Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 754
เรื่องยุ่งเหยิง
“พี่ชง ผมว่าพี่ลบข้อความในไมโครบลอกดีกว่าครับ แล้วทำเป็นว่าโทรศัพท์โดนขโมยไปแล้วดีกว่า ตอนนี้ต่อให้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลไคก็คงไม่ทันแล้ว
“ไม่เปลี่ยนเฟ้ย ยังไงก็ไม่เปลี่ยน คิดว่าฉันกลัวพวกมันงั้นหรอ” เลาชงพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่ว่าจะกลัวหรือเปล่าก็เถอะ ยังไงซะตระกูลไคทรงพลังมากนะพี่ พวกคนในวงการบันเทิงก็ยังต้องไว้หน้า ช่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์เลย พวกเราเองควรจะร่วมกับเขาด้วยสิ ไม่ใช่ขวางทางพวกเขาแบบนี้ ที่พี่ทำนี่ตัดอนาคตตัวเองชัดๆ”
“ฉันว่าไม่ทันแล้วนา”
“ใช่แล้วหล่ะ แล้วถ้าอยู่ๆตอนนี้เขาเปลี่ยนข้างไป เหล่าแฟนคลับจะคิดยังไง”
“ตอนแรกฉันไม่ควรเชียร์ให้เขายืนอยู่ข้างมนุษย์แมงมุมเลยโธ่…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ต่อให้ฉันไม่ได้อยู่วงการบันเทิงอีกต่อไปฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจในจุดยืนของฉัน เพราะมันผิดหลักการของฉัน” เลาชงรู้สึกหัวเสียกับคนรอบข้างในทันที เขาไม่คิดว่าคนรอบตัวเขาจะมีนิสัยแบบนี้
“ที่รัก ต่อให้คุณไม่ยอมลบข้อความในไมโครบลอกคุณก็ควรจะประกาศออกไปว่าโทรศัพท์โดนขโมยก็ยังดีนะ” อีกด้านหนึ่งนั้นก็มีเหตุการณ์คล้ายๆกันเกิดขึ้นกับนาลันเฟยเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เธอกำลังโดนผู้ช่วยของเธอกล่อมอย่างหนักหน่วง
“ไม่ลบเด็ดขาด” นาลันเฟยพูดออกมาด้วยสายตาที่แดงก่ำ
เธอพยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
เธอก็รู้ว่าที่เธอทำไปแบบนี้จะทำให้อาชีพในวงการบันเทิงของเธอต้องจบลง เพียงเธอพูดในสิ่งที่เธอเชื่อถึงกลับให้เธอต้องทัวร์ลงขนาดนี้
และความพยายามทั้งหมดของเธอที่ทำมาจะต้องสูญเปล่า แต่เธอก็ยังยึดมั่นในสิ่งที่เธอเชื่ออยู่ดี
“ถ้าเธอยอมเซ็นสัญญาประนีประนอมกับบริษัทและไม่เปิดบริษัทของตัวเองละก็มันอาจจะพอช่วยเธอได้นะ” ผู้จัดการของเธอถอนหายใจออกมานั่นทำให้เธอถึงกับต้องขมวดคิ้ว และตอนนี้สัญญาของเธอกับบริษัทกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
อย่างไรก็ตามบริษัทเองก็มีข้อเรียกร้องให้เธอร่วมงานที่หนักข้อขึ้นเรื่อยอย่างเช่นการไปดื่มกับลูกค้า ซึ่งนั่นทำให้เธออยากออกมากๆ จนเธอตัดสินใจว่าจะออกมาตั้งบริษัทของตนเอง
แต่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นถ้าเธอยอมอ่อนข้อละก็เธอกลัวบริษัทจะให้เธอทำมากกว่านั้น
“ฉันจะลองโทรไปถามดูก็แล้วกัน” เมื่อผู้จัดการของนาลันเฟยเห็นเธอเงียบไปเธอจึงลองโทรไปบริษัทดู หลังจากคุยกันเธอได้ทำหน้าน่าเกลียดในทันที
“พวกนั้นว่าไงบ้าง” นาลันเฟยถามออกมา
“พวกมันบอกว่าพวกมันเข้าข้างตระกูลไค ถ้าพวกมันไม่ยอมรับเธอมาทำงานสักคนล่ะก็มันก็จะเท่ากับทำให้พวกมันได้ความพึงพอใจจากบริษัทซ่งเตียนอินเตอร์เทนเมนต์”
ผู้จัดการของเธอพูดด้วยน้ำเสียงโกรธอย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกันเหล่าแฟนคลับของเลาชงและนาลันเฟยได้รู้สึกถึงความอยุติธรรมและโกรธเกรี้ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับดาราของพวกเขา
พวกเขาได้พยายามแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาและเรียกร้องให้มีการประท้วงสิ่งที่บริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ทำแต่ก็ไร้ผล
เหล่าดาราที่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งและขัดแย้งกับทั้งสองคนต่างก็เข้าข้างบริษัทซ่งเตียนและยินยอมเป็นม้ารับใช้ให้แก่ตระกูลไคอย่างยินยอมพร้อมใจ
พวกนั้นได้เข้าร่วมผสมโรงเพื่อเหยียบเลาชงและนาลันเฟยโดยการออกมาทวิตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งข้อความโจมตีไปยังทั้งสองคน
“ไคจิ้งที่ตายนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาทำเพียงแค่เรียกร้องให้มนุษย์แมงมุมให้ช่วยเขาแค่นั้นเอง
แต่เลาชงกับนาหลันเฟยกับเห็นผิดเป็นชอบ พวกนั้นโง่งมอย่างมากที่เข้าข้างมนุษย์แมงมุม
คนแบบนั้นไม่มีค่าคู่ควรจะเป็นดาราและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กได้เรียนรู้เอาไว้”
“ไคจิ้งเป็นนักแสดงที่ดีและเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับหลายๆคน
พวกเรารู้สึกเสียใจอย่างมากในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
ทุกคนควรจะระลึกถึงเขาไว้ในความทรงจำ
แต่เลาชงกับนาหลันเฟยกับว่าร้ายไคจิ้งแถมยังเป็นคนที่จากไปแล้วซะอีก นี่มันถูกต้องแล้วหรือ”
“ฉันคิดว่าเลาชงและนาหลันเฟยเป็นคนดีมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้ ฉันสนับสนุนตระกูลไค”
“ต้องเป็นการตายของคนใหญ่โตเท่านั้นหรือไงพวกเราถึงจะให้เกียรติเขาได้น่ะ”
แม้แต่สำนักข่าวบางแห่งยังประกาศตัวออกมาว่าอยู่ข้างไคจิ้ง ทำแม้แต่กระทั่งละเลยความจริง ถอดทิ้งเนื้อหาที่สำคัญ และประกาศกร้าวพุ่งเป้าโจมตีไปยังเลาชงและนาลันเฟยว่าไม่ให้เกียรติคนตาย
ผ่านไปซักพักจนถึงขีดสุดที่ทั้งสองคนจะทนได้อีกต่อไป
ทั้งเลาชงและนาลันเฟยต่างประก้าวออกมาว่าจะสู้ในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
มีเพียงเพื่อนพ้องดาราเพียงน้อยนิดที่ยังคงอยู่เคียงข้างพวกเขา ในขณะที่คนอื่นเลือกที่จะเงียบ
จะบอกว่าคนที่เงียบเหล่านั้นจะไม่ใช่เพื่อนก็ไม่ได้อยู่ดีเพราะพวกเขาเลือกที่จะช่วยทั้งสองอยู่ข้างหลังเนื่องจากไม่สามารถออกหน้าได้ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
ทำให้ทำไม่ได้ทั้งต่อต้านบริษัทซ่งเตียนฯหรือสนับสนุนทั้งสองคน
ในตอนนั้นเองก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เว็บไซต์ของสํานักงานจัดการวิทยุ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งชาติ(SARFT)ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยเว็บไซต์ได้ขึ้นพาดหัวเอาไว้ว่ “วงการบันเทิงต้องไม่ใช่วงการมืด”
ทุกคนที่เห็นข้อความนี้ต่างก็ถึงกับนิ่งอิ้งไปในทันที มันเป็นข้อความที่ค่อนข้างประหลาด ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่สำนักงานฯเคยเผยแพร่ออกมาตามปกติ
ผู้คนในวงการบันเทิงต่างกดเข้าดูในลิ้งนี้เหตุผลก็เพราะตำแหน่งของลิ้งในหน้าเว็บอยู่ในส่วนที่ใช้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานหรือกฎเกณฑ์ของสำนักฯอยู่บ่อยๆ
ซึ่งกฎเหล่านั้นเป็นตัวกำหนดอนาคตของวงการบันเทิง เพราะทุกสื่อในวงการบันเทิงต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะดาราทุกคนได้เซ็นสัญญาว่าต้องปฏิบัติกฎจากสำนักฯอย่างเคร่งครัด คนที่ขัดขืนไม่เคยมีใครมีชีวิตในวงการที่ดีเลยสักราย ถ้าจะพูดให้ถูกคือฆ่าคนได้โดยไม่ต้องเห็นหน้ากันเลยทีเดียว
ตอนนี้เหล่าคนในวงการบันเทิงทุกคนต่างอ่านเนื้อหาดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งพวกเขาอ่านก็ยิ่งตกตะลึงกับเนื้อหาของหัวข้อดังกล่าว
ทางสำนักได้บอกเอาไว้ว่าในตอนนี้พวกเขาได้ติดตามทุกการกระทำที่คนในวงการบันเทิงพยายามที่จะดับอนาคตของเลาชงและนาหลันเฟยโดยมีมีตระกูลไคเป็นหัวเรือหลัก
แค่อ่านแค่ข้อความนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าพวกเขาจะพยายามสื่อสารอะไรออกมา
สำนักงานฯได้ยืนอยู่ข้างเลาชงและนาลันเฟยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และพวกเขากำลังจะดำเนินการจัดการทั้งตระกูลไคและพวกที่ยอมเป็นม้าตามนายพวกนั้นอย่างเด็ดขาด
ต่อมาในภายหลังหลิวชางเฟิงผู้อำนวยการของสำนักฯได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในช่องคอมเม้นท์ว่า
“เลาชงและนาหลันเฟยนั้นถือได้ว่าเป็นดาราที่ประพฤติตนและเป็นแบบอย่างที่ดี ผมชอบพวกเขาทั้งคู่มากๆเลยล่ะ”
นี่ทำให้บริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ถึงกับตกตะลึงทันทีที่เห็น
ไม่เพียงแค่นั้นเหล่าบริษัททั้งหลายในวงการบันเทิงที่ประกาศกร้าวว่าจะยืนอยู่เคียงข้างบริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ทำได้แต่งงงวยสับสนกันเลยทีเดียว
นี่เท่ากับว่าบริษัทใดในวงการบันเทิงก็ตามที่เข้าข้างตระกูลไคเท่ากับรนหาที่ตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หนึ่งวันหลังจากนั้นทุกบริษัทในวงการบันเทิงแม้แต่บริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ทำการถอนคำสั่งฆ่าทั้งสองคน
แม้แต่ช่องสัญญาณโทรทัศน์ที่เคยปล่อยข่าวออกมาว่าร้ายในตอนนี้ถึงกับออกข่าวมาหักล้างแก้เก้อไปตามๆกัน เหล่าดาราที่ออกมาโจมตีทั้งสองคนต่างก็รีบลบคอมเม้นต์ต่างๆของพวกเขาในไมโครบลอก
ผู้ถือหุ้นและพนักงานทั้งหมดของบริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ได้รวมตัวกันเพื่อที่จะโค่นล้มตระกูลไคที่ก่อเรื่องขึ้น
รวมไปถึงบริษัทลูก แม้แต่เจ้าของช่องสัญญาณต่างๆก็ถึงกับกร่นด่าตระกูลไคแทบจะไปถึงบรรพบุรุษของพวกเขา และแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังบริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างเข้ากระดูกดำไปแล้วที่กำลังจะลากพวกเขาลงนรกไปตามๆกัน
เหล่าดาราที่เคยซ้ำเติมเลาชงและนาหลันเฟยเองก็ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน เหล่าผู้คนในวงการบันเทิงต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทั้งสองคนอยู่ถึงกลายเป็นคนมีเบื้องหลังขึ้นมาได้
ภายหลังเหล่าแฟนคลับของทั้งสองคนและเหล่าผู้ที่ติดตามเรื่องนี้ในอินเตอร์เนตก็ได้พบว่าบริษัทซ่งเตียนเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ยกเลิกการขึ้นบัญชีดำ
เหล่าดาราที่มาซ้ำเติมต่างก็ลบไมโครบลอก และช่องสัญญาณต่างๆต่างเปลี่ยนหัวข้อข่าวว่าร้ายต่างๆ ทุกคนทำได้แต่งุนงงสังสัยไปต่างๆนานา
“เกิดอะไรขึ้น พวกเขาเลิกเล่นงานเลาชงกับนาหลันเฟยกันแล้วหรอ”
“เกิดอะไรขึ้นกัน อะไรที่ทำให้ลมเปลี่ยนทิศกันแน่”
“ลองไปดูข้อความที่สํานักงานจัดการวิทยุ ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งชาติ(SARFT)ดูสิ แล้วพวกนายจะได้พบความจริง”
“น่าแปลกจริงๆที่สำนักฯออกมามีส่วนในครั้งนี้”
“สำหรับฉันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยนะ นี่สิคือสื่งที่พวกเขาควรจะทำ พวกเขาควรจะออกมาเล่นงานพวกนอกกฎหมายแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“ฮ่าฮ่า การเผยแพร่ของสำนักงานฯโคตรเจ๋งไปเลย ถามยังพุ่งเป้าไปช่วยทั้งเลาชงและนาหลันเฟยโดยตรงซะด้วย”
หลังจากข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไป ที่สตูดิโอของเลาชงเองก็ได้ประหลาดใจและยินดีกันยกใหญ่
“นี่พี่รู้จักผู้อำนวยการของสำนักฯด้วยเหรอครับพี่ชง พี่ไปรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้ได้ยังไงกัน”
แม้แต่ทางนาลันเฟยเองก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน
“นาลัน เธอไปรู้จักผู้อำนวยการของ SARFT ได้ยังไงกันอ่ะ ”
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ในตอนนี้ต่างก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน พวกเขาไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมผู้อำนวยการของ SARFT ถึงได้ออกมาช่วยพวกเขากัน หรือว่าพวกตระกูลไคโชคร้ายกันเอง