Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 750
การต่อสู้บนยอดตึก….อีกครั้ง
หลังจากจัดการปัญหาเรื่องรายงานได้แล้ว ซูจิ้งได้กลับเข้าจัดการขยะห้วงเวลาฯต่อ ซักพักเขาได้รับสายจากหลิวฉิง เมื่อเขาได้รับสายซูจิ้งได้ยินเสียงหลิวฉิงพูดด้วยความตื่นเต้นออกมาว่า “พี่จิ้งพี่ดูข่าวรึยัง ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ”
“ข่าวอะไรกัน” ซูจิ้งงงทันทีเมื่อได้ยิน
“ไคจิ้งที่เราเจอเขาวันนี้น่ะ ก็คนที่บอกว่าตัวเองรู้จักมนุษย์แมงมุมนั่นแหล่ะ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลักพาตัวไป” หลิวฉิงพูดออกมา
“ห้ะ ข่าวเชื่อได้รึเปล่า” ซูจิ้งคิ้วขมวดในทันที เขาเองก็พอเดาได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่ไคจิ้งบอกว่ารู้จักมนุษย์แมงมุมเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
“เป็นเรื่องจริงนะ พี่ลองดูในอินเตอร์เนตเองก็ได้ ในไมโครบล็อกของไคจิ้งเขาได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากมนุษย์แมงมุมอยู่ เขาบอกไว้ว่าตัวเขาถูกลักพาตัวไปยังยอดตึกสูงที่ไหนซักที่นึงโดยพวกแก็งอันธพาลสองคน แล้วตอนนี้ตำรวจได้ล้อมตึกไว้แล้วด้วย แถมมันยังถ่ายทอดสดอยู่เลยตอนนี้”
“ขอดูก่อนนะ” ซูจิ้งหยิบโทรศัพท์แล้วลองหาดู เมื่อเขาเห็นการถ่ายทอดนี้เขานั้นก็ยิ่งคิ้วขมวดมากยิ่งขึ้น มากจนชนกันเลยทีเดียว ดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้จะแย่กว่าที่เขาคิดซะอีก จากการที่ซูจิ้งลองใช้วิถีแห่งใต้หล้า คำนวณและคาดเดาเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในขั้นต่อไป เหตุการณ์ที่ผุดขึ้นมาตอนนี้มีแต่เหตุการณ์ที่มนุษย์แมงมุมต้องเปิดเผยรูปโฉมในรูปแบบต่างๆกัน เท่าที่เขาประเมินดูแล้วคนก่อเหตุไม่ใช่คนทั่วไป น่าจะเป็นกลุ่มมนุษย์งูนั่นที่ต้องการแก้แค้นจึงก่อเรื่องพวกนี้
และแรงกระเพื่อมในโลกอินเตอร์เนตรุนแรงมากด้วยเช่นกัน
“พระเจ้า ไคจิ้งโดนลักพาตัวหล่ะ”
“เขานั้นไม่ควรจะอวดใครต่อใครเลยว่าเขานั้นรู้จักมนุษย์แมงมุม เลยกลายเป็นเป้าหมายพวกวายร้ายซะเอง”
“พวกแก๊งอันธพาลพวกนี้ก็ช่างเหิมเกริมซะจริงๆ ที่มันทำอย่างนี้เพราะต้องการหลอกล่อให้มนุษย์แมงมุมออกมาชัดๆ”
“ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจับยังไงเลยแหะ ถ้ามนุษย์แมงมุมเคลื่อนไหวออกมาล่ะก็เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ”
“เจ้าแก๊งสองคนนั่นโง่รึเปล่า ครั้งสุดท้ายพวกมันทั้งแก๊งยังไม่คณามือมนุษย์แมงมุมเลยแต่นี่กับเลือกมากันแค่สองคน”
“พี่ชง ท่าจะไม่ดีแล้วหล่ะ” เลาชงในกำลังเข้าร่วมรายการเกมโชว์อยู่ที่สถานีแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขากำลังนั่งพักแล้วเอนกายนอนเพื่อผ่อนคลายอย่างสบายอารมณ์เพื่อเตรียมตัวถ่ายช่วงต่อไป อยู่ๆผู้ช่วยของเขาก็วิ่งเข้ามาพร้อมพูดประโยคดังกล่าว
“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามโรชอน(ผู้ช่วย)ในขณะหลับตาอยู่
“ดูนี่สิ” ผู้ช่วยของเขาได้ส่งแท็บเลตให้ดูการถ่ายถอดสด เมื่อเลาชงจ้องไปซักพักถึงกับทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที เขารึบเปิดไปดูข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย เขานั้นรึบพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ไอ้บ้าไคจิ้งเอ๊ย บอกแล้วว่าอย่าพูดมาก เป็นไงหล่ะ”
เลาชงนั้นรู้จักไคจิ้งมาเป็นเวลานานแล้ว เขานั้นไม่ได้เชื่อคำพูดของไคจิ้งที่ว่ารู้จักซูจิ้งมานานแล้ว เขาเองก็คิดว่าไคจิ้งแค่หวังดังเท่านั้นเอง คนประเภทนี้สำหรับเขาคือคนที่น่ารังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรื่องนี้เกิดมีคนตายขึ้นมาล่ะก็ล้วนเป็นการฆ่ามนุษย์แมงมุมในทางอ้อมไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างน้อยๆก็จะต้องทำให้มนุษย์แมงมุมเป็นอันตรายแน่นอน พอลองนึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์แมงมุมแล้วต้องเจอคนแบบนี้หล่ะก็ เป็นเขาเขาจะไม่สนใจเลยซักนิด
“ลองมาดูนี่สินาลัน” ในสถานีถ่ายทำรายการแห่งหนึ่ง ผู้ช่วยสาวของนาลันเฟยได้ตะโกนออกมา
“เกิดอะไรขึ้น” นาลันเฟยที่กำลังซ้อมร้องเพลงหยุดในทันทีแล้วเดินเข้ามาหาผู้ช่วย ทันทีที่เธอเห็นข่าวของมนุษย์แมงมุมในเน็ตหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที
เธอนั้นไม่รู้จักไคจิ้งเลยซักนิดเลย ตอนแรกที่เธอได้ยินว่าหมอนี่ประกาศตัวเองว่ารู้จักมนุษย์แมงมุมอย่างดีนั้น เธอเองก็ได้ลองถามคำถามไปมากมายเพื่อพิสูจน์แต่หมอนี่กับเลี่ยงไม่ตอบเลยซักอย่าง
เธอเองก็เตรียมตัวจะจัดการด้วยมือตัวเองเพราะกลัวจะเกิดเรื่องแบบนี้แต่ยังไม่มีเวลาเพราะงานยุ่งมากเลยกะรีบเคลียงานแล้วจัดการแต่ก็เกิดเรื่องซะก่อน
“ในเมื่อเขาบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนของมนุษย์แมงมุม งั้นเดี๋ยวเขาก็คงจะออกมาสินะ” หญิงสาวตัวแทนพูดมาแบบนั้นแต่น้ำเสียงไร้เยื่อใยสุดๆ
“มันก็พูดยากนะต่อให้เขาป่าวประกาศว่าเป็นเพื่อนกับมนุษย์แมงมุมแต่ก็ไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย ฉันคิดว่าเขาแค่เอาเรื่องนั้นมาอ้างเพียงเพราะอยากมีชื่อเสียงเท่านั้นเอง ดูจากสถานการณ์นี้ยังหมอนี่มีแต่ได้กับได้แต่กับมนุษย์แมงมุมนี่ดูแล้วมีแต่เสียกับเสียอ่ะ ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงมีเพื่อนอย่างนี้ฉันก็ไม่เอาไว้นะ” นาลันเฟยพูดออกมาอย่างไร้เยื่อใยยิ่งกว่า
“นี่มัน” เว่ยเสี่ยวหยวนเองตอนที่กำลังดูข้อมูลในเน็ตแล้วเจอเรื่องนี้เธอรีบเปิดเข้าไปดูเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวไคจิ้ง
ตอนนี้สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลขึ้นมาเมื่อประมวลผลข้อมูลเสร็จแล้ว
เธอรีบโทรหาซูจิ้งทันที ถึงแม้ภาพของเธอในหัวตอนนี้จะคิดว่ามนุษย์แมงมุมไม่ใช่ซูจิ้งก็ตาม
แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับซูจิ้งอยู่ดีจนเป็นกังวลเลยต้องโทรหาเพื่อเป็นการยืนยันอีกที และดูเหมือนว่าเธอคิดถูก
ในขณะนี้
ณ สถานที่เกิดเหตุ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด บนยอดตึกสูงระฟ้า ไคจิ้งถูกมัดไว้กับเก้าอี้อยู่ที่ริมหน้าต่าง แก๊งอันตพาลสองคนที่ลักพาตัวเขามาใช้เขาเป็นโล่กำบังจากหน่วยซุ่มยิง ตอนนี้รอบๆตึกเต็มไปด้วยนักข่าวและตำรวจล้อมเอาไว้ โดยมีหวังเซียว เจ้าหมิง เฉาเล่ย และคนอื่นๆก็มาด้วยเช่นกัน
“แ-ง เอ๊ย ทำไมมนุษย์แมงมุมยังไม่ออกมาอีกนะ” หนึ่งในคนลักพาตัวสบถออกมาอย่างเกลี้ยวกราด
“มันต้องมาแน่นอน หมอนั่นอาจไปนอกเมืองน่ะ ไม่งั้นเขาคงมาแล้ว” ไคจิ้งพยายามพูดเพื่อไม่ให้คนที่ลักพาตัวเขาอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ด้วยน้ำเสียงอันสงบนิ่ง แต่ตอนนี้จิตใจของเขาว้าวุ่น เบ็นเฉียบ และกลัวจนไม่รู้จะกลัวอย่างไรแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มสำนึกขึ้นมาบ้างแล้ว
ในตอนแรกที่เขาโดนลักพาตัวมานั้น คนพวกนี้พยายามถามเขาเกี่ยวกับมนุษย์แมงมุม เขาเองก็กลัวจนบอกความจริงทุกอย่างไปว่าทุกสิ่งที่เขาออกข่าวไปนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาแค่หวังจะเด่นจะดังแค่นั้น แต่คนที่ลักพาตัวเขามาทั้งสองคนต่างก็ไม่เชื่อและคิดว่าเขาแสดงออกมาเพราะต้องการช่วยเพื่อนของเขา แล้วขมขู่เขาออกมาว่าถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนของมนุษย์แมงมุมจริงๆจะฆ่าทิ้งซะตรงนั้นเพราะไร้ค่าสุดๆ ทำให้เขาต้องเล่นละครต่อไป
ไคจิ้งรู้สึกจิตตกจนต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปแล้ว เขาเองก็แค่รู้จักแต่ชื่อมนุษย์แมงมุมเท่านั้น ตัวเป็นๆก็ยังไม่เคยเห็นเลยสักนิด เขาได้แต่ทำตามคำสั่งของคนที่ลักพาตัวเขามาว่าให้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือในไมโครบลอก
เขาในตอนนี้ได้แต่เพียงหวังว่าตัวเขาเองจะได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์แมงมุมจริงใจเท่านั้น ต่อให้เขาไม่รู้จักกันแต่ด้วยการที่มนุษย์แมงมุมเป็นฮีโร่ก็คงไม่ปล่อยให้เขาตาย ล่ะมั้ง
ด้านล่างนั้นเหล่าตำรวจกำลังใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมตะโกนออกมาว่า “เพื่อนเอ๊ย ใจร่มๆเข้าไว้นะ ตอนนี้ที่นี่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยตำรวจจนรอบแล้ว ไม่มีทางหนีไปไหนได้ อย่าก่ออันตรายกับตัวประกันหล่ะ ตราบใดที่นายยังไม่ทำร้ายตัวประกัน และยอมปล่อยเขามาดีๆล่ะก็ เรื่องทุกอย่างจะง่าย…..”
คนร้ายลักพาตัวได้ตะโกนสวนกลับมาทันทีว่า “ถ้าอยากให้ตัวประกันปลอดภัยละก็ พวกแกต้องต้องทำตามนี้ ไปตามไอ้มนุษย์แมงมุมนั่นมานี่ให้เร็วที่สุด ฉันให้เวลาอีกชั่วโมงเดียว ถ้ามันไม่มาฉันจะฆ่าไคจิ้งนี่ซะ ไม่มีอะไรต้องต่อลองอีกแล้ว”
ตำรวจเองก็ยังคงพยายามต่อลองอย่างไม่ลดละแต่พวกอันธพาลก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่ก็ไม่มีสัญญาณเลวร้ายใดๆออกมาเช่นกัน หวังเซียวถามเบาๆผ่านวิทยุสื่อสารว่า “เฉาเล่ย เป็นยังไงบ้าง”
“ไอ้สองตัวนั่นระวังตัวแจแลยล่ะ แอบหลังตัวประกันตลอดไม่เปิดช่องว่างเลยซักนิด” เฉาเล่ยตอบมาอย่างเซ็งๆ
“ฉันไม่รู้ว่ามนุษย์แมงมุมจะมารึเปล่านะ” เจ้าหมิงพูดออกมา
“อย่าไปฝากความหวังกับหมอนั่นเลยน่า หาใครซักคนมาแต่งตัวเป็นมนุษย์แมงมุมดีกว่า น่าจะลองดูนะเพื่อจะหลอกพวกนั้นได้” หวังเซียวได้พูดขึ้นมา
ทุกคนรอบๆนั้นหันมามองในทันที ต่อให้คนที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่โง่เง่าจนคิดว่ามนุษย์แมงมุมจะมาปรากฎตัวเพื่อมาจัดการกับอันธพาลสองคนนี้ขนาดไหนก็ตาม แต่นี่คือโลกแห่งความจริง จะสมหวังเหมือนในหนังก็เกินไปหล่ะ