Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 639 นี่เป็นเรื่องของหลักการ
“จากคำขอของนาย หนังจะเข้าฉายอย่างเร็วที่สุดในวันที่สิบ จะว่าไปก็ต้องขอบคุณประเด็นถกเถียงจากดรากอนอวอร์ด ประเด็นที่บนอินเทอร์เน็ตพูดถึงหนังของเรานับว่าใช้ได้ ไม่อย่างนั้นเวลาโปรโมตนับว่ากระชั้นเกินไป…”
สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์
เหล่าโจวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
หลินเยวียนพยักหน้า
จู่ๆ เหล่าโจวก็เอ่ยขึ้น “หลินเยวียนปีนี้นายอายุเท่าไหร่แล้ว”
หลินเยวียนตอบ “ยี่สิบสี่ครับ”
หลินเยวียนทะลุมิติมายังบลูสตาร์เป็นเวลาห้าปีแล้ว
เหล่าโจวถอนหายใจ “ยี่สิบสี่…ยังอายุน้อยอยู่เลย…ฉันจำได้ว่านายเข้ามาในบริษัทเราตอนอายุสิบเก้า…”
“ครับ”
“หลายปีมานี้นายไม่เคยคิดจะหาแฟนบ้างหรือ?”
หลินเยวียนส่ายหน้า ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่เคยคิด”
เหล่าโจวหลุดหัวเราะ “อายุแบบนี้น่าจะหาแฟนได้แล้วนะ คนอื่นเขามีแฟนกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย จนป่านนี้ยังไม่เคยมีแฟนเลยหรือ?”
หลินเยวียนส่ายหน้าอีกครั้ง
เหล่าโจวจนใจ “เหมือนที่แม่นายพูดไว้ไม่ผิด”
“แม่ผม?”
หลินเยวียนชะงักไปชั่วขณะ
เหล่าโจวยิ้มขื่น “แม่นายบอกว่าเมื่อก่อนเป็นเพราะร่างกายไม่แข็งแรง เลยไม่ได้มีแฟน ตอนนี้ร่างกายนายฟื้นตัวแล้ว เลยไหว้วานให้ฉันแนะนำแฟนให้นาย”
เหล่าโจวเองก็รู้สึกแปลกๆ
เรื่องนี้พูดไปใครจะไปเชื่อ
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเซี่ยนอวี๋ริจะมีแฟน จะต้องขอคำแนะนำจากผู้อาวุโส?
หลินเยวียน “…”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ที่คลั่งไคล้การเต้นรำกลางจัตุรัสอยู่ทุกวันไปติดต่อกับเหล่าโจวตั้งแต่เมื่อไหร่
“งั้นฉันถามหน่อย นายมีผู้หญิงที่ชอบไหม?”
“ไม่มีครับ”
“งั้นมีผู้ชายที่ชอบไหม?”
อันที่จริงคำถามนี้ไม่มีความจำเป็น แต่เพื่อความปลอดภัย เหล่าโจวจึงเอ่ยปากถาม
ถึงอย่างไรโลกภายนอกก็ลือกันว่าเซี่ยนอวี๋กับฉู่ขวงเป็นคู่รักกัน
เป็นไปได้มากว่าฉู่ขวงเป็นผู้ชาย
หลินเยวียนตอบ “ไม่มีครับ”
เหล่าโจวผ่อนลมหายใจ “งั้นฉันจะนัดผู้หญิงคนหนึ่งให้มาเจอกับนายแล้วกัน ไม่ใช่นัดบอด ไม่ต้องกดดัน แค่มาเจอกันพูดคุยกันเฉยๆ !”
คนหนุ่มสาวสมัยนี้เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี
ถ้าจะบอกว่าเป็นการนัดบอด จะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในใจของคนหนุ่มสาวได้
“ไม่ต้องแล้วครับ”
หลินเยวียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เหล่าโจวรีบพูด “แค่เจอกันแล้วก็กินข้าว ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่ฉันแนะนำหรอก เหล่าโจวไม่ได้หน้าใหญ่ขนาดนั้น นายใหญ่บริษัทเรานี่แหละเป็นคนจัดการสร้างสะพานให้เอง ถึงติดต่ออีกฝ่ายได้…”
“บริษัทมีบริการจัดหาคู่ด้วย?”
หลินเยวียนจำไม่ได้ว่ามีประโยคนี้ในสัญญา
เหล่าโจวระเบิดหัวเราะ “บริการจัดหาคู่อะไรกัน นั่นเป็นเพราะนายใหญ่เราห่วงใยนาย”
หลินเยวียนส่ายหน้า
ขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธอีกครั้ง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เป็นสายจากแม่
ทันทีที่เขากดรับ เสียงของแม่ดังมาจากปลายสาย
“ไปเจอหน่อยเถอะ ผู้หญิงคนนี้แม่เห็นรูปแล้ว สวยมากเลยละ””
“อ้อ”
หลินเยวียนไม่ได้ปฏิเสธอีก
น้อยครั้งนักที่เขาจะบอกปัดคำพูดของแม่
ต่อให้ปฏิเสธ หลินเยวียนจะใช้วิธีที่ค่อนข้างอ้อมค้อม
“ตกลงแล้ว?”
เมื่อเห็นหลินเยวียนวางสาย สีหน้าของเหล่าโจวจึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“ครับ”
“งั้นฉันจะติดต่อทางนั้นไปเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเหล่าโจวก็กะปรี้กะเปร่าขึ้นมา “ฉันจะให้สไตลิสต์มาแต่งตัวให้นาย…”
“ไม่เอา”
หลินเยวียนตอบอย่างหนักแน่น
“ก็ได้ ยังไงนายก็หล่อซะขนาดนี้!”
เหล่าโจวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างร่าเริง ก่อนจะเดินออกไปติดต่ออีกฝ่าย
สองนาทีผ่านไป เหล่าโจวกลับเข้ามายังห้องทำงานของหลินเยวียนด้วยท่าทางปลาบปลื้มใจ “ส่งที่อยู่ไปให้ในโทรศัพท์ของกู้ตงแล้ว อีกประเดี๋ยวนั่งรถกู้ตงออกไปก็แล้วกัน!”
“ครับ”
หลินเยวียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
……
สิบนาทีผ่านไป
หลินเยวียนขึ้นรถของกู้ตงแล้วจึงออกเดินทาง
กู้ตงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ตัวแทนหลินจะไปคฤหาสน์มั่วลี่ทำไมเหรอคะ”
“คฤหาสน์มั่วลี่?”
“คุณไม่รู้เหรอคะ สถานที่ที่เราจะไป”
“อ้อ ไปนัดบอด”
ถึงแม้เหล่าโจวจะเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่นัดบอด แต่หลินเยวียนรู้สึกว่านี่คือการนัดบอด
“เอี๊ยด!”
กู้ตงเหยียบเบรกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงรีบพูด “ขอโทษนะคะตัวแทนหลิน ฉันตกใจไปหน่อย”
กู้ตงพูดพลางเหยียบคันเร่งอีกครั้ง
“ทำไมตัวแทนหลินถึงไปนัดบอดล่ะคะ” สีหน้าของกู้ตงแปลกพิลึก
“แม่บอกให้ไปครับ”
หลินเยวียนตอบไปตามความจริง
กู้ตงเอ่ยอย่างขบขัน “ฉันหมายถึง ตัวแทนหลินไม่รังเกียจที่จะนัดบอด จากนั้นก็ออกเดต แล้วก็แต่งงาน?”
“ไม่เคยนึกถึง”
เขายังคงพูดความจริง เขาไม่เคยขบคิดถึงเรื่องเหล่านี้
“คุณไม่เคยคิดจะหาแฟนสักคน?”
“ไม่ครับ”
“คุณคิดยังไงเกี่ยวกับความรัก”
“ไม่รู้ครับ”
“…”
กู้ตงไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อไป
ดูเหมือนคำว่า ‘ความรัก’ จะไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของตัวแทนหลินเลย
“แต่สุดท้ายคนเราก็ต้องแต่งงานนะคะ” กู้ตงทำได้เพียงชี้นำ
“แต่งก็แต่งครับ”
“แต่งกับใครคะ”
“แต่งกับผู้หญิง”
“ผู้หญิงคนไหนคะ”
“คนที่ชอบ”
“คุณชอบผู้หญิงแบบไหน”
“เรื่องนั้นต้องรอให้เจอก่อนถึงจะรู้”
“ถ้าไม่เจอล่ะคะ?”
“งั้นก็ไม่แต่งครับ”
ถ้าไม่ชอบอีกฝ่ายแล้วยังจะไปแต่งงานกับคนเขาอีก เท่ากับไม่เคารพอีกฝ่าย
เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้ามีคนทำแบบนี้กับพี่สาวหรือน้องสาวของตน หลินเยวียนต้องโมโหอย่างแน่นอน
“เอาละ”
กู้ตงพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “งั้นตัวแทนหลินไปนัดบอดเพื่อให้เรื่องจบๆ ไป?”
“ถ้าไม่ชอบก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”
ถ้าชอบอีกฝ่าย บังเอิญว่าอีกฝ่ายชอบเราพอดี นั่นก็คือความรัก
ในความคิดของหลินเยวียน สิ่งต่างๆ เรียบง่ายเช่นนี้เอง
“งั้นตัวแทนหลินรู้ไหมคะว่าชอบคืออะไร”
“ชอบก็คือชอบไม่ใช่เหรอครับ”
“ตัวแทนหลินไม่เคยชอบใคร จะรู้ได้ยังไงว่าชอบคืออะไร”
“เมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าโมโหคืออะไร จนกระทั่งมีคนทำเรื่องที่ผมโมโห”
“…”
กู้ตงสนทนากับหลินเยวียนเช่นนี้ไปครึ่งทาง
ทันใดนั้น
รถก็หยุดลงกะทันหัน
ร่างของหลินเยวียนเอนไปด้านหน้า หลังจากนั่งนิ่งแล้วจึงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“น่าจะมีอะไรเสีย”
กู้ตงลองสตาร์ตรถ ปรากฏว่ารถสตาร์ตไม่ติด
เธอรีบร้อนลงจากรถ “ตัวแทนหลินรอสักครู่ค่ะ ฉันจะลงไปดู”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลินเยวียนตามลงไปจากรถ
กู้ตงเปิดฝากระโปรงรถ
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างไม่เข้าใจ
กู้ตงปวดหัว “เรียกคนมาซ่อมรถดีกว่า ขอโทษนะคะตัวแทนหลิน อาจทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่รีบครับ”
ในตอนนั้นเอง มีรถคันหนึ่งบีบแตรมาจากฝั่งตรงข้าม จอดรถต่อหน้าหลินเยวียน ก่อนจะบีบแตร
“ขอโทษนะคะ รถเสียค่ะ!”
กู้ตงโทรศัพท์ตามคนมาซ่อมรถ พลางเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย
เส้นทางนี้ รถของพวกเขาจอดอยู่กลางถนนพอดี
แกร็ก
ประตูรถฝั่งตรงข้ามเปิดออก หญิงสาวร่างสูงสะโอดสะอง หน้าตาสวยสะคราญเดินลงมาจากรถพร้อมกับรองเท้าส้นสูง ท่วงท่าของเธอสง่างาม
“มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษคะ?”
“ไม่รู้ค่ะ”
กู้ตงยิ้มขื่น “จู่ๆ ก็พัง…”
“ให้ฉันดูหน่อย”
หญิงสาวเดินไปยังหน้ากระโปรงรถ จับนู่นดูนี่ หลังจากนั้นจึงเดินไปหยิบกล่องเครื่องมือสองกล่องออกมาจากรถของเธอ ก่อนจะเดินไปเปิดต่อหน้าหลินเยวียน
ในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือจำพวกไขควง
“คุณซ่อมรถได้เหรอคะ?”
กู้ตงมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตกใจ
ดูจากเสื้อผ้าหน้าผม อีกฝ่ายดูไม่ยักเหมือนคนที่ซ่อมรถได้เลยสักนิด หน้าตาดีไม่ได้เป็นรองคนในวงการบันเทิง
“ได้นิดหน่อยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ย แต่มือกลับไม่ได้หยุด กำลังรื้ออะไหล่หน้ารถของกู้ตงอย่างเต็มแรง ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์อันสง่างามขณะที่เพิ่งลงมาจากรถครั้ง
กู้ตงตกตะลึง
ผู้หญิงคนนี้แรงเยอะจริงๆ
หลินเยวียนเอ่ยปาก “ต้องการให้ช่วยไหมครับ?”
“ต้องการค่ะ”
“ให้ทำอะไรครับ”
“ขยับออกไปหน่อยค่ะ คุณยืนบังแสง”
“เอ่อ”
หลินเยวียนให้ความร่วมมือด้วยการขยับออกไป ไม่บดบังทัศนวิสัยของอีกฝ่าย
กู้ตงหลุดหัวเราะ
เป็นเรื่องจากที่จะเห็นหญิงสาวไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยรูปร่างหน้าตาของตัวแทนหลิน และพูดโดยที่ไม่เกรงอกเกรงใจเลยสักนิด
นอกจากนั้นอีกฝ่ายไม่รู้จักเซี่ยนอวี๋เลยแม้แต่น้อย
หลังจากง่วนอยู่ประมาณสิบห้านาที
ในที่สุดหญิงสาวก็ทำเสร็จ บอกกับกู้ตงว่า “ลองขึ้นไปสตาร์ตรถดูค่ะ”
กู้ตงมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความขัดเขิน “ขอบคุณค่ะ คือว่า…”
“ซ่อมเสร็จแล้วค่ะ”
หญิงสาวเร่งเร้า
กู้ตงพยักหน้า และหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากรถ “ฉันจะบอกว่า บนหน้าคุณเลอะน้ำมัน…”
หญิงสาวซ่อมรถจนทำน้ำมันเลอะใบหน้าของตนเอง ซึ่งแลดูค่อนข้างตลก และเป็นเพราะหน้าตาดีเกินไป ในความตลกจึงมีความน่ารักระคนอยู่
“อย่างนั้นเหรอคะ”
หญิงสาวรับกระดาษทิชชูมา เช็ดพลางมองกระจกหลัง เมื่อพบว่ายังเช็ดไม่สะอาด จึงพองแก้มด้วยความรำคาญใจ
ขณะเดียวกัน
กู้ตงขึ้นรถ ลองสตาร์ตเครื่องยนต์ และพบว่าไม่มีปัญหา
“ขอบคุณค่ะ!”
เธอรีบลงจากรถมาขอบคุณ พร้อมทั้งหยิบน้ำมาหนึ่งขวด “ลำบากคุณแล้วค่ะ คุณจิตใจดีจริงๆ !”
“ไม่ต้องขอบคุณ”
เธอยื่นมือออกมา
กู้ตงตะลึง “หมายความว่ายังไง”
“สองร้อยหยวน”
หญิงสาวเอ่ย “รบกวนชำระค่าซ่อมรถด้วยค่ะ ซ่อมในร้านห้าสิบหยวน แต่ถ้าพิจารณาถึงค่าแรงของคนที่จะมาที่นี่ สองร้อยหยวนไม่ถือว่ามากไป”
กู้ตง “…”
ที่แท้ก็ช่วยเหลือเพราะหวังผล
เธอจึงรีบตอบ “แน่นอนว่าควรจ่ายอยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวฉันโอนเงินให้เลย”
“เดี๋ยวก่อน”
ดวงตาของหลินเยวียนหรี่ลง
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน จึงก้าวไปข้างหน้า
“หนึ่งร้อยหยวน คุณใช้เวลาไปแค่สิบนาที ไม่ได้เปลี่ยนอะไหล่ด้วยซ้ำ”
หญิงสาวเหลือบมองหลินเยวียน แล้วถอนหายใจ
“พวกคุณโชคดี ร้อยแปดสิบ ฉันประหยัดเวลาของพวกคุณได้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง”
หลินเยวียนส่ายหน้า “ร้อยยี่สิบ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่ร้านไม่เก็บเงินหรอกครับ เพราะรถคันนี้อยู่ในประกัน”
หญิงสาวถลึงตาใส่หลินเยวียน “ร้อยเจ็ดสิบ น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ”
หลินเยวียนขมวดคิ้วมุ่น “ในเมื่อคุณถอยหนึ่งก้าว งั้นผมก็ถอยหนึ่งก้าว ร้อยสามสิบ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“คุณขวางทางฉันอยู่ ฉันไปช่วยซ่อมรถ เก็บเงินนิดหน่อยไม่ได้มากเกินไปหรอกล่ะมั้ง?”
“ปัญหาคือร้อยเจ็ดสิบมันมากเกินไปครับ”
“…”
กู้ตงมองดูทั้งสองคนโต้เถียงกันอย่างสับสน
รถคันที่หญิงสาวคนนี้ขับต้องราคาหลักล้าน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนรวย
หลินเยวียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตัวแทนหลินคนนี้มีรายได้วินาทีละกว่าหนึ่งร้อยหยวน
แต่คนกระเป๋าหนักทั้งสอง กลับมาต่อรองราคาค่าซ่อมรถหนึ่งร้อยกว่าหยวนเนี่ยนะ?
คนรวยอย่างพวกคุณขี้เหนียวเกินไป?
หรือคนจนอย่างพวกเรามือเติบเกินไป?
“หยุดเถียงกันได้แล้วค่ะ หนึ่งร้อยห้าสิบขาดตัว ฉันโอนเงินเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองมีโอกาสทะเลาะกันเพื่อเงินหนึ่งร้อยกว่าหยวนไม่เลิกราไปจนถึงเย็น ท้ายที่สุดกู้ตงจึงร้องให้พวกเขาหยุด
“เห็นแก่พี่คนนี้หรอกนะ”
หญิงสาวชำเลืองมองหลินเยวียน พลางกดเปิดโค้ดรับเงินอย่างคล่องแคล่ว
“เดี๋ยวไปเบิกบริษัท” หลินเยวียนบอกกับกู้ตง ไม่ได้ดึงดันต่อไป
“เงินแค่ร้อยกว่าหยวนเองไม่ใช่เหรอคะ…”
กู้ตงโอนเงินเสร็จจึงพึงพำเบาๆ
“ร้อยกว่าหยวนเชียวนะ!”
หลินเยวียนและหญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
กู้ตงถูกดุจนตะลึงงัน ผ่านไปนานจึงเอ่ยอย่างหน้าม่อยคอตก “คนรวยอย่างพวกคุณรังแกกันเกินไป”
ทั้งสองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องของหลักการ”
กู้ตง “…”