Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1105
GGS:บทที่ 1105 เปิดเผยข้อมูลลับสุดยอด
“ฉือหลิน” ซูจิ้งได้เรียกหลัวฉือหลินขึ้นมาในทันที
“มีอะไรให้รับใช้ครับนายท่าน” หลัวฉือหลินได้ตอบรับคำเรียกของซูจิ้งในทันที
“นายไปหาตัวใครก็ได้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลับสุดยอดนี้ได้ หลังจากนั้นใช้ผงแปลงโฉมที่ฉันจะให้ปลอมตัวเป็นมันคนนั้นซะ หลังจากนั้นก็ทำการปล่อยข้อมูลนี้ออกไปให้ทั่วอินเตอร์เนตในทันที”
ที่ซูจิ้งพูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะหลัวฉือหลินนั้นสามารถเข้าออกอเมริกาได้อย่างรวดเร็วเป็นว่าเล่นโดยที่ไม่มีทางถูกเปิดเผยตัวตนเลยแม้แต่น้อยหากเจ้าตัวไม่ต้องการ
ซูจิ้งได้มอบผงแปลงโฉมที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจให้กับหลัวฉือหลินมากพอดู นี่แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่คนไม่กี่คน
“แล้วไอ้คนที่ผมต้องปลอมตัวนี่ให้ทำอะไรกับพวกมันครับ” หลัวฉือหลินได้ถามออกมาเพื่อไม่ให้บกพร่องต่อความต้องการของซูจิ้ง
“ฆ่าและลบมันไม่ให้เหลือแม้ผุยผง” ซูจิ้งพูดออกมา
“รับทราบ” หลัวฉือหลินไม่ถามอะไรอีกต่อไปและไปทำงานของเขาในทันที
แน่นอนว่าการปฏิบัติงานของหลัวฉือหลินนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องกังวล
โลกภายนอกในตอนนี้กำลังพูดถึงวิดีโอที่สายลับคนหนึ่งของอเมริกาที่ได้ถูกจับได้ในรัสเซียได้ออกมาพูดเกี่ยวกับภารกิจลับอย่างสงครามต่อต้านญี่ปุ่น
ตอนนี้เองที่สำนักข่าวของอังกฤษที่ชื่อว่าดิการ์เดี้ยนได้โยนระเบิดลูกใหญ่ใส่อเมริกาอีกลูกหนึ่ง
นั่นก็คือโครงการลับของอเมริกาที่มีชื่อเรียกว่าปริซึม มันมีรายละเอียดเกี่ยวกับการที่เอ็นเอสเอกดดันให้บริษัทด้านโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่างเวริซันให้มอบบันทึกของผู้ใช้ทั้งหมดที่มีการใช้งานนับหลายร้อยล้านคนให้กับเอ็นเอสเอ และเรื่องนี้เคยถูกสำนักข่าวของอเมริกาอย่างวอชิงตันโพสออกมาแฉเรื่องนี้เมื่อปีก่อน
หากว่ารัฐบาลทำสำเร็จก็จะทำให้ทั้งเอ็นเอสเอและเอฟบีไอสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างของประชาชนไม่ว่าจะเป็นอีเมลล์ ข้อความสนทนา วิดีโอ ภาพถ่าย และข้อมูลเฉพาะบุคคลอย่างอื่นได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ประชาชนใช้งานผ่านบริษัทใหญ่ยักษ์อย่างไมโครซอฟท์ กูเกิ้ล แอปเปิ้ล ยะฮู ตลอดจนสามารถสอดส่องพฤติกรรมของผู้ใช้ รวมถึงที่อยู่
ทันทีที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปได้ทำให้ประชาชนทั้งในอเมริกาและทั่วทั้งโลกแสดงความไม่พอใจในทันที
“ฉิบหาย เรื่องจริงเหรอเนี่ย”
“ในเมื่อทั้งดิการ์เดี้ยนและวอชิงตันโพสต์ออกมารายงานในทำนองเดียวกันแบบนี้ล่ะก็ ยังไงซะเรื่องนี้ก็คงจะมีมูลอยู่บ้างแหล่ะ
สโนวเด็นคนนี้ เขาเป็นนักวิเคราะห์ของซีไอเอที่เข้าถึงโครงการนี้ได้ และที่เขาออกมาแฉนี่ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่อยากจะให้สังคมต้องคอยถูกสอดแนมจากรัฐบาล ชายคนนี้ช่างกล้าหาญจริงๆ”
“นี่มันหมายความว่าใครก็ตามที่ใช้งานไมโครซอฟท์ กูเกิ้ล แอปเปิ้ล ยะฮู และค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต้องโดนสอดแนมเลยนี่หว่า”
“แม่…เอ๊ย โคตรน่ากลัวเลย พวกเราถูกสอดแนมตลอดมาเลยเหรอเนี่ย”
“พวกมันกล้าทำกับพวกเราอย่างนี้ได้ยังไง พวกมันคิดว่าตัวเองใหญ่ที่สุดในโลกรึไงกัน”
ทั้งประชาชนของสหรัฐและประชาสังคมโลกต่างก็ประนามการกระทำของอเมริกาในทันที ประธานธิบดีของอเมริกาได้รีบตอบสนองต่อท่าทีของประชาคมโลกนี้โดยการออกมาเผยข้อมูลของโครงการนี้
ประธานาธิบดีของอเมริกาได้ออกมาชี้แจงว่าโครงการนี้จัดตั้งขึ้นมาไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสอดแนมประชาชนของสหรัฐแต่อย่างใด
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในการสอดส่องหาตัวผู้ก่อการร้ายและเสริมสร้างความมั่นคงของอเมริกาเท่านั้น และโครงนี้เองก็ได้ผ่านการพิจารณาของสภาครองเกรสอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเอฟบีไอ
ประธานธิบดียังได้พูดประโยคที่เป็นการป้องกันตัวเองออกมาอีกว่า “พวกคุณไม่มีทางที่จะได้รับความปลอดภัยที่เต็มร้อยพร้อมทั้งอิสระภาพที่เต็มร้อยในเวลาเดียวกัน จะดีกว่าถ้าพวกคุณจะยอมถูกจับตาดูแล้วโลกนี้ดีขึ้น”
ผอ.ซีไอเอเองก็ได้ออกตัวในเรื่องนี้ว่า “มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากว่าพวกเรานั้นจะทำการสอดส่องประเทศพันธมิตร คนที่ฉลาดนั้นย่อมรู้ว่าสิ่งนี้มันดีต่อความมั่นคงของโลกใบนี้”
ผอ.ของเอ็นเอสเอได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “มีเพียงคนที่ไม่ใช่อเมริกันเท่านั้นที่จะถูกสอดแนมในโครงการนี้ กระบวนการนี้ได้รับการดูแลอย่างเข้มงวดและช่วยลดการได้มาและเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมายตลอดจนข้อมูลที่ชาวอเมริกันทำหลุดไปอย่างไม่ต้องการและไม่ได้ตั้งใจ…”
แต่ ไม่ว่ารัฐบาลอเมริกาจะพยายามแก้ต่างยังไง แต่เสียงส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถยอมรับความหวังดีแบบยัดเยียดนี้ได้
สหภาพยุโรปได้แสดงความไม่พอใจต่ออเมริกาอย่างเด่นชัด และได้ทำการกล่าวโจมตีอเมริกาอย่างรุนแรง พร้อมทั้งแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเด็ดคาดว่า การที่อเมริกามาทำการสอดแนมพันธมิตรอันดีกันแบบนี้เป็น การละเมิดความไว้วางใจ อย่างรุนแรง พร้อมทั้งประกาศกร้าวว่าการกระทำของอเมริกาในเรื่องนี้อาจจะนำไปสู่ วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รุนแรง
ในการนี้เจ้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงได้ขอให้อเมริกาทำการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที
ในวันเดียวกันนี้ โฆษกของรัฐบาลเยอรมณีได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับการกระทำของอเมริกาว่าเป็นการเริ่มต้นสงครามเย็นอีกครั้ง พร้อมทั้งประธานธิบดีของผรั่งเศสได้เรียกร้องให้อเมริกานั้นหยุดการสนามสหภาพยุโรปในทันทีพร้อมคำขู่ว่าจะระงับการเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐในทุกด้าน
แม้แต่องคกรสิทธิพลเมืองของอเมริกาที่ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการ โดยได้จัดตั้งทีมทนายยื่นฟ้องแบบกลุ่มต่อรัฐบาลอเมริกาเรียกร้องเงินกว่า 3 พันล้านดอลล่าหเพื่อเป็นค่าทำขวัญให้ประชาชนทั่วประเทศ
รวมทั้งชาวเน็ตจากทั่วทั้งโลกได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน
ในขณะที่อเมริกากลายเป็นเป้าหมายการโจมตีจากคนทั่วทั้งโลกนั้น ภาพลักษณ์ของรัฐบาลอเมริกา ในตอนนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงพร้อมทั้งโดนแรงกดดันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ทำให้รัฐบาลอเมริกาได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างว่ารัฐบาลอเมริกานั้นตกเป็นเหยื่อของการมุ่งร้ายทางโลกไซเบอร์ ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ที่อเมริกากำลังประสบอยู่นี้เป็นเพราะไปสอดแนมประเทศอื่นก่อนแล้วโดนจับได้ก็ตาม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เอ็นเอสเอ เอฟบีไอ และซีไอเอ เป็นองค์กรที่ได้รับแรงกดดันมากที่สุด องค์กรเหล่านี้ได้กล่าวโทษสโนว์เด็นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศต้องเสียหายและตราหน้าว่าเป็นคนทรยศของประเทศ และทำการไล่ล่าพร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศที่ให้ที่กบดานส่งตัวให้อเมริกาในทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สโนวเด็นได้ปล่อยข้อมูลฉาวของอเมริกาไปแล้วอยู่ๆก็หายตัวไปอย่างกระทันหันอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครหาร่องรอยของสโนวเด็นได้เลย
“ทุ่มเทกำลังทั้งหมด ยังไงพวกเราก็ต้องลากตัวมันออกมาให้ได้” ผอ.ซีไอเอได้ทุบโต๊ะออกมาด้วยความโกรธอย่างที่สุด เขานั้นรู้สึกได้เลยว่าในช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขาต้องประสบโชคร้ายอย่างต่อเนื่อง
เรื่องแรก สายรับสามคนที่ส่งไปล้วงข้อมูลกลับถูกล้างสมองแล้ว ไม่เพียงจะไปเข้าข้างศัตรูแถมยังทรยศหักหลังประเทศของตนหันกลับมาแว้งกัดพวกเขาซะเอง จนทำให้แผนการที่พวกเขาคิดจะใส่ร้ายสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯต้องล้มพับไปไม่เป็นท่า เรื่องนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของซีไอเอเละไม่เป็นท่า
ถึงแม้พวกเขาจะตามจับตัวสายลับสามคนกลับมาได้และเตรียมที่จะล้างสมองเพื่อให้มาแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น กลับต้องเกิดเหตุประหลาดสยองขวัญอย่างการที่สายลับทั้งสามกลายร่างเป็นงูยักษ์ต่อหน้าต่อตาทำให้เจ้าหน้าที่ชั้นยอดหลายคนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
มาตอนนี้ยังมีเรื่องนักวิเคราะห์ชั้นยอดของตัวเองได้ปล่อยข้อมูลลับสุดยอดออกไปจนทำให้รัฐบาลอเมริกาต้องพบกับเหตุการณ์อันยากลำบากแบบนี้
เรียกได้เลยว่าพวกเขานั้นได้รับโชคร้ายอย่างต่อเนื่องจนต้องรับกันไม่ทันเลยทีเดียว
ผอ.ซีไอเอนั้นรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่การที่สายลับของเขาทำการขายประเทศตัวเอง ตลอดจนการที่สโนวเด็นทรยศประเทศเผยข้อมูลลับสุดยอดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศจีนเป็นแน่
แต่ไม่ว่าเขาคิดยังไงก็ตามก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกันได้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขารู้สึกนี้มันเป็นเพียงลางสังหรณ์เหมือนตอนที่ตัวเขาต้องทำอะไรบางอย่างภายใต้การจับตามองจากศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว
“เราแกะลายเป้าหมายจนทราบแล้วว่ามันอยู่ที่รัสเซียครับ แต่ระหว่างการเข้าจับกุม อยู่ๆหมอนั่นมันได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา
“แกะรอยต่อไป ยังไงซะมันก็ต้องอยู่ที่รัสเซียนั่นแหล่ะ….หรือว่าไอ้พวกรัสเซียจะได้ตัวมันไปแล้วกัน หากว่ารัสเซียได้ตัวไอ้เวรนั่นไปจริงล่ะก็ แน่นอนว่าพวกมันต้องคุ้มครองไอ้เวรนั่นอย่างเต็มที่เพื่อจะได้รับข้อมูลของพวกเรามากกว่านี้ ….ต่อให้ประธานธิบดีกดดันรัสเซียไปพวกนั้นต้องไม่มีทางปล่อยสโนวเด็นให้พวกเราอย่างแน่นอน…คงต้องใช้วิธีการอื่นแล้วสินะ” ผอ.ซีไอเอได้แสดงความเห็นของตัวเองออกมาในทันที
ในขณะที่ปฏิบัติการจับตัวสโนวเด็นยังคงดำเนินการอยู่นั้น ตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงประตูดังขึ้นมา
เมื่อผอ.ซีไอเอให้คนที่เคาะประตูเข้ามานั้น หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก เธอคนนี้ได้เปิดประตูและเร่งเข้าหาผอ.ซีไอเออย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือว่า “ผอ.คะ….สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีแล้ว มีข้อมูลลับสุดยอดอย่างอื่นหลุดออกมาค่ะ”
“ห้ะ ข้อมูลอะไรอีกล่ะ” ผอ.ซีไอเอถามออกมาด้วยหน้าที่นิ่งเงียบ
“ท่านดูด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ” หญิงวัยกลางคนได้เปิดข่าวในอินเตอร์เน็ตข่าวหนึ่งให้ผอ.ซีไอเอดู ทันทีที่เขาได้เห็นข่าวนี้ ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างผอ.ซีไอเอได้จับจ้องข่าวนี้ด้วยสายตาที่ไม่กล้าจะกระพริบ
เช่นเดียวกับผอ.ซีไอเอที่มองข่าวนี้อย่างนิ่งๆไม่มีการขยับแต่อย่างใด หากจะสิ่งใดเปลี่ยนไปล่ะก็ ก็คงจะเป็นสีหน้าที่ในตอนนี้ต่างก็ซีดเผือดเพราะไม่มีเลือดไปเลี้ยงที่ใบหน้าสักหยดเดียว