Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 762
GGS:บทที่ 762 ปรากฎการณ์แปลกๆ (2)
ซูจิ้งใช้มือถือเข้าไปในอินเตอร์เน็ตเพื่อจะดูข่าวป้ายสีเรื่องล่าสุดของมู่หรงเซียนเอ๋อ
เขาทำคิ้วขมวดและเม้มปากของเขาในทันทีที่เห็น
วันนี้เขากล้าบอกได้เลยว่าเขามีความพร้อมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมบัติ ความรู้ หรือแม้แต่การใช้ทักษะต่างๆของเขาที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯ
แต่เพียงแค่เขาเห็นข่าวใส่ร้ายธรรมดาสามัญข่าวหนึ่งทำให้เขาถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
เขาได้หันไปมองที่ผู้ช่วย ฉินซิ่ว มู่หรงเซียนเอ๋อ มู่หรงฉิน และมู่หรงจิงเทียน
พวกเขาต่างก็ก้มไปมองโทรศัพท์ที่กำลังเปิดข่าวป้ายสีดู
โดยผู้ช่วยฯ ฉินซี่ว และเซียนเอ๋อ กำลังดูมือถือ
และมู่หรงฉินและมู่หรงจิงเทียนดูจากคอมพิวเตอร์
ตอนแรกทุกคนต่างดูโกรธอย่างมาก แต่ผ่านไปซักพักสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
ถึงขนาดที่ผู้ช่วยฯถึงกับหันมาถามเซียนเอ๋อเองว่า “เซียนเอ๋อ เธอไม่เคยแท้งลูกมาจริงๆใช่รึเปล่า” เซียนเอ๋อถึงกับทำหน้าเอ๋อในทันที
เธอรีบถามกลับไปว่า “เจ้ฉิน ทำไมถามฉันอย่างนี้เนี่ย เจ้น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าเรื่องนี้ฉันไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนด้วย
แล้วจะไปเอาที่ไหนมาทำแท้ง ตอนที่ฉันไปโรงพยาบาลนั่นก็เป็นเพราะปวดท้อง เจ้ก็อยู่”
ผู้ช่วยฯถึงกับทำหน้าโง่งมพร้อมกับตบลงไปที่หน้าผากตัวเองก่อนจะพูดออกมาว่า “เออใช่ ทำไมฉันถึงได้คิดโง่ๆแบบนั้นกัน”
ฉินซิ่วพูดออกมาว่า “นั่นซิ เซียนเอ๋อจะไปทำแท้งได้ยังไงกัน”
“นั่นสิไร้สาระจริงๆ” มู่หรงจิงเทียนพูดออกมาเช่นกัน
มู่หรงฉินพูดออกมาว่า “ก็ดีแล้วที่ไม่ใช่เรื่องจริง คนที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น
ต่อให้ถูกใส่ร้ายยังไงก็ยังบริสุทธิ์อยู่ดี”
ถึงแม้บทสนทนาเมื่อฟังผ่านๆจะเหมือนกับไม่มีปัญหาอะไร
แต่ไม่ใช่กับซูจิ้งผู้ซึ่งมีพลังอันแกร่งกล้า เขานั้นได้คอยใช้กระแสจิตตรวจจับโดยรอบอยู่
ทันทีที่เขาสัมผัสได้เขาถึงกับขนหัวลุกในทันที
เรื่องป้ายสีที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ไม่มีหลักฐานอะไรเลยนอกซะจากรูปถ่ายที่มู่หรงเซียนเอ๋อถูกเข็นเข้าโรงพยาบาลแค่นั้นแล้วไปบอกว่าเซียนเอ๋อแท้งลูก
โดยปกติแล้วบอกได้เลยว่าข่าวแบบนี้ความน่าเชื่อคือต่ำแบบสุดๆ
คนทั่วไปและแฟนคลับไม่ควรจะเห็นว่าเป็นข่าวเสียด้วยซ้ำ
แต่เมื่อกี้ที่ข่าวหลุดออกมา อย่าว่าแต่แฟนคลับเลย แม้แต่ผู้ช่วยและครอบครัวของเธอก็เชื่อข่าวนี้ไปเกินครึ่งแล้ว
ถ้าจะให้บอกก็คือเรื่องนี้ค่อนข้างประหลาด
ซูจิ้งเองได้มองไปที่มือถือที่มือข่าวของเซียนเอ๋ออีกครั้ง อย่างไรก็ตามคราวนี้แทนที่เขาจะอ่านข่าวแบบปกติ
เขาได้ใช้กระแสจิตในการตรวจสอบ เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังในรูปแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนออกมาจากมือถือ คลื่นนี้เท่าที่ดูก็เหมือนจะพยายามจะเล่นงานเขาเหมือนกันแต่ติดตรงที่เขามีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่
ด้วยคลื่นพลังระดับแค่นี้ไม่สามารถส่งผลอะไรต่อซูจิ้งได้ แต่กับคนทั่วไปแล้วคนที่จิตไม่แข็งพอไม่น่าจะรอดได้ และไม่ใช่แค่จากมือถือ แม้แต่การเปิดดูจากคอมพิวเตอร์เองก็มีไม่ต่างกัน
ซูจิ้งเองก็ไม่อยากเชื่อจนเผลอพูดออกมาว่า “ห่าเหวอะไรกันเนี่ย ช่างน่ามหัศจรรย์จริง เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่สมควรมีเรื่องแบบนี้นี่นา การที่จะใช้อินเตอร์เนตเปลี่ยนความคิดของคนอื่นนี่มัน…”
ทันใดนั้นซูจิ้งได้ปลดปล่อยแมลงปออกจากถุงกักอสูร เขาได้ควบคุมพวกมันไปยังพื้นที่ต่างๆรอบตระกูลมู่หรงเพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อข่าวนี้
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังรอรถเมลล์อยู่หลังจากที่เขาอ่านข่าวนี้เขาสบถออกมาทันทีพร้อมพูดออกมาว่า
“กลายเป็นว่ามู่หรงเซียนเอ๋อเป็นนังร่านนี่เอง หึหึแต่ยังไงซะฉันก็ยังจะคอยติดตามเธอต่อไปนะจ้ะ ฮิฮิ”
เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินและเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยที่เปิดข่าวนี้อ่านในทันที
หลังจากเธออ่านแล้วเธอได้อ้าปากค้างด้วยความตกใจและได้พูดออกมาว่า
“นี่ซินะตัวตนที่แท้จริงของนางฟ้าอันแสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง”
เหล่าคนหนุ่มสาวหลายๆคนได้พูดคุยเกี่ยวกับข่าวฉาวของเซียนเอ๋ออย่างมันปาก
มีชายหนุ่มอ้วนคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามู่หรงเซียนเอ๋อจะเป็นคนแบบนี้
ข่าวสามข่าวนี้ช่วยเปิดเผยความจริงของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างดีเลย”
“แล้วมันแปลกครงไหนหล่ะ” ชายผอมแห่งคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาว่า “มันก็แค่ความจริงอันดำมืดที่อยู่หลังวงการบันเทิงหล่ะน่า
ไม่ว่าฉากหน้าจะดูบริสุทธิ์ผุดผ่องยังไง ยังไงซะเบื้องหลังก็คุณตัวดีๆกันทั้งนั้นหล่ะ ฉันจะเลิกตามพวกดาราแล้ว”
ชายตัวสูงผอมคนหนึ่งได้หันไปพูดกับชายคนนั้นพร้อมกับใช้นิ้วดันแว่นสายตาให้เข้าที่ว่า
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวนักหรอก อย่างน้อยๆคนแบบมู่หรงเซียนเอ๋อใช่ว่าจะเป็นกันทุกคนซะเมื่อไหร่”
ซูจิ้งสามารถรับรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดาเลยว่า เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปแล้ว
ใครก็ตามที่ได้อ่านจะต้องปักใจเชื่อในทันทีโดยไม่สงสัยเลยซักนิดว่ามันเป็นข่าวใส่ร้ายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คลื่นพลังที่ส่งมาพร้อมกับข่าวนี้อยู่ๆก็ค่อยๆหายไป เหล่าผู้คนที่มัวแต่ยุ่งๆจนไม่มีเวลาอ่านข่าวนี้ทันทีที่บางคนเห็นถึงกับพูดออกมาว่า “นี่มันข่าวปลอมแน่นอนอยู่แล้ว นี่มันข่าวเรียกยอดคนดูชัด
ความจริงมู่หรงเซียนเอ๋อไม่เคยตกเป็นเป้าหมายของข่าวแบบนี้เลยนะ
แม้แต่แฟนคลับของเธอก็ยังทำตัวดีด้วยซ้ำ เธอเป็นดาราตัวอย่างที่ดีที่แสนหายากนะ
ทำไมถึงได้ใส่ความกันหน้าด้านๆแบบนี้ ต้องมีใครบางคนอิจฉาริษยาเธอแน่ๆ”
อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครที่เคยเห็นข่าวนี้เมื่อวันก่อนแล้วเชื่อมั่นว่าเป็นความจริง พวกเขาก็ยังคงเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนเดิม
ซูจิ้งได้บังคับแมลงปอให้กลับเข้ามายังถึงกักอสูร
ในห้องตอนนี้ทุกคนพยายามปลอบใจมู่หรงเซียนเอ๋ออยู่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเชื่อข่าวฉาวนี้ไปแล้วก็ตาม
ผู้ช่วยของเซียนเอ๋อได้โทรกับไปที่สตูดิโอเพื่อให้พวกคนที่อยู่ที่นั่นหาหลักฐานให้ได้อย่างรวดเร็วแบะส่งมาให้เธอ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเธอจะไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวนี้ซักเท่าไหร่
หลายๆคนในสตูดิโอของเธอก็เช่นกัน พวกเขาได้หาหลักฐานมาให้เธอย่างรวดเร็วแต่ยังไงซะพวกคนทั่วไปกลับเชื่อข่าวป้ายสีนี้อยู่ดี
ซูจิ้งยังคงอยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขารู้สึกว่าเหมือนตนเองเป็นผีในตอนนี้เพราะทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ามีบางอย่างส่งผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์ส่งผลต่ออารมณ์ของผู้คน
มีเฉพาะคนที่มีขวัญแข็งกล้าหรือมีความเชื่อในในตัวมู่หรงเซียนเอ๋ออย่างหมดใจเท่านั้นที่สามารถต่อต้านผลกระทบจากมันได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายคนได้เชื่อเรื่องฉาวเหล่านั้นในทันที
แต่ยังไงซะเรื่องเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ดูไม่มีเหตุผลและแปลกประหลาด
ทันใดนั้นซูจิ้งได้ลองดูข่าวฉาวของดาราในช่วงนี้ เขาได้ลองหาข่าวที่ดูมีแนวโน้มเดียวกันคือเป็นข่าวที่ไร้เหตุไร้ผลแต่คนเชื่อกันอย่างมากตั้งแต่แรกเห็น
ที่น่าตกใจคือเขาพบจริงๆ มีคนหนึ่งที่โดนเรื่องทำนองแล้วมีคนเชื่อในทันทีโดยไม่มีใครเชื่อหลักฐานที่มายืนยัน แต่มีบางอย่างที่ต่างกันเล็กน้อย
โดยตอนแรกคนๆนั้นโดนป้ายสีด้วยเรื่องที่ดูเล็กมากจนดูปกติ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องฉาวนั้นเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในกรณีของเซียนเอ๋อนั้นเปิดมาก็โดนหนักเลยทำให้ยิ่งแปลกเข้าไปอีก
ซูจิ้งลำพึงในใจว่า “ถ้ามีเทคโนโลยีหรือทักษะแบบนี้มาใช้กันแบบนี่แสดงว่าต้องมีพวกอื่นที่ทำการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนแปลงสภาพอารมณ์ของคนอย่างแน่นอน
แต่พวกนั้นทำได้ยังไงกัน ทำไมโลกนี้ถึงมีเทคโนโลยีที่เลวทรามแบบนี้อยู่ในโลกได้กัน หรือว่าจะมีคนที่ทรงพลังนอกเหนือจากฉันอีก”
ทันทีที่ซูจิ้งแวบความคิดนี้ขึ้นมาในหัว เขาส่ายหัวเหมือนจะพยายามให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้
เขารีบตรงกับไปยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯทันที พลางนึกไปว่าก่อนที่จะมั่นใจว่าคนกลุ่มอื่นมีเทคโนโลยีหรือพลังสุดยอดแบบเขาอยู่ในโลก
เขาจำเป็นต้องมั่นใจให้ได้ซะก่อนว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไป
ยกตัวอย่างตอนที่เม็งเหมยเอ๋อที่หลุดออกไป แล้วมีคนใช้เกล็ดของเธอไปสกัดเป็นสุดยอดฮอร์โมน
และนำไปพัฒนาต่อโดยกองโจรเกล็ดงูจนทำให้พวกนั้นมีพลังอำนาจในด้านไบโอเทคโนโลยีเหนือกว่าความรู้ทั่วไปในโลกใบนี้