Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 732
เครื่องสำอาง
“แป้งเหม่ยหยานขวดนี้ไม่สมควรถูกสัมผัสจากบุคคลภายนอก ดูเหมือนว่าในหมู่พวกเราจะมีคนทรยศนะ
รีบคนไปหาคนทรยศเดี๋ยวนี้” ซือหยาพูดออกมาด้วยท่าทีโกรธสุดขีด เธอโกรธตัวเองที่หลงไว้ใจจนเกินไป ขนาดพนักงานทำเรื่องผิดพลาดเธอยังไม่เคยโกรธเลยซักครั้ง แถมยังไม่เคยเก็บไปคิดอะไรด้วย
แต่เธอเองได้รังเกียจการทรยศหักหลังอย่างมากและไม่เคยให้อภัยคนประเภทนี่เลยซักครั้งเดียว
“พี่ซือหยา ให้ผมจัดการเอง” ซูจิ้งพูดพร้อมนำคนทั้งหมดขึ้นไปยังห้องแต่งตัว เมื่อหนึ่งในช่างแต่งหน้าเห็นพวกเขา
เธอทำตัวปกติไม่มีท่าทีอะไร แต่กระแสวิญญาณ(ออร่า)ที่เธอปล่อยออกมาไม่เสถียรอย่างยิ่งนั่นทำให้ซูจิ้งรู้ในทันทีว่าเธอเป็นคนทรยศ
โดยเฉพาะในตอนนี้ความแข็งกลังของพลังวิญญาณของเขาสูงกว่าใครในที่แห่งนี้
“พี่ซือหยา ช่างแต่งหน้าคนที่รุ่นๆหน่อยคนนั้นเป็นคนทำ” ซูจิ้งเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของซือหยา
เธอก็ไม่รู้หรอกว่าซูจิ้งรู้ได้ยังไงแต่เธอเชื่อในตัวซูจิ้งอย่างหมดหัวใจ เธอพยักหน้าและได้เรียกช่างแต่งหน้าคนนั้นเข้าไปคุยในออฟฟิศ
หลังจากเข้าไปในออฟฟิศ ออร่าที่ผู้หญิงคนนั้นปล่อยออกมาแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอกับยังคงไม่แสดงท่าทีมีพิรุธออกมาแม้แต่น้อย
แต่ด้วยออร่าที่แปรปรวนนั่นทำให้ซูจิ้งสามารถส่งกระแสจิดเข้าไปสะกดจิตเธอได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาสะกดจิตแล้วจึงได้สั่งให้เธอพูดความลับออกมา
กลายเป็นว่าเธอนั้นถูกทาบทามโดยผู้จัดการบริษัทเครื่องสำอางที่อื่นที่ชื่อว่า ชิไล และเธอถูกสั่งให้แอบใส่บางอย่างในขวดแป้งเม่ยหยาน
เธอยังแอบถ่ายรูปใบหน้าของนางแบบที่เกิดเรื่อง พร้อมวางแผนว่าจะส่งไปยังผู้จัดการนั่นเพื่อจะใช้เป็นหลักฐานในการเล่นงานบริษัทของซือหยา
โดยแผนการคือถ้านางแบบคนนี้ไม่ออกมาก็จะโชว์ภาพในงานแถลงข่าว
เอาเข้าจริงๆเป้าหมายจริงๆที่บริษัทชิไลต้องการให้เกิดอาการแพ้ไม่ใช่นางแบบคนนี้แต่เป็นเหล่าดาราที่ออกมาพูดโฆษณาอย่างกัวไปถิ้ง นาลันเฟย และคนอื่นๆ แต่ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือ
หวังซือหยา ดงซุ่น และโจวเสวี่ยต่างโกรธเป็นอย่างมาก หวังซือหยานั้นไม่เคยไม่เอาใจใส่ช่างแต่งหน้าคนนี้เลยแม้แต่น้อยแต่เธอกับแทงข้างหลังซือหยาด้วยเงินเพียงน้อยนิด
“อะไรคือจุดขายของบริษัทชิไลผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรอ” ซูจิ้งถาม
“มันเป็นแบรนด์ที่รู้จัดกันดีเลยน่ะ เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่ชื่อเสียงดีมาโดยตลอด อย่างน้อยๆก็ในเมืองจงหยุนแห่งนี้
ตอนที่วางขายแป้งเม่ยหยานเองแป้งจากบริษัทชิไลก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกันเลย” หวังซือหยาพูดออกมา
“อ้อออ ถ้าอย่างนั้นที่พวกนั้นจัดงานแถลงข่าววันเดียวกัน กับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายๆกับแป้งเหม่ยหยานนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วหล่ะนะ
ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงเลือกวันเดียวกัน วางแผนเตะตัดขาเอาไว้นี่เอง” ดงซุนสบถออกมา
“พวกนั้นจะแถลงข่าวตอนกี่โมง” ซูจิ้งถามอย่างยิ้มกลิ่ม
“ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากงานแถลงข่าวของพวกเราน่ะ ช่างเป็นจังหวะการแถลงข่าวที่ดีจริง
พอถึงเวลานั้นถ้าพวกเราไม่ได้ใส่ใจพวกมัน มัวแต่จัดการเรื่องคนทรยศ พวกเราคงโดนพวกมันเล่นงานไปแล้ว
ถ้าพวกนั้นประกาศขายของที่คล้ายกับของเราที่เกิดปัญหาล่ะก็จะไม่มีใครทำอะไรพวกมันได้แน่นอน”
“อย่างแรกกักตัวช่างแต่งคนนี้ไว้ที่นี่ก่อน ถ้าเธอไม่ได้ไปโผล่ในงานก็ไม่มีปัญหาอะไร
พี่ค่อยจัดการเธอทีหลังก็พอ” ซูจิ้งได้ถามหาภาพจากช่างแต่งหน้าก่อนที่จะลบรูปทิ้ง
“ก็ได้ เอาล่ะไปดูเซียวหลูดีกว่าว่าเธอเป็นยังไงบ้าง” หวังซือยากทำตามที่ซูจิ้งบอก
ทั้งหมดได้ไปยังห้องแต่งตัวเพื่อไปดูอาการของเซียวหลู พวกเธอนั้นทำได้แต่ถอนหายใจ
ช่างแต่งหน้าคนที่เหลือพยายามทำสุดความสามารถแล้วแต่ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อยู่ดี
“พวกเราทำได้แค่นี้เองหรอ” หวังซือหยาถาม
“หน้าของเธอมีจุดที่ต้องลบมากเกินไป นอกซะจากเราจะหาอะไรมาปิดส่วนใบหน้าแล้วโชว์เฉพาะส่วนอื่นแทน” ช่างแต่งหน้าโดยรอบต่างพากันถอนหายใจ
“จะบ้าหรอ นั่นไม่ใช่ว่าจะเด่นไปกว่าเดินซะอีก” ดงซุ่นพูดออกมาแต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ถ้าทำอย่างนั้นไม่เพียงจะทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆ แถมจะเป็นจนที่บริษัทชิไลใช้เล่นงานพวกเธอได้อีก
ต่อให้ไม่มีรูปแล้วก็จริงแต่การแบบนั้นจะมีข้ออ้างให้เห็นใบหน้าที่มีปัญหาอยู่ในตอนนี้แทน
“ถ้าหาคนแทนล่ะ” หวังซือหยาเองก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้ออกมา เพราะมีเพียงดาราไม่กี่คนที่ใช้ผงเสริมทรวงอก และต่อให้มีก็ไม่มีใครที่ใช้แล้วอกสวยเท่าเซียวหลูเลยสักคนเดียว
แถมยังต้องมีการเดินแบบด้วยท่าทางเซ็กซี่อีก ไม่มีทางที่จะหาใครเหมาะสมเท่าเธอไม่มีอีกแล้ว
“หรือจะให้ผมลองดูล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“ลองอะไรล่ะ” ซือหยาถามมาอย่างงงๆ
“แต่งหน้าให้เซียวหลูไง” ซูจิ้งพูดออกมา
ทั้งหวังซือหยา ดงซุ่น โจวเสวี่ย เซียวหลู และช่างแต่งหน้าคนอื่นๆต่างพากันอิ้งจนเงียบกริบ
พวกเธอคิดว่าได้ยินผิดไป นี่ซูจิ้งจะแต่งหน้าจริงๆงั้นหรอ อย่าถามว่าจะแต่งยังไงนะแต่ควรจะถามว่าเขาแต่งหน้าเป็นรึเปล่า
ยิ่งสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ด้วยแล้วไม่ว่าจะเก่งยังไงก็ไม่มีทางช่วยได้
“อาจิ้ง ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม” หวังซือหยาพูดพร้อมถลึงตาใส่
“หยอกก็ได้จ้ะ” ซูจิ้งยักไหล่ใส่
“ต่อให้นายรู้ว่าจะจัดการกับรอยจุดแดงยังไงแต่นายแต่งหน้าเป็นด้วยหรอ” ดงซุ่นถามอย่างเคลือบแคลงใจสุดๆ
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงเหมือนกันนะ ถามจะให้บอกตรงๆก็คือขอลองหน่อยแล้วกัน
แค่สิบนาทีเอง ถ้าผมทำไม่ได้ค่อยหาคนมาเปลี่ยนตัวก็ยังไม่สายนี่ ยังไงซะก็ยังไม่ถึงเวลา ถ้ามัวแต่ถามกันอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี” ซูจิ้งพูดพลางยิ้มกริ่ม
ถึงแม้ทุกคนในที่นั้นจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างแต่หลังจากฟังซูจิ้งแล้ว การที่ซูจิ้งขออะไรแปลกๆแบบนี้ออกมาในช่วงเวลาแบบนี้
แต่ให้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวหรือให้คนอื่นมาทำแทนเซียวหลู ผลลัพท์ก็ไม่ได้ต่างกัน
ซึ่งตอนนี้ซือหยาก็เห็นด้วยแต่เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เธอแค่อยากรู้ว่าซือจิ้งจะแก้ปัญหายังไงมากกว่า
“ซู คุณซู มันไม่เจ็บใช่ไหมคะ จะไม่เหลือรอยแผลเป็นจริงๆใช่ไหม”
ดาราหน้าอกใหญ่นามเซียวหลูค่อนข้างเป็นกังวล เธอนั้นไม่คิดว่าจะสามารถกำจัดรอยแผลแดงบนใบหน้าให้หมดไปในสิบนาทีได้เลย
ถ้าทำได้จริงคงต้องใช้วิธีพิเศษอย่างแน่นอนซึ่งนั่นน่าจะเจ็บมากแน่ๆ
แต่การที่เธออยู่ต่อหน้าซูจิ้งในตอนนี้ในระหว่างเกิดสถานการณ์แบบนี้
เธอยังรู้สึกกังวลน้อยกว่าเมื่อเทียบการเจอสถานการณ์เล็กน้อยแต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่างเพื่อน พ่อแม่ หรือครอบครัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ อย่างมากสุดก็เจ็บเพียงเหมือนเข็มจิ้มแค่นั้นเองส่วนเรื่องรอยแผลกับจุดด่างดำอะไรนั่นไม่ต้องสนใจหรอก อย่าลืมว่าเราเป็นผู้ผลิตสินค้าลบเลือนริ้วรอยสิ” ซูจิ้งพูดอย่างสบายๆ
พร้อมได้ทำการนวดให้เซียวหลูรู้สึกผ่อนคลายตาม ในตอนนี้ช่างแต่งหน้าได้ยกพื้นที่นี่ให้กับซูจิ้งเรียบร้อยแล้วและได้ลบเมคอัพออกจากใบหน้าของเธอตามคำขอของซูจิ้ง
“อ้ะ” ทันทีที่ซูจิ้งใช้มือสัมผัสมือของเซียวหลู เธอรู้สึกเจ็บนิดๆ จนต้องสะดุ้งถอนหายใจออกมา
ในไม่ช้าเธอก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป แถมยังรู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ซูจิ้งไม่ได้ให้อะไรไว้ในมือเธอเลยแต่เธอกับรู้สึกอย่างนั้น
เธอเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าแค่นวดมือทำให้รู้สึกดีได้ขนาดนี้เลยหรอ
เธอนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตอนนี้ซูจิ้งได้ใช้เวทมนต์สัมผัสแห่งใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิกับเธอเพื่อใช้ในการรักษาอาการแพ้บนใบหน้า
รอยแผลจุดแดงบนใบหน้าเธอในตอนนี้เริ่มหายไปจากทีละน้อยแล้วทีละน้อยจนหายไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหมดไปทั้งใบหน้า
เอาจริงๆเวทย์ที่ซูจิ้งใช้นั้นไม่ได้ดีอะไรเพราะเขาฝึกแบบครึ่งๆกลางๆ
แถมพลังภายในยังน้อยนิดและอ่อนแอซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแผลต่างๆควรจะหายในทันทีที่ใช้เวทย์
ความสามารถที่แท้จริงของเวทย์นี้กับสิ่งที่ซูจิ้งทำได้ช่างห่างไกลซะเหลือเกิน