Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 685
เวทมนต์
“ซูหลานนายเป็นไงบ้าง” ซูจิ้งรีบถามทันทีฉินซูหลานรับสาย
“ไม่เป็นไรครับลูกพี่ ลูกพี่ห่วงผมมากขนาดนี้ผมดีใจจริงๆ” ฉินซูหลานรู้สึกยินดีอย่างมากที่ซูจิ้งโทรมาหาเขา
“แล้วนายไปโรงพยาบาลทำไมหล่ะนั่น” ซูจิ้งถอนหายในออกมา
“พอดีร่างกายผมผิดปกตินิดหน่อยน่ะ หลังจากที่กินข้าวกับพี่เมื่อตอนเที่ยงเมื่อวาน หลังจากนั้นมาผมรู้สึกว่าไม่หิวและไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว” ซูหลานตอบออกมา
“ทั้งมื้อเย็นกับมื้อเช้าหรือกลางวันตั้งแต่เมื่อวานน่ะนะ” ซูจิ้งถามด้วยความมึนงง
“ใช่ครับ ผมไม่ได้กินอะไรเลย ผมไม่รู้สึกหิวเลยซักนิด มันรู้สึกเหมือนผมไม่อยากกินอะไรอีกต่อไปเลย แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกป่วยหรืออะไรนะ ก็เลยตัดสินใจไปหาหมอหมอก็ว่าไม่เป็นอะไร ฮ่าฮ่า สงสัยเป็นเพราะกินกับข้าวฝีมือพี่นั่นหล่ะ ทำให้ไม่อยากกินจากที่ไหนอีก ก็คงจะเป็นอย่างนี้อักซักวันสองวันหล่ะนะ อย่ากังวลไปเลย” ฉินซูหลานพูดพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“งั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นขึ้นมารีบโทรหาฉันได้เลยนะ” ซูจิ้งพูดออกไปนั่นยิ่งทำให้ฉินซูหลานดีใจและเคารพในตัวซูจิ้งมากยิ่งขึ้น แต่พอซูจิ้งได้ฟังน้ำเสียงการพูดแล้วเขากลับยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิม
หลังจากวางสายไปซักพักหลิวฉิงก็โทรเข้ามาทันทีพร้อมถามออกมาทันทีที่ซูจิ้งรับสายว่า “พี่จิ้งเป็นยังไงบ้าง ฉินซูหลานมีอาการผิดปกติอะไรบ้าง มีอะไรงอกหรือหายไปบ้างไหม” หลิวฉิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากเป็นพิเศษ
“นี่นายคิดว่าของใหม่ฉันเป็นอะไรเนี่ย” ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออกเขาพูดต่อว่า “ซูหลานไม่ได้เป็นอะไรและก็ไม่ได้มีอะไรงอกหรือหายไปทั้งนั้นหล่ะ หมอนั่นแค่ไม่รู้สึกหิวแค่นั้นเอง อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน ถ้าเกิดมันเหตุการณ์ร้ายแรงกว่านี้นายจะรับผิดชอบยังไง”
“ห้ะ แค่ไม่หิวอ่ะนะ” หลิวฉิงรู้สึกฟ้าผ่าเข้ามากลางใจทันที หลังจากเขากินของใหม่ของซูจิ้งเขาต้องเจอประสบการณ์อันเลวร้าย เกือบต้องกลายเป็นอสูรร้ายในคราบมนุษย์ แต่พอถึงคราวฉินซูหลานกับกลายเป็นแค่ไม่หิวอย่างเดียวเนี่ยนะ ไม่สิอาจจะไม่แย่ซะทีเดียวก็ได้ ถ้าไม่หิวหมอนั้นอาจจะไม่อยากกินอะไรอีกเลยไปตลอดชีวิต
“ดูเหมือนนายจะจินตนาการไปไกลแบบในนิยายไปเลยแหะ เอางี้ดีกว่าครั้งหน้าที่ฉันได้ของใหม่มาฉันจะให้นายลองอีกหนนึง” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เอาแล้วก้าบ ลูกพี่หาคนอื่นเถอะ” หลิวฉิงวางสายทันทีด้วยความไวแสงที่ได้ยิน เขานั้นความก็จริงก็ชอบสิ่งต่างๆที่ซูจิ้งหามา เพราะมันมีพลังแฝงต่างๆมากมาย แต่ถ้าจะให้ลองก่อนใครเพื่อนนี่ไม่เอาเด็ดขาด ตอนนี้เขากลัวจนเข้ากระดูกดำไปแล้วว่าซูจิ้งจะลองของใหม่กับเขาอีกครั้ง
ซูจิ้งแค่ขู่หลิวฉิงเฉยๆ เขานั้นนึกหาหนทางที่มันปลอดภัยมากกว่านี้ คราวหน้าเขาคงไม่ใช้มนุษย์มาทดลองแล้ว ถ้าให้พวกสัตว์มาลองก็ยังดูพอเป็นไปได้อยู่ แต่กับมนุษย์เขาคงต้องคิดหนักกว่าเดิมเพราะถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตขึ้นมาเขาต้องเจอปัญหาใหญ่แน่นอน นอกซะจากว่าการตายนั้นจะเป็นศัตรูของเขา
เมื่อสายถูกตัดไปเขานั้นได้ไปสำรวจที่สัตว์เลี้ยง ที่ได้ลองกินต้นหอมป่าเข้าไปเมื่อวาน เช่นเดียวกับฉินซูหลานพวกมันไม่ได้ใส่ใจกับการกินอีกเลย มันเหมือนกับพวกมันตัดความรู้สึกนี้ไปออกจากชีวิตไปแล้ว และไม่ได้มีความผิดปกติอื่นอีกเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นซูจิ้งก็ยังคงคอยตรวจสอบพวกมันเป็นระยะ พร้อมทั้งคิดไปด้วยว่าจะเอาหอมป่าพวกนี้ไปทำอะไรดี
ซูจิ้งได้ตรวจสอบหนู ปลากระชัง ม้าขาว กระต่าย และซินชิลล่า ที่ได้กินหอมป่าเข้าไป พวกมันล้วนแล้วแต่ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน มันเหมือนกับแค่ไม่หิวเลยไม่อยากกิน แม้แต่เจ้าหนูที่หิวตลอดเวลามันยังรู้สึกไม่อยากกินอะไรเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าพวกมันเองก็ไม่ได้รู้สึกป่วยหรือหมดแรงแต่อย่างใด เหมือนพวกมันมีเรี่ยวแรงอยู่ตลอดเวลา
“อืมมมหรือว่าหอมป่านั่นมีผลให้ร่างกายไม่ต้องกินอาหารอีกเลยกันนะ” ซูจิ้งเองก็คิดออกมาอย่างนั้นได้แต่ประหลาดใจ แต่พอถึงเย็นวันนั้น สัตว์เลี้ยงของเขาได้เริ่มหิวอีกครั้ง พอให้หอมป่าพวกมันก็ไม่หิวอีกเหมือนเดิม ฉินซูหลานเองก็กินหอมป่าไปพอสมควร ผลของหอมป่าน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ง่ายๆ ถ้าอย่างนั้นเจ้าหอมป่านี่สมควรจะมีผลต่อ การลดความต้องการอาหารของร่างกายลง ยิ่งกินมากเท่าไหร่ ระยะการหวังผลก็ยิ่งนานขึ้น
“มันน่ามหัศจรรย์จริงที่ขนาดหนู ที่ตระกละขนาดนั้นยังไม่หิวได้ตั้งวันนึงหลังจากกินไปได้นิดเดียว ซูหลานก็กินไปพอๆกันยังไม่หิวไปวันนึง ถึงแม้มันจะดูไม่เกิดผลอะไรในตอนแรกแต่ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว นอกจากมันจะเป็นอาหารแล้วมันยังเหมาะกับการใช้ในการทหาร ทำให้ไม่ต้องกินอะไรได้อีก เพียงกินแค่นิดเดียวก็อยู่ได้ทั้งวัน” ซูจิ้งได้นึกวิธีการใช้เข้าหอมป่านี่ไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเกิดว่ากินมันเพียงเล็กน้อย แล้วทำให้ร่างกายไม่ต้องกินอาหาร แถมยังทำให้ร่างกายไม่หมดแรงแถมยังไม่มีผลเสียอื่นต่อร่างกาย นี่เหมาะกับการเป็นยาโด๊ปจริงๆ
ซูจิ้งนึกไปพลางมองไปยังสถานีกำจัดขยะแห่งนี้ แม้แต่ต้นหญ้าธรรมดาก็ยังมีเวทมนต์แฝงอยู่ภายใน ขยะห้วงเวลาฯที่พวกมันจากมานี่เป็นห้วงเวลาฯแบบไหนกันนะ ทั้งหินอ่อนขาว และเจ้าเต่านั้นอีก แค่นั้นยังทำให้เขานึกไม่ออกว่าพวกมันมาจากที่ไหนกัน ของที่ได้มาก็เหมือนกับจีนยุคก่อนแต่เจ้าหอมป่านี่ไม่มีบนโลกนี้แน่นอน
ซูจิ้งก็ยังคงทำความสะอาดสถานีต่อไป ผลที่ได้คือเจอหอมป่าพวกนี้อีกจำนวนหนึ่งเขาเลยนำมันไปปลูก นอกจากนั้นเขาเจอเสื้อผ้าเก่าๆ และ เขายังเจอไม้ไผ่ที่งอกบนกองขยะเหมือนกับหอมป่า ทันทีที่ซูจิ้งดึงไม้ไผ่ออกมาเขาเริ่มรู้สึกคุ้นๆตาขึ้นมาบ้าง
ตอนที่เขาดึงไผ่ต้นนี้ออกมามันค่อนข้างดึงได้ยากอยู่เหมือนกัน ตอนแรกเขาก็นึกว่าเป็นเพราะขยะอื่นๆไปทับถมมันทำให้หนัก แต่พอดึงออกมาแล้วเขากับพบว่ามันหนักด้วยตัวของมันเองจริงๆ ขนาดไม่ไผ่ที่ได้จากห้วงเวลาฯจากเรื่องราชาแห่งพิณยังไม่หนักเท่านี้เลย มันหนักว่าถึงสามเท่าด้วยซ้ำ
ด้วยความกว้าง 7 ซม. ยาว 2 ม. ต่อให้มันยังมีกิ่งก้านใบก็ไม่ควรหนักเหมือนเหล็กขนาดนี้ อีกทั้งยังพบว่ามันมีสีดำตลาดทั้งลำ
“ถึงเจ้าไผ่นี่จะไม่สวยเท่าไผ่จากห้วงเวลาฯจากราชาแห่งพิณ แต่มันก็ดูเหมือนกับไม่ใช่วัตถุดิบทั่วไปแบบหินอ่อนขาว มันดูทนทานและยืดหยุ่น ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มเลยรึเปล่า” นึกได้ดังนั้นเขาจึงใช้มีดลองตัดมันดู ทันทีที่มีดฟันเข้าที่กอเสียงมันเหมือนไปฟันโดนหิน มันแข็งจนทำให้มือซูจิ้งปวดได้เลย เมื่อมองดูรอยตัดมันปรากฎแค่รอยขีดเล็กๆ บนผิวต้นไผ่ที่เขาได้ลงมีดไปเมื่อกี้
“โคตรแข็ง” ซูจิ้งตกตะลึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอยู่หลายขุม ถึงขนาดนั้นก็ยังทำได้แค่รอยขีดข่วนแค่นั้นเอง ต่อให้เป็นไม้ไผ่จากห้วงเวลาฯจากเรื่องราชาแห่งพิณก็ยังไม่แข็งเท่านี้ มันควรจะโดนฟันเข้าไปครึ่งลำแล้วแน่ๆ
“เดี๋ยวนะไผ่ดำนี่ดูคุ้นๆอยู่นะ”
ซูจิ้งรู้สึกเริ่มจะนึกออกว่าแล้วว่ามาจากนิยายเรื่องอะไร แต่เขาก็ยังนึกชื่อไม่ออก เขายังคงคุ้ยขยะมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาเจอของที่คุ้นตามากขึ้น อย่างพวกตำราเอกสารต่างๆ คำที่ใช้ในนั้นทำให้เขาคุ้นหูคุ้นตามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างพวกคำว่า สวรรค์และโลกไม่มีตา ทุกอย่างในโลกก็เหมือนสุนัขที่เคี้ยวหญ้า ยูนิคอร์นน้ำ ถนนไทจิซวนฉิง เผาหมูบ้านที่ตีนเขา วัดเทียนหยิน พรรคเมฆาเขียว(ประตูชินหยุน) ดอยไผ่ใหญ่
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าขยะพวกนี้มาจากห้วงเวลาฯอะไรกันแน่
“พระเจ้า เจ้าพวกนี้มาจากห้วงเวลาฯจูเซียน(กระบี่เทพสังหาร)”