Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 69 ภาพเหมือนตนเอง (Self-Portrait)
ตอนที่ 69 ภาพเหมือนตนเอง (Self-Portrait)
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนระหว่างทางกลับบ้าน หลินเยวียนสรุปความรู้ที่ได้รับมาใหม่ในสมอง
สิ่งที่ได้ในครั้งนี้ เป็นฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพ
แต่คนที่มีความรู้ด้านจิตรกรรมย่อมรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพนั้น คำนิยามและคำจำกัดความออกจะกำกวมอยู่สักหน่อย
หากจำแนกตามประเภทของภาพเขียน ประเภทของจิตรกรรมนั้นก็ซับซ้อนมากแล้ว
ในนั้นรวมไปถึงภาพวาดน้ำหมึก ภาพสีน้ำมัน ภาพพิมพ์ ภาพสีน้ำ ทั้งยังมีภาพกวอชกับภาพสเก็ตช์ และการร่างหยาบต่างๆ นานาด้วย
ถ้าหากจำแนกจากอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะมากกว่านี้เสียอีก
ดังนั้นพวกเราจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดในบลูสตาร์ก็แล้วกัน
ประเภทใหญ่เหล่านี้ เรียงตามลำดับแล้วจะแบ่งเป็นภาพวาดหมึกโบราณ ภาพสีน้ำมัน ภาดสีน้ำ ภาพสีกวอช และภาพสเก็ตช์
บนโลก สถานะของภาพสีน้ำมันนั้นสูงกว่าภาพวาดหมึกโบราณ ทว่าบนบลูสตาร์กลับนิยมชมชอบศิลปะทางตะวันออกมากกว่า เพราะฉะนั้นสถานะของภาพวาดหมึกโบราณนั้นสูงกว่า และภาพสีน้ำมันนั้นเป็นรอง
ภาพสีน้ำ ภาพสีกวอช และภาพสเก็ตช์ทั้งสามประเภทนี้เป็นแขนงสำคัญสำหรับนักเรียนศิลปะ ดังนั้นมาตรฐานของสามประเภทนี้ไม่นับว่าสูง คนทั่วไปสามารถฝึกฝนได้
เมื่อเทียบกันแล้ว มาตรฐานสำหรับภาพวาดหมึกโบราณกับภาพสีน้ำมันนั้นสูงกว่า
ส่วนฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพของหลินเยวียน…
ไม่ใช่เพราะฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพที่หลินเยวียนได้รับนั้นกว้างเกินไป แต่เป็นเพราะฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพที่หลินเยวียนได้รับนั้นหมายรวมถึงประเภทผลงานซึ่งเป็นที่นิยมด้วย!
ทั้งภาพวาดหมึกโบราณ ภาพสีน้ำมัน ภาพกวอช ภาพสีน้ำ และภาพสเก็ตช์เขาล้วนแต่ชำนาญ
“เย็นวันนี้ต้องลองผลสักหน่อย”
หลินเยวียนเดินผ่านร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ในใจพลันกระตุกวูบ รีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน
สี…
กระดานวาดเขียน…
พู่กัน…
กระดาษวาดเขียน…
จิตรกรรมมืออาชีพต้องเป็นสิ่งที่ล้างผลาญเงินมากน่าดู หลินเยวียนแค่ซื้ออุปกรณ์สำหรับภาพวาดสีน้ำ ภาพสีกวอช แล้วก็ภาพสเก็ตช์ ก็จ่ายเงินไปเกินพันหยวนในรวดเดียวแล้ว!
“อุปกรณ์สำหรับภาพสีน้ำมันกับภาพวาดน้ำหมึกไว้ค่อยซื้อทีหลังก็แล้วกัน”
หลินเยวียนวางแผนจะเริ่มฝึกจากสิ่งที่ง่ายที่สุด ถึงอย่างการวาดภาพสเก็ตช์ ภาพสีกวอช แล้วก็ภาพสีน้ำก็ได้ใช้ค่อนข้างบ่อยในชีวิตจริง
หลังจากเดินออกมา หลินเยวียนก็เรียกรถ
เขาซื้อของมาตั้งเยอะแยะ หิ้วกลับคนเดียวไม่ไหวหรอก
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินเยวียนก็เลือกระเบียงเป็นฐานที่มั่นในการวาดภาพ นำขาตั้งและกระดานวาดรูปออกมาก่อน จากนั้นก็เริ่มเหลาดินสอ
เขาเริ่มทดลองสเก็ตช์เป็นอันดับแรก
นักเรียนศิลปะโดยทั่วไปต้องลอกตามผลงานต้นแบบ ทว่าศิลปินระดับมืออาชีพอย่างหลินเยวียนนั้นไม่จำเป็น เขาพึ่งเพียงภาพจำก็สเก็ตช์ผลงานได้แล้ว และผลงานสเก็ตช์ชิ้นแรกในชีวิตของหลินเยวียนก็คือภาพเหมือนของตนเอง
ศิลปินงานสเก็ตช์ชั้นยอดมากมายล้วนแต่เคยวาดภาพเหมือนของตนเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ดินสอที่จำเป็นต้องใช้ในการสเก็ตช์ภาพนั้นจะมีแค่แท่งเดียวไม่ได้ เพราะขนาดของดินสอที่แตกต่างกัน จะเขียนเส้นที่แตกต่างกันออกมา ฉะนั้นแล้วหลินเยวียนจึงเหลาดินสอออกมารวดเดียวสิบกว่าแท่ง
เริ่มจากดินสอ2Bซึ่งมักจะใช้เป็นประจำ
ดินสอประเภทนี้พบเห็นได้บ่อยในการสเก็ตช์ภาพ ในการร่างสัดส่วนคร่าวๆ หลินเยวียนก็ใช้ดินสอประเภทนี้วาด
ทว่าก็ไม่จำเป็นเสมอไป
ด้วยความคุ้นเคยที่แตกต่างกันของจิตรกร บางคนก็อาจใช้ดินสอขนาดอื่นร่างภาพออกมา
เมื่อร่างเค้าโครงเรียบร้อยแล้ว หลินเยวียนก็เริ่มสเก็ตช์
สิ่งที่เรียกว่าภาพสเก็ตช์นั้น ในความจริงก็คือการวาดต่อเติมจากภาพร่าง หลินเยวียนไม่มีทางไม่คุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของตน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นลักษณะของดวงตาหรือจมูก เขาก็ล้วนวาดออกมาได้อย่างชัดเจน
“สัมผัสของเส้นที่ไหลลื่น”
เส้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสเก็ตช์ภาพ คนจำนวนมากสเก็ตช์ภาพได้ไม่ดี อันที่จริงก็เพราะควบคุมเส้นได้ไม่ดีพอ หลินเยวียนสามารถวาดสักสิบเส้นออกมาได้ขนาน มีความหนาและความยาวเท่ากันทุกกระเบียดนิ้ว และผู้เริ่มเรียนไม่มีทางทำได้ถึงระดับนี้
จากนั้นก็คือแสงและเงา
ทิศทางของแสงนั้นเป็นตัวตัดสินแสงและเงา
ไม่ว่าจะเป็นสีกวอชหรือการสเก็ตช์ ก็ล้วนแต่เน้นการใช้แสงและเงา คำว่ามิติที่ทุกคนเรียกนั้นก็เกิดจากความเข้มและจาง ทว่าพื้นฐานของแสงและเงาก็ยังมาจากเส้น เมื่อเส้นจำนวนมากมาจัดเรียงรวมกัน ก็จะเกิดเป็นด้านมืด(ด้านที่เกิดเงา)ของภาพสเก็ตช์
“ฟู่…”
การสเก็ตช์ภาพเป็นสิ่งที่ทดสอบความอดทน หลินเยวียนง่วนอยู่สองชั่วโมง ในที่สุดก็วาดภาพเหมือนจริงได้สำเร็จ!
ระดับความเร็วนี้เป็นเพราะระดับฝีมืออันเลิศล้ำของหลินเยวียนถึงทำได้สำเร็จ
ถ้าอยากวาดภาพสเก็ตช์ออกมาสุดความสามารถละก็ ต่อให้เป็นภาพสเก็ตช์ลอกจากต้นแบบก็ต้องใช้เวลาสองสามชั่งโมงกว่าจะสำเร็จ
ภาพวาดดินสอซึ่งวาดเสร็จในสิบห้านาทีถึงครึ่งชั่วโมงเรียกว่าควิกสเก็ตช์
ถึงแม้การสเก็ตช์เร็วจะเป็นการสเก็ตช์ประเภทหนึ่ง แต่ระดับความละเอียดก็แตกต่างกับภาพสเก็ตช์ของหลินเยวียนโดยสิ้นเชิง
ลุกขึ้นถอยออกไปสองก้าว หลินเยวียนพินิจพิจารณาภาพเหมือนของตนเอง ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
สมแล้วที่เป็นฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพ
ภาพเหมือนของหลินเยวียนภาพนี้เรียกได้ว่าสมจริงมีจิตวิญญาณ ถ้าหากหยิบออกมาให้คนดู จะต้องได้รับคำชื่นชมล้นหลามอย่างแน่นอน เป็นเพราะของแบบภาพสเก็ตช์ส่วนมากมักจะค่อนข้างสมจริงตรงไปตรงมา ถึงแม้คนที่วาดภาพสเก็ตช์ไม่เป็นก็ยังซาบซึ้งในสุนทรีย์นี้ได้
“วาดได้เหมือนมาก!”
ทั้งสี่คำนี้ โดยมากเป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้วิจารณ์ว่าภาพสเก็ตช์ดีหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะดูตื้นเขินไปหน่อย แต่ระดับนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว เพราะถ้าอยากวาดให้เหมือน ก็ต้องนับรวมปัจจัยด้านแสงเงาและเส้นเข้าไปด้วย
“อาบน้ำนอนดีกว่า”
เมื่อมั่นใจว่าตนสามารถแตะได้ถึงระดับแล้ว หลินเยวียนก็ตรงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแปรงฟัน เพราะในตอนนั้นมือของเขาเลอะเทอะเต็มทีแล้ว
สำหรับจิตรกรแล้ว ความสกปรกนั้นเป็นเรื่องปกติ
นี่เป็นแค่ภาพสเก็ตช์ก็แค่นั้น
ตอนที่หลินเยวียนสเก็ตช์ภาพ บางครั้งก็ใช้นิ้วโป้งถูเส้นที่ค่อนข้างหนา แบบนี้ก็จะทำให้เส้นแลดูนุ่มนวลมากขึ้น (ใช้พวกกระดาษทิชชู่ก็จะได้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน)
ถ้าหากเป็นพวกสีกวอชหรือสีน้ำมัน เป็นเพราะต้องจุ่มสี จึงยากที่จะเลี่ยงไม่ให้สีหกเลอะกางเกงหรือเสื้อผ้า
คนที่รักสะอาดอาจรับไม่ได้
คนที่เคยเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ประเภทนี้ดี
หลังจากอาบน้ำแปรงฟันเสร็จ หลินเยวียนก็เตรียมหลับตานอนบนเตียง ระบบก็พลันปรากฏขึ้นมา “ยินดีกับโฮสต์ด้วยที่สร้างสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมชิ้นแรกได้สำเร็จ มอบหมายภารกิจ ทำให้ค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมทะลุหนึ่งพันภายในสามเดือน”
“รับ”
หลินเยวียนตอบโดยไม่ลังเล
เห็นได้ชัดว่าระบบก็รู้ว่าค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาโดยง่าย จึงกำหนดเป้าหมายให้หลินเยวียนไว้ต่ำมาก ในระยะเริ่มแรกสามารถแตะถึงค่าความโด่งดังหนึ่งพันก็ใช้ได้แล้ว
[ชื่อภารกิจ: เส้นทางของจิตรกร]
[เนื้อหาภารกิจ: ทำให้ค่าความโด่งดังแตะถึงหนึ่งพันภายในสามเดือน ไม่จำกัดวิธีการ]
[รางวัลภารกิจ: กล่องสมบัติสีเงินหนึ่งใบ กล่องสมบัติทองแดงหนึ่ง]
หลินเยวียนชะงักไป เห็นชัดๆ ว่าภารกิจนี้ไม่ได้ยาก แต่กลับตบรางวัลอย่างหนัก แถมยังมีกล่องสมบัติสีเงินหนึ่งใบ เห็นทีตนจะต้องทำภารกิจนี้จนสำเร็จให้ได้!
“ระบบเหมือนจะหวังให้ฉันพัฒนารอบด้าน”
พอจะจับทางกฎของระบบได้แล้ว ในที่สุดหลินเยวียนก็เข้าใจว่าทำไมระบบนี้ถึงชื่อว่า ‘ระบบศิลปะ’ แล้ว
จิตรกรรม ดนตรี วรรณกรรม ก็ล้วนเป็นแขนงที่สำคัญของศิลปะ
“พรุ่งนี้ค่อยดูว่ามีช่องทางไหนที่จะได้ความโด่งดังมาบ้าง อีกอย่างฉันน่าจะยังต้องเรียนการวาดภาพแบบดิจิทัลด้วย ฝีมือด้านจิตรกรรมระดับมืออาชีพ ถ้าเอาไปประยุกต์กับเทคโนโลยีคงไม่ใช่เรื่องยากล่ะมั้ง”
ระบบให้ฝีมือการวาดภาพแบบมืออาชีพกับหลินเยวียนมาแล้ว
แต่ก็มีจิตรกรรมบางประเภทสร้างสรรค์ผ่านเครื่องมือดิจิทัล ความสามารถในส่วนนี้ ระบบไม่ได้มอบให้หลินเยวียนมา หลินเยวียนจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง
……………………………………………………