ชาวเน็ตซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือเริ่มหัวเสีย ขณะนั้นเองก็มีคนที่ซื้อหนังสือมาอ่านปรากฏตัวขึ้น ‘พวกคุณไปซื้อหนังสือมาอ่านกันเองสิ ทำไมต้องมาถามพวกเราอยู่เรื่อย’
ผิดปกติ!
ผิดปกติมาก!
ชาวเน็ตซึ่งไม่ได้ซื้อหนังสือและไม่มีหนังสืออ่านต่างขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน เพียงแต่ในใจกระเหี้ยนกระหือรืออย่างบอกไม่ถูก หรือพวกเราไปซื้อหนังสืออ่านสักหน่อยดีไหม?
อีกด้านหนึ่ง
หลินเยวียนไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ แต่กลับกำลังดูการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน ในเวลานี้ เมื่อการถ่ายทำอันยากลำบากสิ้นสุดลง ผู้กำกับอี้เฉิงกงพลันคลี่ยิ้ม
“เอาละครับ”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ อี้เฉิงกงมองไปทางหลินเยวียน คนอื่นในกองถ่ายต่างก็มองไปทางหลินเยวียน หลินเยวียนรับรู้สิ่งที่อี้เฉิงกงและทุกคนต้องการสื่อ เขาก้าวขึ้นด้านหน้า ชำเลืองมองกล้องซึ่งเพิ่งใช้ถ่ายทำไปเมื่อครู่ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“ปิดกล้องแล้ว!”
ความปลาบปลื้มอบอวลไปทั้งกองถ่าย ในที่สุดสไปเดอร์แมนก็ปิดกล้องแล้ว เจี่ยนอี้ซึ่งอยู่ด้านข้างถอดชุดสไปเดอร์แมนรัดรูปของตน ถือมันไว้ในมือพลางโบกไปมาอย่างตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตสำเร็จแล้ว!
“ต่อจากนี้จะเป็นขั้นโพสต์โพรดักชัน”
อี้เฉิงกงยิ้มแย้มพลางมองไปทางหลินเยวียน “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่ถึงสองเดือนหนังเรื่องนี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้นสามารถเตรียมเข้าฉายได้เลย บางทีตอนนี้ตัวแทนหลินอาจพิจารณาตารางเข้าฉายได้ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาเองก็ดีใจ นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่สี่ในชีวิตของเขา เป็นภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง หลินเยวียนไม่มั่นใจว่าในอนาคตเขาจะสร้างภาพยนตร์แนวนี้อีกไหม แต่การได้ทดลองนั้นทำให้หลินเยวียนรู้สึกสนุกไปด้วย
ร่วมเฉลิมฉลองกับทีมงานสักครู่หนึ่ง
หลินเยวียนหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมกดเข้าดูความคิดเห็นเกี่ยวกับยอดนักสืบโฮล์มส์ เขาเคยคำนวณเวลาไว้ ขณะนี้เป็นเวลาสี่โมงครึ่ง และผู้อ่านชุดแรกน่าจะอ่านจบแล้ว
ล็อกอินเข้าปู้ลั่ว
ขณะที่หลินเยวียนกำลังค้นหาหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์ เขาก็บังเอิญไปเห็นโพสต์แนะนำโดยปู้ลั่วปรากฏขึ้นตรงหน้า นี่เป็นโพสต์ของเหลิ่งกวง นักเขียนวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนในบลูสตาร์ นักเขียนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าจอมบ่นเคยประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงและลงเอยด้วยความปราชัย ถึงกับเขียนด้วยน้ำเสียงยกย่อง ‘เดิมทีผมคิดว่าโฮล์มส์จะเป็นเงาสุดท้ายของยุคหลังปัวโรต์ แต่นึกไม่ถึงนี่คือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของยุคสมัยสำหรับนิยายชุดยอดนักสืบ’
หลังจากนั้น
นักเขียนซึ่งมีชื่อเสียงกว่าเหลิ่งกวง และเคยเขียนคำนิยมให้กับเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอ็กซ์เพรสอย่างคาเธอร์ ก็รีโพสต์โพสต์ของเหลิ่งกวง พร้อมทั้งเขียนแคปชันแนบไปว่า ‘ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุคสมัยของโฮล์มส์!’
ขณะนั้นเอง
ชายคนหนึ่งปิดหนังสือยอดนักสืบโฮล์มส์ลงท่ามกลางพรรคพวกซึ่งจ้องมองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเงยหน้าสี่สิบห้าองศามองขึ้นฟ้า “ยุคสมัยนี้จะไม่บดบังแสงอันเจิดจ้าของปัวโรต์ แต่ก็จะไม่บดบังแสงสว่างของคนอื่นเช่นกัน!”
“ฉันเข้าใจทุกอย่าง”
ชายคนนั้นเอ่ยด้วยความตกใจ “แต่ก่อนหน้านี้นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าที่ซื้อยอดนักสืบโฮล์มส์มาก็เพื่อไม่ให้คนซื้อมากขึ้น?”
“ฉันพูดเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“มีคนกล่าวไว้ว่า คนเราพูดสิ่งที่ตนเองเชื่อในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต งั้นนายจะให้ทำยังไง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“…”
ที่แท้ช่วงสายและช่วงบ่ายสามารถแบ่งได้เป็นสองช่วงเวลาของชีวิตเองหรือ งั้นทำไมนายไม่พูดไปเลยล่ะว่า
ใต้เท้า!
ผลัดเปลี่ยนยุคสมัยแล้วขอรับ!
……………………………………………………….