Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 647
หนอนไวน์
“คุณซูครับ คุณไปได้ปะการังแดงนี่จากไหนกันครับ” ชายหน้าเหลี่ยมอดใจไม่ได้ที่จะถามออกไป หลี่เทียนเฮอ หลี่เหนียนหยิง หวังจ้าว หวังซือหยา และคนอื่นๆ ต่างมองไปที่ซูจิ้งอย่างจริงจัง
“ก็แค่บังเอิญน่ะครับ” ซูจิ้งแตะจมูกของเขาในขณะตอบออกไป เขาขี้เกียจอธิบายมากความก็เลยตอบโม่หลิง(ชายหน้าเหลี่ยม) ไปแบบนั้น ถ้าเขาบอกไปว่าจริงๆแล้วได้มาจากกองขยะก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
หลี่เทียนเฮอได้แค่มองแบบลังเลก่อนที่จะตัดสินใจเก็บปะการังแดงเข้าไป หวังซือหยาและหวังจ้าวต่างก็รู้สึกเจ็บจี๊ดแทนซูจิ้ง แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกให้ซูจิ้งเอาของกลับมา
ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้ฉายาของซูจิ้งเรื่องลือไปยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครคิดแข่งด้วยอีกต่อไป การจะแข่งกับเขาเรื่องนี้ถือว่าฆ่าตัวตายชัดๆ ผู้คนโดยรอบต่างให้ความสนใจไปยังซูจิ้ง สมบัติอันประเมินค่าไม่ได้กลับถูกมอบให้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นอย่างง่ายดายทำให้แสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของตระกูลของเขา
หลังจากพิธีมอบของขวัญก็ถึงช่วงงานเลี้ยงมื้อค่ำ ในพื้นที่ส่วนตัวพื้นที่หนึ่ง หวังจ้าวอดไม่ได้ที่จะพูดกับซูจิ้งว่า “ฉันตั้งใจว่าให้นายแค่เอาของที่ดีที่สุดมาเป็นของขวัญ แต่นายดันเอาสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้มามอบให้เป็นของขวัญเนี่ยนะ แถมไม่ใช่แค่หนึ่งแต่เป็นสองชิ้น ถ้าฉันรู้มาก่อนหน้านี้หล่ะก็ ฉันจะบอกนายว่าให้แค่ชิ้นเดียวก็พอ”
“ใช่แล้วหล่ะ สมบัติแบบนั้น ถ้าเป็นฉันนี่ไม่มีทางปล่อยจากมือแน่นอน แค่คิดก็ปวดใจแล้ว” หวังซือหยาพูดออกไป
“ฮ่า ฮ่า มันก็เท่านั้นแหล่ะน่า ผมยังมีอยู่อีกนิดหน่อย อีกสักพักผมก็คิดว่าจะเอาไปประมูลนะ บอกได้เลยว่าการมอบของขวัญครั้งนี้ไม่ได้เข้าเนื้อผมแน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“หมายความว่านายยังมีอำพันกับปะการังแดงอยู่อีกงั้นรึ” หวังจ้าวและหวังซือยาถึงกับตกใจ
“ก็อีกนิดหน่อยน่ะ” ซูจิ้งบอกความจริงให้แก่ทั้งสองคนฟังเพราะว่าเขาคิดกับทั้งสองคนเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกัน
“….” หวังจ้าวและหวังซือหยาได้แต่นิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก
ด้วยสถานะพิเศษของตระกูลหวังทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างเข้ามาทักทายหวังจ้าวและหวังซือยา ซึ่งก็รวมถึงซูจิ้งอย่างไม่มีข้อยกเว้น หวังจ้าวและหวังซือหยาก็ได้ทำการดื่มตามมารยาทเท่านั้นไม่ได้ดื่มจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ซักครู่ต่อมา หลี่เทียนเฮอ หลี่หยิง หลี่เหนียนหยิง รวมถึงตระกูลหลี่คนอื่นๆ ก็เข้ามาและชวนให้หวังจ้าวและหวังซือหยาดื่มด้วยกัน ในเรื่องดื่มนั้นหวังซือหยาถือว่าสอบผ่านอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ซูจิ้งคาดไม่ถึงก็คือหวังจ้าวที่พอเป็นเรื่องดื่มนั้นไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ หลังจากดื่มไม่กี่แก้วเขาก็เริ่มที่จะเมา พอดื่มต่ออีกซักพักเขาก็ขอตัวไปห้องน้ำเพื่อจะปล่อยออกมา
“พี่น้อง ไหวไหมเนี่ย” ซูจิ้งเอ่ยถามขึ้นหลังจากเข้าไปลูบหลังหวังจ้าวขณะสำรอกออกมา
“บ้าจริง นายก็ดื่มหนักเหมือนกันทำไมไม่เป็นอะไรเลยเนี่ย” หวังจ้าวตอบแบบเซ็งๆ
“ก็ผมเป็นนักดื่มนี่นา แต่คุณน่าจะไม่ใช่แหะ พี่ซือหยายังเก่งกว่าคุณอีกนะเนี่ย คุณดันแหวะออกมาคนแรก สงสัยคุณคงต้องดื่มเล่นๆ มั่งซะแล้วหล่ะ คุณไม่เคยฝึกการดื่มรึไงกัน” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม ปริมาณที่เขาดื่มเข้าไปนั้นไม่ใช่ว่าดื่มน้อยแล้วเมาหรอก แต่เป็นดื่มไม่บันยะบันยัง มันเป็นเรื่องยากที่จะดื่มขนาดนั้นติดๆ กันโดยที่ร่างกายจะรับไหว ตราบใดที่เขาค่อยๆ ดื่ม เขาจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเมาเลย แทบไม่ต้องห่วงเรื่องแฮ้งค์ซะด้วยซ้ำ
“ปกติฉันไม่ค่อยดื่มน่ะ แต่กับพวกนี้ฝืนไม่ได้จริงๆ” หวังจ้าวพูดพร้อมยิ้มออกมา “ก็ถ้าฉันไม่ดื่มวันนี้ ฉันก็จะทำให้หลี่หยิงหัวเราะได้ ไม่เหมือนนายที่มีสาวๆ เยอะแยะหรอกนะ มีอะไรที่พอช่วยฉันเรื่องดื่มได้มั่งไหมเนี่ย”
“เรื่องนี้….” ซูจิ้งก็เกือบจะหลุดปากไปว่าไม่มีทาง แต่เขาก็ผลันนึกได้ว่ามีบางอย่างที่น่าจะพอลองดูได้ ซึ่งเขาเก็บได้จากขยะจากโซเฉินจิ เมื่อสองวันก่อน เขาอดใจไม่ได้ที่จะตื่นเต้นในโอกาสก่อนที่จะบอกไปว่า “ความจริงก็พอมีนะแต่มันค่อนข้างที่จะแหยงๆ หน่อย”
“ฉันจะอ้วกออกมาแล้ววววว มีอะไรที่น่าหยะแหยงกว่านี้อีกรึไง” เอาออกมาเร็วๆ เข้า แล้วฉันจะได้ลุยต่อ”
หวังจ้าวตาเป็นประกายตอนแรกเขาก็แค่ถามเล่นๆ ใครจะคิดว่าซูจิ้งมีวิธีจัดการจริงๆ
“มันจะแหยะๆ หน่อยนา” ซูจิ้งกล่าวอย่างกดดัน
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ตอนนี้ฉันไม่คิดว่ามีอะไรน่าขยะแขยงกว่านี้แล้ว ตราบใดที่มันทำให้ฉันดื่มต่อได้ ฉันจะรับมันไว้เอง” หวังจ้าวพูดสวนออกมาทันทีพร้อมทำท่าว่าของในท้องจะพุ่งออกจากปาก
“ได้ๆ แป๊บนึง” ซูจิ้งมองไปที่หวังจ้าวที่กำลังอ้วกแบบพูดไม่ออก แต่เขาก็ทนดูกระบวนการนี้ไม่ได้เช่นกัน เขาปล่อยพลังจิตออกมาแล้วก็ทำการสะกดจิตหวังจ้าวโดยตรง เอาจริงๆ เขาคิดว่าหวังจ้าวจะทนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มากกว่า หลังจากสะกดจิตซูจิ้งก็ได้ปล่อยพลังจิตออกมาเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ
หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ เขาก็นำของบางอย่างออกจากกระเป๋าวิญญาณสัตว์ มันคือโหลแก้ว ในนั้นมีแมลงสีแดงตัวหนึ่ง มันคือหนอนนักดื่มที่เคยพยายามเข้าไปในร่างกายซูจิ้งนั่นเอง
ซูจิ้งนั้นยังคาใจเรื่องที่ว่าถ้าเจ้าแมลงตัวนี้เข้าไปในร่างกายมนุษย์แล้วจะเกิดผลอะไรบ้าง มันจะเข้าไปอยู่ในกะเพาะคนแล้วดื่มไวน์แทนรึเปล่านะ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็ยังคิดว่าเจ้าหนอนแดงตัวนี้ไม่น่าจะทำอะไรคนได้ ถ้างั้นก็คงได้แต่ต้องลองดู ต่อให้เกิดเรื่องผิดพลาดเขาก็ยังนำเอาเจ้าหนอนนี่ออกจากร่างกายหวังจ้าวได้อยู่ดี
“พี่ชายจ้าวคร้าบบบบ พี่ชายผู้แสนดี น่ารัก บริสุทธิ์ผุดผ่อง นายจะมองไม่เห็นแมลงตัวนี้หรอกน้า ไม่มีอะไรน่าหยะแหยงเลยซักกะติ๊ดนึงงงงงง เพราะว่าฉันล้างมันด้วยไวน์หลายรอบแล้ว มันก็น่าจะค่อนข้างสะอาดอ่ะนะ” พอซูจิ้งตล่อมเสร็จเขาก็เปิดฝาออก เจ้าหนอนแดงเด้งตัวฝึงขึ้นมาทันทีหลังจากได้กลิ่นไวน์ ทันได้นั้นมันก็พุ่งตรงไปยังจมูกของซูจิ้ง แต่ซูจิ้งก็อาศัยจังหวะคว้าแล้วเอามือไปโปะที่ปากของหวังจ้าว จะหนอนแดงยู่ไปบนริมฝีปากของหวังจ้าวหลังจากนั้นก็ไหลเข้าปากไป
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม นายเบลอไปพักนึงน่ะ ฉันให้ยาแก้เมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง” ซูจิ้งเอ่ยถาม
“ฉันรู้สึกดีแล้วนะ ยาของนายเจ๋งจริงๆ คิดว่างั้นนะ” หวังจ้าวตกใจ ถ้าจะให้พูดถึงยาแก้เมาไม่มียาแบบไหนเลยที่ให้ผลได้ทันควัน ส่วนใหญ่ก็แค่ทำให้หายมึนเล็กน่อย หลังจากได้ยาไปหวังจ้าวรู้สึกกระปรี้ประเปร่าอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเขาไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน ยิ่งกว่านั้นเขามีความรู้สึกว่าอยากดื่มมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“นายรู้สึกไม่สบายตรงไหนมั่งไหม ท้องนายยังโอเคอยู่ใช่ไหม” ซูจิ้งถามอย่างจริงจังเพราะว่าสิ่งที่ทำหวังจ้าวดีขึ้นนั้นเป็นหนอนแดงที่เข้ายัดใส่ปากหวังจ้าวเข้าไป
“ไม่นะ ยานายเจ๋งสุดๆ ไปเลยด้วยซ้ำ ป่ะ เราไปไฝว้กับพวกนั้นต่อดีกว่า” หวังจ้าวหัวเราะขึ้นพร้อมลากซูจิ้งออกจากห้องน้ำกลับไปยังห้องงานเลี้ยง
“เพื่อนยาก ไหงนายไปซ่อนในห้องน้ำนานนักหล่ะ ยังไหวรึเปล่าเนี่ย” หลี่หยิงถามด้วยรอยยิ้ม
“จะบอกว่าไม่ไหวได้ไงกัน มาเรามาต่อกันดีกว่า” หวังจ้าวไม่เพียงแค่ไม่รู้สึกเมา เขายังต้องการดื่มมากกว่าเดิมอีก
“เสี่ยวจ้าว ถ้านายไม่ไหวก็อย่าฝืนน่า… ” หลี่เหนียนหยิงพูดยิ้มเย้ยหน่อยๆ
“ต่อกันได้แล้ว” หวังจ้าวพูดอย่างท้าทายและมาดเข้ม
ทุกคนคิดว่าเขาแค่พยายามทำตัวให้ดูเข้มเข้าไว้ เพราะว่าทุกคนต่างก็เห็นว่าหวังจ้าวดื่มไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามเขาพาคนขับมาด้วย แถมยังมีหวังซือหยาและซูจิ้งอยู่ด้วย ต่อให้เขาดื่มจนล้มก็ไม่มีปัญหา พวกเขาจึงไม่ได้ห้ามเพราะยังไงซะงานเลี้ยงก็ย่อมต้องเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะอยู่แล้ว ถ้าเมาล้มพับแค่ส่งตัวกลับก็พอ