Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 661 ตราบจนวันนี้เธอยังคงเป็นแสงสว่างของฉัน
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 661 ตราบจนวันนี้เธอยังคงเป็นแสงสว่างของฉัน
ไม่ใช่เพลงภาษาอังกฤษหรอกหรือ?
นี่คือการแขวนหัวแพะแต่ขายเนื้อสุนัขดีๆ นี่เอง?
ทุกคนล้วนถูกชื่อเพลงทำให้ไขว้เขว!
เซี่ยนอวี๋ทำให้ชาวฉู่อิจฉาราวกับกินเลมอนจนเปรี้ยวเข็ดฟันซะที่ไหนกันล่ะ เห็นชัดๆ ว่าเซี่ยนอวี๋ยื่นส้มหวานให้ชาวฉู่กิน ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเท่าการหักมุมเช่นนี้แล้ว!
ใครบอกว่าเซี่ยนอวี๋พูดเพลงภาษาฉู่ไม่ได้?
ผลงานเพลง ‘Lemon’ เป็นเพลงฮิต ครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลง!
นี่คือเพลงภาษาฉู่เพลงแรกที่หลินเยวียนร้องบนบลูสตาร์!
นี่คือผลงานชิ้นเอกซึ่งคว้าแชมป์บนบิลบอร์ดชาร์ตในประเทศญี่ปุ่นถึงสองปีซ้อน!
ทำลายสถิตินับไม่ถ้วนในแดนปลาดิบ!
ทันทีที่ออกมาก็กลายเป็นเพลงฮิต ซิงเกิลเดียวคว้าแชมป์ไปหกสมัย จนได้รับรางวัลมากมายในฐานะผลงานคลาสสิก!
และผลงานเพลงนี้เอง
ปัจจุบันได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในคอนเสิร์ตของเซี่ยนอวี๋
“บนโลกนี้มีความสุขที่ไม่อาจหวนคืน
สุดท้ายแล้วเธอได้สอนให้ฉันเข้าใจมัน
อดีตอันมืดมิดที่ซ่อนงำไว้ไม่เคยบอกใคร
หากไม่มีเธออยู่
ฉันคงยังหลับใหลในความมืดมนไปตลอดกาล
สิ่งที่เจ็บปวดไปมากกว่านี้
ฉันรู้ดีว่าไม่มีอีกแล้ว
…”
หลินเยวียนยังคงร้องเพลงต่อไป
ร้องอย่างดื่มด่ำ
ภาษาฉู่ชัดเจนชวนตกตะลึง
เนื้อเพลงภาษาฉู่และคำแปลภาษากลางปรากฏบนหน้าจอใหญ่ด้านหลังเขาในรูปแบบสองภาษา
แสงเย็นบางเบาทำให้แผ่นหลังของเขาแลดูโดดเดี่ยวขึ้นมา
ดวงไฟงามตาค่อยๆ ดับลง
เช่นเดียวกับอารมณ์ของเพลงนี้
เจ็บปวด ขมขื่น และเยียบเย็น
ทว่าทำนองเพลงนั้นไม่ใช่โทนเสียงต่ำชวนปวดร้าว แต่กลับติดหู และจังหวะก็ไม่ได้อ่อนเลย!
“เพลงนี้…”
หวังอวี่ในฐานะชาวฉู่เอ่ยขึ้น ราวกับอยากพูดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายแล้วกลับเงียบลง
จากนั้นเขาจึงหลับตาลงอย่างแผ่วเบา ดื่มด่ำไปกับท่วงทำนอง
เขาสัมผัสได้ถึงสายลม
ลมทะเลยามฤดูร้อนโชยปะทะใบหน้า
อากาศเต็มไปด้วยรสเค็มและขมอ่อนๆ
เฉกเช่นเลมอน
หวังอวี่กำลังเคลิบเคลิ้ม
ชั่วขณะนั้นไม่เพียงหวังอวี่ ชาวฉู่ล้วนดื่มด่ำในบทเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่มีร่วมกันในดนตรีได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านการแสดงสดในครั้งนี้
เพราะเพลงนี้ไม่ได้ดึงดูดเพียงชาวฉู่
ชาวฉิน…
ชาวฉี…
ชาวเยี่ยน…
ชาวหาน…
แฟนๆ ทั้งสี่ทิศของเวทีต่างเปิดใจรับเสียงเพลงและท่วงทำนองนี้อย่างเงียบเชียบ
หลังจากนั้น
บรรยากาศพลุ่งพล่าน คลื่นลูกใหญ่ถั่งโถม!
น้ำเสียงของหลินเยวียนหนักขึ้นฉับพลัน แสงสปอตไลต์ซึ่งหายไปกลัวมาสว่างไสวอีกครั้ง เฉกเช่นเสียงของเขาที่ดังกระหึ่มขึ้นมา
“ต่อให้เป็นความเจ็บปวดในวันนั้น
หรือความโศกเศร้าในวันนั้น
ฉันรักสิ่งเหล่านั้นไปด้วยกันกับเธอ
กลิ่นของเลมอนฝาดขมยังคงตราตรึงอยู่ในใจ [1]
ไม่อาจกลับไปจนกว่าสายฝนจะหยุดลง
ราวกับเลมอนถูกผ่าครึ่งซีก[2]
ตราบจนวันนี้
เธอยังคงเป็นแสงสว่างของฉัน
…”
ผู้คนต่างจับจ้องตาโต!
ความรู้สึกรุนแรงขึ้นในใจ!
ในผลเลมอนสีเหลือง นอกจากความขมฝาดชวนน้ำตาไหล ดูเหมือนว่ายังมีรสหวานซึ่งแผ่ซ่านท่ามกลางรสขม
บางทีนี่อาจเป็นความหมายโดยนัยของเลมอน
เพราะความขมฝาดของเลมอนจะมาพร้อมกับกลิ่นหอมจางๆ
นั่นคือแสงแรงซึ่งทะลุผ่านหมู่เมฆดำหลังจากความเจ็บปวดและโศกเศร้าผ่านพ้นไป!
“ฉันเดินตามแผ่นหลังของเธอไปในความมืดมิด
ยังจดจำภาพร่างนั้นได้อย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่พบเจอกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจแบกรับ
น้ำตามักรินไหลไม่หยุดยั้ง
เธอผ่านอะไรมาหรือ
เธอพบเจออะไรมาหรือ
…”
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่
ท้องทะเลแห่งแสงไฟด้านล่างเวทีรวมกันเป็นผืนเดียว!
และในแถวหน้า
แววตาของเจิ้งจิงเปลี่ยนไป “คอร์ดเจ็ดที่ลดลงถูกวางในจังหวะที่หนัก เป็นสไตล์ที่ใจกล้ายิ่งกว่าการจับสีแดงผสมสีเขียว แต่ก็เข้ากันได้อย่างลงตัว ถ้าโลกนี้จะมีอัจฉริยะจริงๆ งั้นก็ต้องเป็นแบบเขานี่แหละ…”
“การเปลี่ยนคีย์ระดับที่บรรจุลงตำราเรียนได้เลย!”
เยี่ยจือชิวซึ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยปาก หูของเขาถูกจังหวะดนตรีดึงดูดอย่างเต็มที่
ภาษาไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับพ่อเพลงในการเข้าใจดนตรี
ถัดไปอีก
อู่หลงซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงแนวหน้าชาวฉู่แววตาตกตะลึง
“ทำนองนี้ใช้เทคนิคการขยายและกระชับ เนื้อร้องและทำนองบอกว่าเมื่อคนเขาตายไปแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่อย่างเราควรเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง…”
นี่คือสิ่งที่บทเพลงต้องการสื่อ
ถ้าหากเธออยู่ในที่ใดสักแห่งอย่างเช่นสวรรค์ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเต็มไปด้วยหยดน้ำตาเหมือนกับฉัน ขอให้เธอลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับฉันเสียเถิด
ฉันอธิษฐานจากก้นบึ้งของจิตใจ
ถึงแม้ฉันจะไม่มีวันลืมได้
เพราะจวบจนวันนี้เธอยังคงเป็นแสงสว่างของฉัน
พ่อเพลงหลายคนคล้ายกับกำลังสะท้อนใจ และคล้ายกับว่ากำลังสื่อสารกัน เสียงของพวกเขาแผ่วเขา เพราะอันที่จริงสมาธิของพวกเขายังคงอยู่ในบทเพลง
มีเพียงหยางจงหมิงที่ไม่พูดจา
สายตาของเขายังคงจับจังไปยังร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังร้องเพลงอย่างทุ่มเท
ในดวงตาของเขามีเงาสะท้อนของอีกฝ่าย
ดูเหมือนแววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
ในที่สุดหลินเยวียนก็ร้องจบ
และเมื่อเพลง Lemon จบลง
เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งคอนเสิร์ตประหนึ่งเสียงระเบิด!
ทุกด้านของอัฒจันทร์มีทะเลแสงขนาดมหึมาสวยงามราวกับระลอกคลื่น!
“นี่คือเพลงภาษาฉู่ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมา!”
“เซี่ยนอวี๋เป็นอัจฉริยะด้านภาษาจริงๆ !”
“เขาไม่ใช่แค่รู้ภาษาฉีกับภาษาอังกฤษ แม้แต่ภาษาฉู่ยังถ่ายทอดออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว”
“บนบลูสตาร์ยังมีภาษาที่เซี่ยนอวี๋ไม่รู้อีกไหม”
“ฉันคิดว่าพ่อเพลงอวี๋ไม่รู้ภาษาฉู่ แต่พอเขาร้องเพลงภาษาฉู่ ฉันก็ไม่ได้แปลกใจอย่างที่คิด”
“ถึงยังไงเขาก็เก่งเรื่องการเซอร์ไพรส์ทุกคน”
“ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เซอร์ไพรส์แล้ว ถึงจะฟังเนื้อเพลงไม่ออก แต่พอได้อ่านคำแปลบวกกับทำนองแล้วรู้สึกจุกอก”
“จู่ๆ ฉันก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา”
“เรื่องอะไร”
“เซี่ยนอวี๋เสียพ่อไปตั้งแต่เด็ก”
“…”
เสียงปรบมือยังคงดังกึกก้อง และแสงไฟยังคงงดงาม
จู่ๆ ผู้ชมในคอนเสิร์ตกลับรู้สึกปวดใจขึ้นมา แม้ความความเข้าใจบางส่วนของพวกเขาจะผิดพลาดไปบ้างก็ตาม
โจวเมิ่งกัดฟัน “ก่อนหน้านี้นายเคยแนะนำเพลงภาษาฉู่หลายเพลงให้ฉันฟัง แต่ฉันไม่ได้ฟังเท่าไหร่ เดี๋ยวจะกลับไปฟัง…”
จู่ๆ เสียงของโจวเมิ่งก็ชะงัก
ส่วนแฟนหนุ่มของโจวเมิ่ง น้ำตาเอ่อท้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“เป็นอะไรไป”
โจวเมิ่งกอดแขนแฟนหนุ่ม
หวังอวี่พยายามข่มกลั้นเสียงสะอื้นสุดชีวิต “ฉันคิดถึงปู่ของฉัน…”
ดนตรีมีความเป็นสากล
แต่บางทีชาวฉู่อาจสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าและทรมานจากบทเพลงได้มากกว่า
ผู้ที่จากไปกลายเป็นแสงสว่าง
แสงสว่างซึ่งล่วงลับไป แต่กลับยังคงส่องแสงเจิดจรัสเพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง
โจวเมิ่งปลอบใจอีกฝ่าย สายตากลับมองผ่านฝูงชนนับไม่ถ้วน มองไปยังข้อความบนหน้าจอใหญ่
“ฉันรักเธอสุดหัวใจ เกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ นับจากนี้ ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ ฉันรู้สึกทรมานราวไร้อากาศหายใจ ครั้งหนึ่งเธอเคยอยู่เคียงข้างฉัน ตอนนี้เธอกลับจางหายไปเช่นหมอกควัน สิ่งเดียวที่แน่ใจคือ ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ…”
บนเวที
หลินเยวียนมองไปยังทิศทางหนึ่งในฝูงชน
“แม่…”
ต้าเหยาเหยาส่งทิชชูให้แม่
พี่สาวเอื้อมมือหยิบทิชชู และเช็ดน้ำตาให้แม่
ชั่วขณะนั้น หลินเยวียนนึกอยากลงจากเวที มายังอยู่เคียงข้างแม่
แต่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้
คอนเสิร์ตคราคร่ำไปด้วยผู้คน หากเขาทำนอกเหนือจากแผนการที่วางไว้ อาจส่งผลให้เกิดความวุ่นวายได้
เขาไม่อยากเป็นภาระให้กับทีมงานเบื้องหลังซึ่งทุ่มเททำงานหนักเพื่อคอนเสิร์ตนี้
เขาพอจะเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงร้องไห้
นี่คือเพลงซึ่งสามารถกระตุ้นอารมณ์โดยรวมของผู้ชมได้
อีกทั้งยังเป็นเพลงซึ่งทำให้เราระลึกถึงผู้ที่จากไป
ด้านหลังเวที
ในห้องควบคุม
ถงซูเหวินพูดทีละคำ “นี่เป็นเพลงภาษาฉู่เพลงแรกของเซี่ยนอวี๋ แต่เขาไม่ได้ชนะใจแค่คนฉู่”
นี่คือคอนเสิร์ตของเซี่ยนอวี๋!
นี่คืออาณาจักรแห่งดนตรีของเซี่ยนอวี๋!