Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 590 ดนตรีที่ยิ่งใหญ่มักเรียบง่าย
เดือนธันวาคม!
ผู้คนต่างตั้งตารอ!
และท่ามกลางการเฝ้ารอของผู้คนมากมาย
วันที่ 30 พฤศจิกายน ก็มาถึงอย่างเงียบเชียบ…
เนื่องจากเวลาเที่ยงคืนคือช่วงเวลาที่มหาสงครามเทพเซียนเริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม ในคืนนั้นหลายคนจึงเฝ้ารอการเปิดตัวเพลงของเซี่ยนอวี๋และหยางจงหมิงบนแพล็ตฟอร์มฟังเพลงรายใหญ่
แน่นอน
พ่อเพลงคนอื่นๆ ก็อยู่ในขอบเขตการติดตามของทุกคนเช่นกัน
เพียงแต่เมื่อเทียบกับการต่อสู้ระหว่างเซี่ยนอวี๋ของหยางจงหมิง ผลงานของพ่อเพลงคนอื่นๆ มีความน่าสนใจน้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้นทุกคนจึงติดตามสองคนนี้มากกว่า
ฉินโจว
เมืองหรง
ในชมรมแห่งหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งกำลังจัดปาร์ตี้เล็กๆ
ชมรมแห่งนี้มีชื่อว่า ‘ชมรมดนตรีเมืองหรง’ มีนักประพันธ์เพลงชื่อดังทั้งหมดสามสิบคน
นักประพันธ์เพลงสามสิบคนนี้อาจมาจากบริษัทดนตรีที่ต่างกัน แต่เพราะทุกคนอยู่ในเมืองเดียวกัน จึงก่อตั้งชมรมนี้ขึ้นมา
เกณฑ์ขั้นต่ำในการเข้าร่วมสมาคมแห่งนี้คือเป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง
สมาชิกในชมรมแห่งนี้ยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อกัน
โดยปกติแล้วเมื่อมีเวลาว่าง ทุกคนมักจะมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับดนตรี
มหาสงครามเทพเซียนเป็นประเด็นใหญ่ในวงการดนตรี ดังนั้นในวันนี้สมาชิกทั้งสามสิบคนในชมรมจึงรวมตัวกันคับคั่งอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ให้บรรยากาศอันสง่างามของการ ‘ร่ำสุราเสวนาดนตรี’
เช่นเดียวกับการรวมตัวกันของเหล่าบัณฑิตในชุมนุมนักกวี
นี่คือสิ่งที่สืบต่อมานับตั้งแต่มหาสงครามเทพเซียนเริ่มต้นขึ้นในประวัติศาสตร์
ขณะนี้คือเวลาห้าทุ่มของวันที่ 30 พฤศจิกายน
ทุกคนกำลังพูดคุยกันขณะกำลังรอมหาสงครามเทพเซียนเริ่มต้นขึ้น
“เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว”
“ตั้งแต่ราชาหน้ากากนักร้องเริ่มต้นเมื่อเดือนกุมภา จนถึงเพลงของเราช่วงกลางปี วงการดนตรีปีนี้คึกคักจริงๆ ”
“รู้สึกว่าความคึกคักส่วนใหญ่ในวงการเพลงปีนี้วนเวียนอยู่ที่เซี่ยนอวี๋ การแข็งขันช่วงที่เขาได้แชมป์ราชาหน้ากากนักร้องในฐานะหลานหลิงอ๋องนี่สุดยอดจริงๆ แถมผลงานของเซี่ยนอวี๋ในเพลงของเราก็โดดเด่นไม่แพ้กัน!”
“ในมหาสงครามเทพเซียนช่วงปลายปี เซี่ยนอวี๋ก็ยังคงเป็นจุดสนใจของทุกคน”
“นักประพันธ์เพลงมือทองอย่างพวกเรา เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้วก็เหมือนเทพ แต่มหาสงครามเทพเซียน สำหรับกลุ่มคนที่เรียกว่านักประพันธ์เพลงมือทองอย่างพวกเรา น่ากลัวว่าจะเป็นฤดูกาลเพลงระดับยักษ์ใหญ่ยิ่งกว่า!”
“พูดถึงเซี่ยนอวี๋ พี่หลี่น่าจะคุ้นเคยที่สุด!”
“นั่นสิ พี่หลี่เป็นคนเดียวในชมรมเราที่เคยเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างเซี่ยนอวี๋”
“แถมเซี่ยนอวี๋ในตอนนั้น ยังไม่ใช่พ่อเพลงตัวน้อยที่ชื่อเสียงเลืองลือ พี่หลี่ในตอนนั้นก็ยังไม่ได้เป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง”
“…”
ทุกคนหัวเราะพลางมองไปยังชายร่างสูงศีรษะโล้นไปครึ่งหนึ่ง
ชายคนนี้แลดูจนใจ “ในมหาสงครามเทพเซียนสองสามปีมานี้ พวกคุณใช้เรื่องนี้ทับถมผมตลอด”
ปากบอกว่าจนใจ แต่มุมปากของชายคนนี้กลับปรากฏรอยยิ้มบาง
ราวกับว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ประมือกับฉู่ขวงซึ่งเพิ่งเดบิวต์
อันที่จริง
เมื่อเพิ่งเข้ามาชมรมแรกๆ เขามักจะคุยโม้กับนักประพันธ์เพลงมือทองคนอื่นๆ เสมอ
‘ผมกับเซี่ยนอวี๋เดบิวต์พร้อมๆ กัน ในการแข่งขันของฤดูกาลหน้าใหม่ปีนั้น เขาได้ที่หนึ่ง พูดไปก็ขายหน้าเพราะผมด้อยกว่า คว้าที่สามมา’
ปากบอกว่าขายหน้า แต่ขณะที่คุยโม้ ใบหน้าของชายคนนี้ไม่มีความขายหน้าเลยสักนิด แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความกระหยิ่มใจ
ชายคนนี้มีชื่อว่าหลี่ยาง
ไม่กี่ปีก่อน เขาเดบิวต์ในช่วงเวลาเดียวกับเซี่ยนอวี๋ ปรากฏว่าเซี่ยนอวี๋เปิดตัวมาก็คว้าแชมป์ในฤดูกาลหน้าใหม่ในเดือนนั้นไปด้วยเพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์
ส่วนหลี่ยาง ก็เป็นนักประพันธ์เพลงซึ่งคว้าอันดับสามในฤดูกาลนั้นไป
‘ตายเรียบแน่’
บทพูดซึ่งหลี่ยางตะโกนออกมาในตอนที่เก้านั้นปรากฏเป็นครั้งแรก
ไม่กี่ปีต่อจากนั้น คำพูดนี้ยังคงเป็นที่นิยม และได้รับการสืบทอดต่อมาโดยผู้คนมากมาย
เพียงแต่ในเวลานั้นหลี่ยางไม่มีทางคาดคิดว่า
สักวันหนึ่งในอนาคต
เซี่ยนอวี๋จะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับพ่อเพลงตัวน้อย
ถึงขั้นที่ขึ้นสังเวียนเดียวกับบุคคลระดับตำนานอย่างหยางจงหมิง!
ส่วนตน กลับดิ้นรนเพื่อเป็นนักประพันธ์เพลงมือทองอย่างยากลำบาก
ที่จริงแล้ว นักประพันธ์เพลงซึ่งเดบิวต์ได้เพียงไม่กี่ปีก็กลายเป็นนักประพันธ์เพลงมือทองได้นั้นนับว่าเก่งกาจมากแล้ว
ถ้าหากไม่เทียบกับเซี่ยนอวี๋ ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถเรียกได้ว่าหลี่ยางคือ ‘นักประพันธ์เพลงยอดอัจริยะ’ คนหนึ่ง
……
ที่ผู้คนหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
ก็เพราะทุกคนชอบเห็นท่าทางของหลี่ยางซึ่งปากบอกไม่พอใจ แต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
ขำขันกันต่อสักพัก
ทุกคนสนทนากันเกี่ยวกับการประลองระหว่างเซี่ยนอวี๋และหยางจงหมิงในครั้งนี้
“ถึงเซี่ยนอวี๋ในปีนี้จะเฉิดฉาย แต่การคว้าแชมป์มหาสงครามเทพเซียนสามสมัยของเขาน่าจะไม่มีหวัง”
“ไม่ว่าซุนหงอคงจะเก่งขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นฝ่ามือของพระยูไล”
“ฝีมือของพ่อเพลงหยางน่ากลัวจริงๆ ”
“นอกเสียจากพ่อเพลงอวี๋ทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษ”
“เซี่ยนอวี๋ทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษก็ยังชนะยาก ต้องให้พ่อเพลงหยางทำพลาดถึงจะได้”
“พี่หลี่ คุณคิดว่าเซี่ยนอวี๋จะเป็นแชมป์สามสมัยได้ไหม?”
“…”
หลี่ยางเบ้ปาก
ผมจะไปคิดว่ายังไง
ผมก็คิดเหมือนพวกคุณนั่นแหละ
หลี่ยางกำลังจะอ้าปาก ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาในในชมรมก็ดังขึ้น
“เที่ยงคืนแล้ว!”
หลี่ยางสติตื่นตัวอย่างฉับพลัน!
สีหน้าของนักประพันธ์เพลงต่างเคร่งขรึมขึ้นมา
ละครเรื่องหลักมาแล้ว!
มีคนเสนอ “ฟังเพลงของพ่อเพลงหยางก่อน?”
ทุกคนพยักหน้า
มีคนกดเล่นเพลงของหยางจงหมิง
มาตรฐานของชมรมนี้สูงมาก เครื่องเสียงผลิตจากฉู่โจว คุณภาพเสียงระดับมืออาชีพ
“เพลงของพ่อเพลงหยางชื่อว่า ‘บลูสตาร์’ !”
“โอ้ว!”
“ชื่อเพลงแรงมาก!”
“แค่ฟังชื่อแล้วก็รู้ว่ายิ่งใหญ่”
“ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเพลงนี้ไม่มีทางแย่ไปได้ !”
“กล้าใช้ชื่อเพลงนี้ จะแย่ได้หรือ”
“แถมยังเป็นเพลงของหยางจงหมิงอีก!”
“…”
ท่ามกลางบทสนทนาไม่กี่ประโยค ในที่สุดเพลงบลูสตาร์ก็เริ่มต้นขึ้น
ผู้ขับร้องคือราชาเพลงจากสตาร์ไลท์ หลานเหยียน!
ฝีมือของหลานเหยียนนั้นแข็งแกร่งมาก
เพลงตะวันฉายซึ่งพาเซี่ยนอวี๋คว้าแชมป์มหาสงครามเทพเซียนครั้งแรกนั้นก็ขับร้องโดยหลานเหยียน
ผลลัพธ์ดีจนได้รับการยอมรับถ้วนหน้า
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
หลังจากเสียงของหลานเหยียนดังขึ้น นักประพันธ์เพลงมือทองทุกคนก็ตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศซึ่งเพลงนี้สร้างขึ้น
องอาจ!
ห้าวหาญ!
ทุกถ้อยคำในเนื้อเพลงช่วงแรกของท่อนเวิร์ส ล้วนสอดคล้องกับแต่ละทวีปอย่างคลุมเครือ
และเมื่อถึงท่อนเวิร์ส บทเพลงดำเนินไปตามธีม ‘ผนวกบลูสตาร์’
เพลงนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ !
ในชมรมล้วนเงียบสงัด
มีเพียงเสียงเพลงบลูสตาร์ ซึ่งดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง
ความเพลิดเพลินในช่วงแรกของนักประพันธ์เพลงค่อยๆ กลายเป็นความประหลาดใจและแม้กระทั่งความตกใจ
เมื่อเพลงจบลง ในใจของทุกคนเหลือเพียงความรู้สึกว่า
สมแล้วที่เป็นหยางจงหมิง!
ในขณะนั้น ไม่มีใครพูดจา
ในที่สุด กลับเป็นหลี่ยางซึ่งเอ่ยทำลายความเงียบ
“เพลงนี้ทำให้พ่อเพลงมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ละอายใจ”
ในที่สุดพวกเขาก็ตั้งสติได้ แต่กลับไม่มีใครตอบโต้ เพียงแต่พยักหน้าติดต่อกัน
พวกเขาล้วนเป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง อาจยังไม่มีฝีมือระดับพ่อเพลง เพลงแต่ก็งมีระดับสามารถในการดื่มด่ำในบทเพลงที่ดี และความสามารถในการตัดสินคุณภาพเพลงยังสูงกว่าคนทั่วไปมากอีกด้วย
เพลงนี้ของหยางจงหมิงมีความเป็นศิลปะและความเป็นเพลงฮิตมาก
ถึงแม้จะใช้ทั้งบลูสตาร์เป็นธีมหลัก ทว่าทำนองกลับไม่ซับซ้อน ในทางกลับกัน ด้วยเหตุนี้จึงให้ความรู้สึกของการกลับคืนสู่พื้นฐาน…
สี่คำนี้
ดนตรีที่ยิ่งใหญ่มักเรียบง่าย
ผ่านไปนาน จึงมีนักประพันธ์เพลงคนหนึ่งหัวเราะอย่างขมขื่น “พ่อเพลงคนอื่นยังต้องแข่งอีกหรือ?”
ราชาแห่งการไต่ชาร์ตเพลงท่ามกลางพ่อเพลงนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทว่าต่อให้เพลงของนักประพันธ์เพลงคนอื่นจะสู้เพลงนี้ไม่ได้ แต่ก็คุ้มค่าที่จะฟังอย่างแน่นอน
หลี่ยางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปเล่นเพลงของเซี่ยนอวี๋สิ”
สำหรับมหาสงครามเทพเซียนในครั้งนี้ เพลงของหยางจงหมิงคือสิ่งที่ทุกคนสงสัยใคร่รู้และคาดหวังมากที่สุด
ปรากฏว่าหยางจงหมิงทำผลงานนั้นสมกับความสงสัยและความคาดหวังของผู้คน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนคิดว่าเซี่ยนอวี๋ไม่มีโอกาสชนะแล้ว
แม้ว่าเพลงของเซี่ยนอวี๋จะเป็นผลงานที่ทุกคนคาดหวังรองลงมาก็ตาม
ไม่เพียงเซี่ยนอวี๋
สำหรับพ่อเพลงคนอื่นๆ ก็เป็นโอกาสที่ยากเช่นเดียวกัน
เพลงนี้ของหยางจงหมิงยอดเยี่ยมจริงๆ !
แต่หลี่ยางมักจะสนใจเซี่ยนอวี๋อย่างอดไม่ได้ ถึงแม้เพลงของหยางจงหมิงจะอยู่ในสถานะที่ไร้พ่ายก็ตาม!
“เพลงนี้ของเซี่ยนอวี๋มีชื่อว่า ‘ลมบูรพาร้าวราน’ คนเขียนเนื้อร้อง ทำนอง และขับร้องคือเขาเอง…”
นักประพันธ์เพลงซึ่งรับหน้าที่เปิดเพลงเอ่ยแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับเพลงของเซี่ยนอวี๋เล็กน้อย
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน ทั้งยังจับเข่ากระซิบกระซาบเกี่ยวกับวิธีประพันธ์เพลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่สามารถเดินออกมาจากอิทธิพลของเพลงของหยางจงหมิงได้
อย่างไรก็ตาม
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง ทุกคนหยุดบทสนทนาเกี่ยวกับเพลงบลูสตาร์ลง
ขณะเดียวกัน
เสียงของเซี่ยนอวี๋ ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ นำพากลิ่นอายของความเศร้าและความเหงา
“หนึ่งแสงทรมาน ยืนข้างหน้าต่างอย่างเปลี่ยวเหงา”
“หลังบานประตู ฉันหลอกตัวเองว่าเธอยังอยู่เหมือนเก่า”