Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 584 ผลลัพธ์อันเหนือความคาดหมาย
หลินเยวียนก็ปรบมือเช่นกัน
ในความจริงแล้ว ‘ฟ้าสูงทะเลกว้าง’ นั้นมีสองเพลง แต่ละเพลงมีทำนองและแนวความคิดทางศิลปะที่แตกต่างกัน ทั้งสองเพลงล้วนมีคุณภาพดีเยี่ยม ทว่าสุดท้ายแล้วหลินเยวียนก็เลือกเพลงของวงซิ่น
ไม่มีเหตุผลอื่น
ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยทั้งสองเพลง
ในระบบยังมีการแนะนำความเป็นมาของเพลง กล่าวว่าหลังจากวงซิ่นตั้งวงและย้อนมองอดีตที่ผ่านมา พวกเขาเฉยเมยต่อความยากลำบาก อีกทั้งความสับสนและคำเย้ยเยาะของผู้คน มิหนำซ้ำกลับยิ่งมุ่งมันที่จะก้าวไปข้างหน้า ขณะเดียวกันยังไม่ลืมที่จะขอบคุณผู้คนที่เคยช่วยเหลือพวกเขา ที่จริงแล้วก่อนที่จะโด่งดังได้ พวกเขาผ่านความทุกข์มาไม่น้อย
ยกตัวอย่างเช่นซิ่น[1]
เขาเริ่มต้นร้องเพลงในบาร์ตั้งแต่อายุสิบกว่า ในช่วงเวลาที่ยากจนที่สุดไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกิน หลังจากทำอัลบั้มเสร็จแล้ว กลับถูกบริษัทเพลงปฏิเสธ นักร้องหลายคนเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้
ไม่เพียงแต่นักร้อง…
ผู้ที่มีช่วงเวลาอันยากลำบากจะเข้าใจเพลงนี้ หลินเยวียนรู้ว่ารุ่นพี่เย่าหั่วมีช่วงเลาอันยากลำบากเช่นเดียวกัน เป็นเพราะรุ่นพี่เย่าหั่วเคยอยากยอมแพ้ นั่นคือช่วงที่หลินเยวียนหยิบเพลงสิบปีออกมา ซุนเย่าหั่วปฏิเสธหลินเยวียนก่อน โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากทำให้เพลงเสียเปล่า และนี่คือเหตุผลที่หลินเยวียนเลือกซุนเย่าหั่วมาขับร้องเพลงนี้เช่นกัน
อันที่จริงหลินเยวียนกระจ่างดี
ว่าซุนเย่าหั่วมีใจรักในดนตรี
หลินเยวียนสัมผัสได้ถึงความรักนี้ เนื่องจากเขาเองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน นี่คือจุดร่วมที่พวกเขามี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเจ็บปวดและคิดไม่ตกหลังจากสูญเสียเสียงในตอนนั้น ความปวดร้าวที่ทำให้คนเช่นนี้ปฏิเสธเพลงสิบปีได้ลงคอนั้น คงต้องเป็นการประพบเจอกับทางเลือกและความจนใจอันทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน…
เวทีในวันนี้
ซุนเย่าหั่วถ่ายทอดประสบการณ์ของตนผ่านบทเพลง และแตะถึงมาตรฐานในอุดมคติของหลินเยวียน ดังนั้นหลินเยวียนจึงปรบมือให้เขาโดยไม่ลังเล เช่นเดียวกับยามนี่นักแสดงได้รับบทบาทที่เหมาะสมกับคนเอง และแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเหนือความคาดหมาย นักร้องเมื่อพบกับบทเพลงที่เหมาะสมกับตน ก็สร้างผลลัพธ์ในลักษณะเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นลำพังเวทีนี้ ซุนเย่าหั่วไม่ได้เป็นรองเจียงขุยเลย
แน่อนน
การขับร้องของซุนเย่าหั่วและซิ่นนั้นแตกต่างกัน แต่หลินเยวียนคิดว่านี่คือการตีความเสียงสองประเภทซึ่งแตกต่างกัน นักร้องจากทั้งสองโลกนับว่าขับร้องออกมาได้อย่างงดงามในแบบของตนเอง
บนเวที
พิธีกรอันหงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับการขับร้องของซุนเย่าหั่ว และขอบคุณอาจารย์เซี่ยนอวี๋สำหรับการสร้างสรรค์เพลงฟ้าสูงทะเลกว้างครับ ที่จริงผมสงสัยเหลือเกินครับว่า ในการเรียบเรียงบทเพลง มีอยู่ท่อนหนึ่งเหมือนจะเป็นเสียงประสานของราชวงศ์ปลา นี่เป็นความคิดของใครหรือครับ…”
“ความคิดของเฉินจื้ออวี่ครับ”
ขณะนี้ซุนเย่าหั่วออกมาจากอารมณ์ของบทเพลงแล้ว ความอบอุ่นใบหน้าของเขา “บนโลกออนไลน์มีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับผม พวกเจียงขุยเลยมาปลอบผมพร้อมๆ กัน สุดท้ายแล้วเฉินจื้ออวี๋ก็เสนอว่าพวกเราอัดเสียงใส่เป็นการร้องคลอไปเลยสิ จึงเกิดท่อนเสียงประสานนี่แหละครับ ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนครับ”
ทุกคนต่างรู้ดี
ว่าเฉินจื้ออวี่ก็เคยตกขบวนมาก่อน เพราะฉะนั้นเฉินจื้ออวี่ย่อมเข้าใจความรู้สึกของซุนเย่าหั่ว
อันที่จริงในตอนนั้นเฉินจื้ออวี่ยังเอ่ยคำพูดสุดเบียวไว้ด้วย คำพูดนั้นก็คือ ‘ราชวงศ์ปลาไม่มีผู้ที่อ่อนแอ’
“สุดท้ายนี้…”
ซุนเย่าหั่วมองไปยังหลินเยวียน “ผมอยากขอบคุณอาจารย์เซี่ยนอวี๋ อาจารย์เซี่ยนอวี๋เป็นรุ่นน้องของผม ปกติมักจะชอบเรียกติดปากว่ารุ่นนี้ เรียกแบบนี้ดูสนิทสนมใช่ไหมครับ แต่ที่จริงแล้วในใจของผม อาจารย์เซี่ยนอวี๋คือ…”
ซุนเย่าหั่วชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ขอบคุณครับ ขอบคุณ…”
สุดท้ายแล้วทุกคนยังคงไม่รู้ว่าสรุปแล้วอาจารย์เซี่ยนอวี๋คืออะไรในใจของซุนเย่าหั่วกันแน่
เขาเพียงพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ ซ้ำไปมา จากนั้นจึงโค้งคำนับสักครู่ก่อนจะลงจากเวทีไป เหลือทิ้งพื้นที่ไว้ให้ทุกคนจินตนาการ
……
ต่อจากนั้น ยังมีการแสดงของทีมอื่นๆ อีก
แต่ไม่มีเพลงใดที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมไปได้มากกว่าเพลงฟ้าสูงทะเลกว้าง
สามารถพูดได้ว่า
ในช่วงครึ่งแรกของรายการ ‘ฝ่าลมโต้คลื่น’ ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น
ส่วนในครึ่งหลังของหลายการ ‘ฟ้าสูงทะเลกว้าง’ ไร้ผู้ใดเทียบเทียม
ทั้งสองบทเพลงต่างครองเวทีในวันนี้!
แต่การจัดอันดับบนเวทีในท้ายที่สุด กลับยังไม่รู้ผล
ทั้งสองเพลงนี้ต่างเป็นคู่แข่งกัน เซี่ยนอวี๋และหยางจงหมิงดวลกันเป็นครั้งแรก และยังไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะ
อันหงกล่าวเสียงดัง “ตอนนี้ผู้ชมทุกท่านสามารถหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโหวตให้ทีมของนักร้องและนักประพันธ์เพลงที่ท่านชื่นชอบได้เลยนะครับ คะแนนโหวตของทุกท่านจะเป็นตัวกำหนดอันดับของการแข่งขันในวันนี้!”
พูดจบ
ทีมของนักประพันธ์เพลงและนักร้องทั้งหมดในวันนี้ต่างขึ้นมาบนเวที
บนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลัง ปรากฏสถิติของแต่ละเพลงในรูปแบบของแผนภูมิแท่ง
“ต่อจากนี้ จะเริ่มการรวบคะแนนโหวตในวันนี้ เชิญชมที่หน้าจอครับ…”
พรึบๆๆ !
แผนภูมิแท่งของแต่ละเพลงเริ่มยาวขึ้น ตัวเลขซึ่งสอดคล้องกันทวีคูณอย่างบ้าคลั่ง
50 ล้าน…
60 ล้าน…
แผนภูมิของหลายเพลงทยอยหยุดลง
เมื่อเข้าใกล้ 70 ล้าน มีเพียงคะแนนโหวตของเพลงเพียงสองเพลงซึ่งเพิ่มขึ้น
เพลงหนึ่งคือ ‘ฝ่าลมโต้คลื่น’
อีกเพลงหนึ่งคือ ‘ฟ้าสูงทะเลกว้าง’
80 ล้าน…
90 ล้าน…
100 ล้าน…
ดวงตาของผู้ชมเบิกกว้าง!
เหล่านักร้องและนักประพันธ์เพลงต่างก็จ้องเขม็งเช่นเดียวกัน!
สองเพลงนี้โหดเกินไปแล้ว!
ทันใดนั้นเอง ตัวเลขของทั้งสองเพลงก็หยุดลงพร้อมกัน!
เพลงฝ่าลมโต้คลื่นได้รับคะแนนโหวต 108.23 ล้าน!
เพลงฟ้าสูงทะเลกว้างก็ได้รับคะแนนเท่ากัน!
เสมอกัน!
เวทีนี้ เสมอกันจริงเหรอเนี่ย!
ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะออกมา
อันหงกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ “เป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายมากครับ นี่เป็นครั้งที่สองที่เกิดการเสมอกันบนเวที แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวิธีเก็บคะแนนของเรา…”
ถูกต้องแล้ว
วิธีเก็บคะแนน คือเหตุผลที่ทำให้เกิดการเสมอกันบนเวทีถึงสองครั้ง
รายการอื่นจะนับรวมส่วนต่างของผลโหวตซึ่งเป็นเลขหลักเดียวอย่างละเอียด
แต่วิธีการคำนวณคะแนนโหวตของรายการเพลงของเรา กลับยึดหลัก ‘หมื่น’ เป็นเกณฑ์
ขอบเขตนี้ใหญ่กว่าตัวเลขตำแหน่งเดียวมาก
ถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องนับเลขหลักเดียวด้วยซ้ำไป!
ต่อให้นับเพียงหลักพัน เกรงว่าคงจะมีผลแพ้ชนะระหว่างทั้งสองเพลงนี้
ทว่าสำหรับเวทีซึ่งมีฐานผู้ชมขนาดใหญ่เช่นนี้ หากเสมอกันในระดับหลักหมื่น ยังคงนับว่าเสมอกัน
“รู้ว่าหลายท่านคงอยากเห็นตัวเลขที่ละเอียดมากขึ้น แต่ทีมงานรายการของเราไม่ได้ตั้งใจที่จะประกาศ เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะยึดติดกับช่องว่างเล็กน้อยเหล่านี้ สิ่งที่เรามองเห็นได้ก็คือวันนี้นักประพันธ์เพลงทั้งสองท่านและนักร้องทั้งสองท่านต่างทำผลงานของตนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก!”
อันหงกล่าวสรุป
เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านล่างเวที
ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อยว่าผลแพ้ชนะของทั้งสองเพลงเป็นอย่างไร เพราะเมื่อช่องว่างน้อยเช่นนี้ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องคำนวณให้ละเอียดเกินไป
“ก็เหมือนกับซุนหงอคงกับเทพเอ้อร์หลางต่อสู้กันนั่นแหละครับ…”
อันหงเล่นหูเล่นตาพลางเอ่ยว่า “พวกเขาต่อสู้กันหนึ่งปียังไม่รู้ผลแพ้ชนะ”
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นพิธีกรซึ่งเคยอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
เจิ้งจิงเอ่ยถาม “ไม่ได้สู้กันหนึ่งวันหรอกหรือ?”
ใช่ เจิ้งจิงก็เคยดู บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
“เซตติงในนิยายคือ บนสวรรค์หนึ่งวัน บนโลกหนึ่งปี คนบนสวรรค์ดูหนึ่งวัน ดังนั้นบนซุนหงอคงและเทพเอ้อร์หลางก็สู้กันหนึ่งปีบนโลกครับ…” อันหงแถลงไขความเข้าใจของเขาต่อเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ผู้ชมซึ่งได้อ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศต่างหัวเราะครืน
การตีความนี้ไม่มีปัญหา
ส่วนผู้ชมซึ่งไม่ได้อ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศต่างรู้สึกว่า…
ตนเองตกขบวน
กลับไปจะต้องไปหานิยายมาอ่านบ้างแล้ว