Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 658
ปิดร้านขายเสื้อผ้า
ณ เวลาแปดโมงเช้า ได้มีรถยนต์ออดี้และรถบรรทุกวิ่งเข้ามาจอดที่ประตูของตึกหลงถังอินเตอร์เนชั่นแนลในเมืองจงหยุน ประตูรถออดี้ได้ถูกเปิดออกและได้มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบปีที่อยู่ในชุดสูทสั่งตัดที่ช่างดูเซ็กซี่น่าหลงใหลก้าวออกมาจากรถ ผู้หญิงคนนั้นคือหวังซือหยา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาใครซักคน ซักพักฉือชิงที่ใส่ชุดสูตรตัดเช่นเดียวกันได้เดินมาพร้อมกลุ่มผู้ชายที่รูปร่างกำยำออกมาต้อนรับ
“พี่สาวซือหยา ในที่สุดของก็มาส่งซักที แล้วทำไมพี่ถึงมาด้วยตัวเองเลยหล่ะ” ฉือชิงได้กุมมือซือหยาเอาไว้พร้อมพูดด้วยความสนิทสนม
“ฮิ ฮิ ก็ร้านเธอเปิดวันนี้นี่นา ฉันจะไม่มาด้วยตัวเองได้อย่างไงกันล่ะ ว่าแต่อาจิ้งยังไม่มาหรอ” หวังซือหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เขามานั่งอยู่ข้างในใต้ต้นไม้มาพักใหญ่แล้วหล่ะ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเหมือนกัน แต่ก็อาจเป็นเพราะร้านเราเน้นไปที่เสื้อผ้าผู้หญิงด้วยหล่ะนะ ยิ่งกว่านั้นกว่าครึ่งยังเป็นชุดชั้นในซะอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะให้เขาช่วยทำอะไรดี” ฉือชิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ก็จริงนะ งั้นก่อนอื่นก็ขนเสื้อผ้าพวกนี้เข้าไปในร้านกันเถอะ ” พอหวังซือหยาพูดจบคนขับรถบรรทุกก็ได้เปิดประตูด้านหล้งและก็ได้ขนของลงไว้หน้าร้าน ที่จริงแล้วร้านนี้ก็มีเสื้อผ้าเต็มร้านอยู่แล้วนั่นก็เพราะซูจิ้งเป็นคนจัดเตรียมมาให้
“พี่ชายคะรบกวนหน่อยนะคะ” ฉือชิงพูดด้วยรอยยิ้มกับผู้ชายกลุ่มนั้น
“ได้ ได้” เหล่าชายกำยำพูดตอบทั้งทำหน้าแบบยังไงก็ต้องทำ บางคนขนทีละกล่องบางคนก็ขนทีสองกล่องเพื่อนำไปไว้ที่ชั้นสองของร้าน คนเหล่านี้คือคนของหวูตี้ที่เคยสู้กับซูจิ้งแล้วพ่ายแพ้ในคืนที่มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกระบี่เทพธิดา โดยมีการพนันกันว่าพวกเขาจะต้องมาให้ซูจิ้งใช้แรงงานเป็นเวลาสามวันแบบฟรีๆ ซูจิ้งก็เลยให้พวกเขามาช่วยในงานวันเปิดร้านนี้
ร้านเสื้อผ้าตั้งอยู่บริเวณหนึ่งที่ชั้นสองของตึก สภาพร้านถือได้ว่าดูดีอยู่แล้วแค่ต้องมีของบางอย่างที่จะตั้งปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพราะเป็นของเดิมที่ตั้งไว้ในร้านอยู่แล้ว
คนของหวู่ตี้เหล่านี้ต่างรู้สึกเสียใจว่าคืนนั้นพวกเขาไม่ควรไปท้าประลองกับซูจิ้งเลย อย่างไรก็ตามการสู้แพ้แบบเจ็ดต่อหนึ่งกับซูจิ้งแบบนั้นใครจะไปคิดว่าจะแพ้คนๆเดียวได้
กล่องเจ็ด-แปดกล่องถูกขนขึ้นไปที่ชั้นสองของตึกโดยมีฉือชิงและหวังซือหยาก็ได้เดินตามเข้ามา หวังซือหยามองไปรอบและสามารถประเมินความเหมาะสมของร้านอย่างมืออาชีพ เธอรู้ได้เลยว่าแต่ละส่วนของร้านเหมาะกับวางสินค้าชนิดไหน
“การตกแต่ง แสง และการจัดวางของร้านช่างดูดีจริงๆ และตึกนี้ก็ยังเป็นตึกเดียวกับบริษัทที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงถือที่มีคนพลุกพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ทำเลทองได้เลย โชคดีจริงๆที่เธอได้ร้านนี้มาในช่วงเวลาสั้นๆขนาดนี้”
“เพื่อนของอาจิ้งเขาช่วยฉันเปิดร้านนี้น่ะ แต่ร้านของเขาใหญ่กว่านี้อีกนะ ฉันกลัวจะขายของได้ไม่สู้ร้านของเขาไม่ได้เนี่ยสิ” เพื่อนของอาจิ้งที่ฉือชิงพูดถึงนั้นก็คือผู้หญิงหุ่นดีๆภรรนาของซุนเยว่ที่เคยเอาชุดชั้นในให้ลูกของเธอ มันทำให้ลูกสาวของเธอลดน้ำหนักและปรับรูปร่างได้ รวมถึงช่วยเธอรักษาโรคไข้เย็นของเธอด้วยยาที่ทำจากสมุนไพรธาตุไฟ นั่นทำให้เธอถือว่าซูจิ้งเป็นเพื่อนแท้ของเธอคนหนึ่ง เธอเต็มใจที่จะช่วยซูจิ้งทันทีเมื่อได้ยินว่าซูจิ้งตั้งใจจะเปิดร้านเสื้อผ้า ถึงขั้นหาทำเลที่ตั้งร้านนี้ให้เลยด้วยซ้ำ
“ฮ่า ฮ่า อย่าเพิ่งกังวลไปหน่อยเลยน่า เธอเองก็มีประสบการณ์ในร้านเสื้อผ้าของฉันอยู่แล้วนี่ ผลิตภัณฑ์ของทางเราไม่มีทางแพ้แน่นอน” หวังซือหยาพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมคิดว่าฉือชิงถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึงเลย ตอนที่ได้ยินมาว่าอาจิ้งได้ใช้บัญชีร่วมกับเธอแล้วเธอเห็นเงินในบัญชีที่มีเป็นหมื่นล้าน เธอกังวลที่จะนำเงินไปใช้จนใช้ไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
ในระหว่างที่พูดกันนั้น พวกเธอได้แกะกล่องออกมาพร้อมทั้งเอาเสื้อผ้าที่ซูจิ้งจัดเตรียมมาแสดงให้ลูกค้าดู พวกเธอก็ได้ยินเสียงพูดจากหน้าร้านว่า
“ว้าวววววว……ชิงชิงร้านของเธอใหญ่เหมือนกันนะ” คนที่เข้ามานั้นเป็นผู้หญิงหน้าตาหน้ารักคนนึงและผู้หญิงตัวสูงอีกคนนึง นั่นก็คือลู่ชิงหยาและหยางเว่ย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พวกเธอจึงตั้งใจที่จะมาช่วย
“พวกเธอมาช่วยฉันด้วยหรอ” ฉือชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“แหงซิ พวกเราไม่ได้มาเพื่อช่วยเธอขายคุ้กกี้แน่นอน” ลู่ชิงหยาพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งเข้าไปช่วยแกะกล่องรวมถึงหยางเว่ยและพนักงานหญิงคนอื่นๆ ก็เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน เพราะว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยซูจิ้งนั้นส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าผู้หญิง และกว่าครึ่งเป็นชุดชั้นในผู้หญิง พวกผู้ชาย(คนของหวู่ตี้)จึงได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ
ในตอนที่ชิงชิงตัดสินใจจะเปิดร้านเสื้อผ้าผู้หญิงนั้น แน่นอนว่าของทั้งหมดล้วนเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงและเกือบครึ่งเป็นชุดชั้นใน เพื่อไม่ให้ลูกค้าผู้หญิงต้องกระดากใจตอนที่ซื้อ เธอจึงได้จ้างพนักงานเป็นผู้หญิงทั้งหมด
ตงเจี๋ย ผู้หญิงน่ารักผิวขาว เธอเองเคยเรียนด้วยกันกับฉือชิงและยังเคยทำงานกับฉือชิงที่ร้านของซือหยา ด้วยการที่เธอสนิทกันมากจึงได้ร่วมหุ้นกันและก็ได้มาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่แรก ส่วนคนอื่นนั้นเธอจ้างมาทีหลัง
“นี่มันชั้นในกระชับสัดส่วนไม่ใช่หรอ” หยางเหว่ยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาหลังจากที่เห็นของในกล่อง เธอมองพร้อมทำตาปริบๆ เธอเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับชั้นในนี้พร้อมสรรพคุณแต่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฉันได้ยินมาว่าชั้นในนี่ราคาชิ้นละห้าล้านหยวนเลยไม่ใช่หรอ” ลู่ชิงหยาพูดสำทับออกมาพร้อมหยิบขึ้นมาดู
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า… รุ่นนี้แค่เกือบๆหนึ่งล้านหยวนเอง” หวังซือหยาหยิบขึ้นมาดูเช่นกันพร้อมพูดตอบไป
ที่จริงแล้วชั้นในชิ้นนี้ทำมาจากหนังของสไลม์ที่ซูจิ้งได้ไอเดียจากเสื้อผ้าของพวกคนแคระ ถึงความยืดหยุ่นและผลในการกระชับสัดส่วนนั้นจะไม่ได้ดีมากแต่ก็ยังดีกว่าชั้นในกระชับสัดส่วนที่มาขายกันในท้องตลาดอยู่หลายเท่า
ลู่ชิงหยาและหยางเหว่ยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินราคาชั้นในนี้ ห้าล้านถือว่าราคากำลังดี ห้าแสนถือว่าถูก ไม่ว่าราคาไหนสำหรับพวกเธอก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี ตอนแรกพวกเธอตั้งใจว่าจะซื้อซักอันแต่เมื่อพวกเธอได้ยินราคาจึงทำได้แต่เพียงยอมแพ้เท่านั้น
อีกด้านหนึ่งตงเจี๋ยเมื่อได้ยินอดไม่ได้ที่ประหลาดใจเมื่อได้ยินราคาของชั้นในที่จะขาย เธอได้ยินมาว่าราคาต่อชิ้นห้าล้านหยวนและคิดว่ามันเป็นข่าวลือเท่านั้น แต่หวังซือยากลับบอกราคาออกมาว่าไม่แพงหรอก ใครกันนะที่พร้อมจะจ่ายในราคานั้น อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะว่าดูเหมือนราคานี้จะเป็นราคาที่ถูกตั้งโดยหวังซือหยา ซูจิ้ง และฉือชิง
พวกเธอนำชั้นในกระชับสัดส่วนรุ่นประหยัดออกมาและแขวนไว้ที่มุมๆ หนึ่งจำนวนหกชิ้น นอกจากนั้นยังได้นำกระโปรงยาวออกมา แต่ละตัวมีรูปแบบที่ดูสวยงามมากทำให้ลู่ชิงหยา หยางเว่ย และตงเจี๋ย ตาเป็นประกาย ยิ่งรู้ว่าคนออกแบบคือซูจิ้งพวกเธอยิ่งไม่อยากจะเชื่อเข้าไปใหญ่
นอกจากลู่ชิงหยา และหยางเว่ยแล้ว พนักงานคนอื่นต่างก็เคยเป็นเพื่อนของซูจิ้งในชั้นมัธยม ในตอนนั้นซูจิ้งเรียกได้ว่าไม่มีรสนิยมด้านเสื้อผ้าอย่างสิ้นเชิง เขาใส่แค่เครื่องแบบนักเรียนและเสื้อผ้าพื้นๆ ในช่วงวันหยุด เขาจะกลายเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์มือดีได้ยัง อย่างไรก็ตามพวกเธอขี้เกียจจะคิดถึงเรื่องนั้น เพราะถ้าพวกเธอคิดอย่างนั้น ซูจิ้งในตอนนี้เปรียบได้ดั่งเทพเลยทีเดียว
“อืมมมม ชุดนี้มันให้ความรู้สึกสบายดีจริงๆ” ตงเจี๋ยได้หยิบชุดยาวขึ้นมาตัวหนึ่งและรู้สึกประหลาดใจทันที่ที่ได้สัมผัส เธอเองก็ทำงานที่ร้านเสื้อผ้าและเคยสัมผัสผ้ามาแล้วแทบจะทุกชนิดแต่ไม่เคยรู้เลยว่ามีผ้าที่นุ่มสบายอย่างนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนได้ใส่ชุดว่ายน้ำที่ทำมาจากผ้าลูกไม้บางๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกมั่นใจต่อให้ไม่ว่าส่วนไหนจะเผยออกมา
“มันช่างละมุนนนน” หยางเหว่ยและลู่ชิงหยาอดไม่ได้ที่จะลองจับดูบ้าง ยิ่งพวกเธอจับยิ่งให้ความรู้สึกดีจนกระทั่งไม่อยากจะวางมือเลย
“พี่ซือหยา ชุดนี้พี่ขายเท่าไหร่” ฉือชิงลองหาป้ายราคาดูและพบว่าไม่ได้แขวนราคาไว้
“อาจิ้งบอกวาชุดนี้ให้นำออกแสดงหนึ่งเดือนแล้วให้ลูกค้าประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหยวน หลังจากหนึ่งเดือนใครประมูลได้มากสุดก็ขายไป” หวังซือหยาบอกพร้อมรอยยิ้มนั่นทำให้ทุกคนทำได้แค่มองไปที่เธออย่างพูดไม่ออก