Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 633
ขยะกองใหม่
ซูจิ้งและสัตว์เลี้ยงเข้าไปที่สถานีสุดยอดขยะแห่งห้วงเวลาและอวกาศ เหมือนปกติที่มีขยะมากมายร่วงลงมาจากน้ำวนด้านบนและกองรวมเป็นภูเขาขยะในเวลาไม่นาน ซูจิ้งให้พวกสัตว์อยู่รอบๆพร้อมกันนั้นก็ปล่อยพลังจิตให้ครอบคลุมกองขยะทั้งหมดด้วย
หลังจากนั้นไม่นานขยะก็ครอบคลุมกินพื้นที่ 600 ตารางเมตรและสูงมากกว่า 200 เมตร หลังจากนั้นทุกอย่างก็หยุด น้ำวนค่อยๆหายไปอย่างช้าๆและไม่มีการสนทนาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ซูจิ้งคิดว่าบางทีคนที่ควบคุมห้วงเวลาและอวกาศเหล่านั้นอาจจะหมดหวังกับอุโมงค์ห้วงเวลาและอวกาศไปแล้วก็ได้ พวกเขาเลยใช้มันสำหรับทิ้งขยะเท่านั้นซึ่งก็จะมีการเอาขยะเข้ามาทิ้งเป็นประจำดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องเอามาคุยให้ยืดยาว แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นแค่ความคิดของซูจิ้งเอง บางทีอาจจะมีการเคลื่อนไหวแล้วแต่ซูจิ้งก็ไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องนั้นมากนัก
“ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆเลยนะ” ซูจิ้งใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบกองขยะทั้งหมด เขาไม่พบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เลย อย่างไรก็ตามถึงแม้พลังจิตเขาจะเติมขึ้นแต่ปริมาณขยะก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน ขยะจำนวนมากก็เลยทำการตรวจจับได้แค่คร่าวๆ ทำให้ถ้ามีสิ่งมีชีวิตที่ตัวไม่ใหญ่มากก็คงจะตรวจไม่เจอแน่ๆ ดังนั้นจึงต้องเอาพวกสัตว์เลี้ยงมาอยู่แถวนี้ด้วย ซูจิ้งเดินไปรอบกองขยะจำนวนมากและมองไปที่ยอดของกองขยะที่มีทั้งยาง, กระดาษ, ไม้ไผ่หักๆ, เสื้อผ้าเก่า, โต๊ะและเก้าอี้พังๆและอื่นๆอีก ซึ่งพอจะบอกได้ว่าพวกมันมาจากยุคโบราณแต่บอกไม่ได้ว่ามาจากช่วงเวลาไหน ซูจิ้งยังสังเกตเห็นด้วยว่ามีหญ้าบางชนิดเติบโตอยู่บนกองขยะ มีหลายต้นที่ถูกฝังอยู่ใต้กองขยะแต่มีเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้นที่โผล่ออกมา ซูจิ้งคิดถึงขยะในโลกที่สมบูรณ์แบบและอดไม่ได้ที่ของธรรมดาจากโลกอื่นอาจจะเป็นสมบัติมีค่าในโลกนี้ได้
เขาปล่อยพลังจิตออกไปและขุดเอาต้นหญ้าออกมาจากผิวของกองขยะ มีทั้งหมดแปดต้น พวกมันไม่ต่างอะไรจากหญ้าธรรมดาทั่วไป บางต้นก็เหี่ยวเพราะกองขยะ บางก็ถูกทับแต่พวกมันก็ยังไม่ตาย
เขาปลูกพวกมันหกต้นลงในกระถางดอกไม้และใส่ดินวิญญาณลงไปด้วยและอีกสองต้นที่ดูแล้วไม่น่าจะปลูกรอดจึงถูกเอาไปทดลอง เขาขอให้หลี่น้อยไปจับหนูมาสองตัว และเอาหญ้าป้อนหนึ่งในพวกหนูและจับปลาธรรมดามาอีกสองตัว เขาโปรยหญ้าลงไปในตู้ปลาเพื่อให้ปลาตัวหนึ่งกิน เห็นได้ชัดว่าพวกหนูไม่ชอบกินหญ้า ซูจิ้งต้องสะกดจิตเพื่อบังคับให้มันกิน แต่ปลาไม่ได้กินยากมากเท่าไรแต่มันก็ไม่ได้ชอบเท่าไรเหมือนกัน หญ้าพวกนี้ไม่ได้รับความนิยมเหมือนหญ้าที่มาจากโลกสมบูรณ์แบบเท่าไร
หลังจากที่กินหนูและปลาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เหมือนกินหญ้าธรรมดาๆเข้าไปซึ่งทำให้ซูจิ้งผิดหวังนิดหน่อย อย่างไรก็ตามซูจิ้งคิดว่าเขาจะได้เห็นปฏิกิริยาในอีกหนึ่งหรือสองวันหรืออีกสักพักเขาคงจะต้องป้อนเพิ่ม เขาจึงเก็บพวกหนูและปลาทั้งหมดไว้ก่อน
ซูจิ้งเริ่มที่ค้นขยะ ระหว่างที่ค้นเขาก็เจอหญ้าแบบเดิมเพิ่มอีกบ้าง เขาเอาทุกต้นที่ยังไม่ตายมาปลูกและเก็บต้นที่ไม่สามารถนำมาปลูกได้ไว้ในกระเป๋าเก็บของ พร้อมสำหรับการเอาไปทดลองในวันต่อๆไป เขารีบค้นอย่างเร็วๆอยู่ 2-3 ชั่วโมง เขากลัวว่าจะไม่เจอของมีค่าอะไรเลย เมื่อเจอผ้าขี้ริ้วเพิ่มอีกก็เหมือนปกติคือโยนมันไปซุมกองรวมกันไว้ ในกองขยะมีเศษผ้าหลายแบบที่สวยๆ เช่น เสื้อผ้าโบราณของผู้ชายที่สง่างามและกระโปรงยาวพิเศษของผู้หญิง ผู้คนจากห้วงเวลาและอวกาศนี่มีรสนิยมที่ดีกันจัง
“พระเจ้า!” ซูจิ้งตกใจและหยิบเสื้อผ้าที่เพิ่งถูกโยนไปกองรวมกับเศษผ้าอื่นๆขึ้นมา สัมผัสเนื้อผ้าและก็ต้องประหลาดใจ ชุดเดรสยาวสีขาวตัวนี้ทั้งสง่างามและเป็นสไตร์ที่เริสหรู ดูเหมือนจะเป็นผ้าไหม มันให้ความรู้สึกนุ่มลื่นอย่างมาก มันเกือบจะดีเท่ากับเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมที่มาจากห้วงเวลาและอวกาศของคัมภีร์วิถีเซียนเลย นี่เรียกได้ว่าเป็นผ้าไหมเกรดที่สูงมากจนของในท้องตลาดที่ไหนก็เอามาเทียบไม่ได้เลย
“วัตถุดิบที่เอามาทำนี่ต้องมีค่ามากแน่ๆ” ใบหน้าของซูจิ้งเปล่งประกายขึ้นทันที ถึงแม้ที่ชุดจะมีรอยขาดหลายที่และดูเหมือนว่าจะเป็นการทอด้วยมือ คงต้องใช้ช่างเย็บที่เชี่ยวชาญในการแก้งานแน่ๆเขาถึงมองแทบจะไม่เห็นรอยขนาดนี้ ประเด็นสำคัญคือวัสดุที่ใช้ทอมันดีมากจนทำให้รู้สึกดีมากๆ ถ้าได้ใส่คงจะรู้สึกสบายมากแน่ๆ นี่จะต้องราคาแพงมากกว่าพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมตามท้องตลาดทั้งหมดแน่ๆ
ซูจิ้งไม่รู้ว่ามันคือวัสดุอะไร เขามีแผนที่จะตรวจอย่างละเอียดอีกที เมื่อเห็นว่าบนชุดมีทั้งฝุ่นและโคลนมากมายจนมองไม่เห็นทั้งชุด เขาจึงโยนลงไปในน้ำเพื่อที่จะทำความสะอาดชุด ถ้าเขาไม่ทำความสะอาดเขาคงจะบ้าตายแน่ๆ หลังจากนั้นสักพักที่เขาล้างน้ำออกและชุดสะอาดแล้ว เมื่อเขายกชุดขึ้นมาจากน้ำ เสื้อผ้ากลับไม่เปียกเลยสักนิด ราวกับว่าภาพที่ลงไปในน้ำเป็นภาพลวงตา
“นี่อะไรกันเนี่ย?” ซูจิ้งไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าตัวเองตาฝาดเอง เขากดชุดกระโปรงลงไปในน้ำอีกครั้งจุ่มมันไว้สักพักแล้วก็ยกมันขึ้นมาจากน้ำอีกครั้ง หยดน้ำไหลออกจากชุดกระโปรงอย่างรวดเร็วและเมื่อมาจับที่ชุด มันกลับแห้งสนิท บางทีอาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้โดนน้ำเลยก็ได้ แต่น้ำในอ่างก็กลายเป็นน้ำโคลนไปหมดแล้วแต่กระโปรงก็ถูกซักด้วยน้ำยาซักผ้าและล้างด้วยน้ำสะอาดหลายครั้งชุดจึงสะอาดมากๆ
“นี่มันใช้วัสดุอะไรกันเนี่ย? มันจมลงไปในน้ำได้โดยที่ไม่เปียกเลยสักนิด” สีหน้าของซูจิ้งเปล่งประกายความสุขออกมา เขารู้สึกนุ่มสบายเหมือนผ้าไหมแต่กลับไม่เปียกในน้ำเลย ใครบ้างที่จะไม่ชอบชุดแบบนี้กัน? เมื่อได้ใส่ชุดแบบนี้ถึงแม้ในวันที่ฝนตกแล้วไม่ได้พกร่มแต่ก็ยังไม่เปียก สามารถไปว่ายน้ำได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนชุดแต่กลับกระโดดลงน้ำไปได้เลย หลังจากที่ไหว้น้ำจนพอใจแล้วก็แค่ปีนขึ้นมาจากสระแล้วก็เดินไปได้เลย นอกจากนี้ถ้ามีน้ำมันกระเด็นมาเลอะเสื้อผ้าก็ไม่เปื้อนด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงไม่ได้สกปรกได้ง่ายๆเลย หรือถ้ามีดินมาเลอะก็ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าแล้วค่อยล้างแต่เอาน้ำมาราดได้โดยตรงเลย
อันที่จริงแล้วเสื้อผ้าบนโลกนี้ที่ทำมาจากวัสดุแบบนาโนก็ไม่สกปรกหรือเปียกได้ง่ายๆ ถึงแม้จะนอนอยู่ในบ่อโคลนแต่ก็ยังสะอาดได้อยู่แต่ปัญหาคือพวกมันไม่ได้สวมใส่สบายเหมือนผ้าไหมและเทียบไม่ได้กับชุดเดรสกระโปรงตัวนี้เลย แทบจะสรุปได้ว่าชุดนี้ทำจากวัสดุธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะจากขยะทั้งหมดแล้ว พวกมันน่าจะมาจากยุคโบราณของห้วงเวลาและอวกาศ เป็นห้วงเวลาและอวกาศที่เทคโนโลยีสูงขนาดไหนกันนะเนี่ย?
ยิ่งซูจิ้งเห็นมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งชอบมันมากขึ้นเท่านั้น เขาเก็บชุดกระโปรงยาวใส่ถุงมิติและเก็บขยะต่อไป เขาหวังว่าจะค้นขยะเจอชุดที่ทำมาจากวัสดุแบบนี้อีก ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นชุดโบราณของผู้หญิงหรือเปล่า เขาสามารถแยกมันออกแล้วแก้ให้เป็นชุดของผู้ชายได้
ไม่นานหลังจากนั้นซูจิ้งก็ต้องประหลาดใจที่ได้เจอเข้าอีกชุด เป็นชุดของผู้หญิงเช่นเดิม เขายังค้นต่อไปและกลายเป็นว่าได้เจอเสื้อผ้าที่ยังอยู่ในสภาพดีมากเพิ่มเรื่อยๆ ในโลกที่ขยะนี้จากมาดูเหมือนว่าของพวกนี้จะไม่มีค่าหรือราคาอะไรเลย
“เป็นห้วงเวลาและอวกาศแบบไหนกันนะเนี่ย? ถึงได้โยนชุดดีๆแบบนี้ทิ้งขยะได้ง่ายๆแบบนี้” ซูจิ้งเต็มไปด้วยความสุข แต่แทนที่จะรีบเร่งเขากลับค่อยๆค้นขยะอย่างมีระเบียบ เขาเจอต้นหญ้าและชุดเพิ่มจึงเก็บพวกมันไว้ พร้อมกันนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะสนใจขยะชิ้นอื่นๆด้วย