Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 785
GGS:บทที่ 785 พลังงาน ค่าใช้จ่าย และการฟื้นคืน
ซูจิ้งอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “ทำไมเธอต้องการพลังงานมากนักล่ะ เธอไม่มีวิธีประหยัดบ้างเลยหรอ”
ฉิงหยุนตอบกลับมาว่า “เหตุผลที่ต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้ก็เพราะด้วยเหตุว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้เป็นสถานีที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
นั่นคือเหตุผลที่ต้องใช้พลังงานสูงมากและไม่สามารถประหยัดพลังงานที่ใช้ได้ แต่ตราบใดที่เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
พลังที่ใช้จะเป็นพลังงานจากแก๊ซที่ได้จากการหมักขยะห้วงเวลาฯแทน นี่คือวิธีการทำงานของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้”
หลังจากไตร่ตรองซักพักซูจิ้งก็คิดตกแล้วว่าไอ้โหมดประหยังพลังงานนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย และแน่นอนว่าการประหยัดเงินที่ต้องใช้ในการผลิตพลังงานก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
การใช้แก๊ซเป็นแหล่งพลังงานนั้นไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมโดยรอบพื้นที่นี้ แต่ยังเกิดผลกระทบขั้นเลวร้ายอย่างเช่นเศษธนูนั่น
เขานึกในใจว่า “นอกจากเราต้องหาเงินให้ได้ 1 – 2 พันล้านหยวนในหนึ่งเดือน แถมยังต้องหาวิธีกำจัดขยะที่ไม่ใช่การเผาและไม่ก่อให้เกิดมลพิษอีกแหล่ะนะ
ต่อให้ขยะจะมากมายขนาดไหนตราบใดที่หาเงินมาป้อนสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้ทันก็ไม่มีปัญหาแน่นอน จะหวังพึ่งเรื่องนี้กับบรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหลายไม่ได้ด้วยสิ”
ความจริงนั้นซูจิ้งค่อนข้างจะพึงพอใจกับผลลัพท์ที่ได้จากการยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้
ทั้งกำแพงป้องกันมิติ ระบบรีไซเคิล ระบบคัดแยกอัตโนมัติ ระบบเผาและย่อยขยะห้วงเวลาฯอัตโนมัติ แต่ละระบบที่เพิ่มเข้ามาล้วนทำให้ชีวิตของเขาในการจัดการขยะห้วงเวลาฯง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้นซูจิ้งก็รู้สึกมีเรื่องคาใจบางอย่างจนต้องถามออกมาว่า “ตอนนี้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯยังรับขยะเข้ามาเองแบบอัตโนมัติอยู่รึเปล่า”
หากคิดดีแล้วๆปัญหาหลักที่สุดก็คือเรื่องนี้ ถ้าสามารถปิดระบบอัตโนมัติของมิติช่องรับขยะที่ชอบเปิดปิดเองได้
หรือถ้าสามารถเลือกที่จะปฏิเสธการรับขยะในบางกรณีได้ล่ะก็
เขาจะไม่ต้องกังวลาว่าจะกำจัดขยะไม่ทันหรือหาพลังงานไม่พอจนทำให้เหตุการณ์ล่มสลายได้
ยังไงซะในตอนนี้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้ยกระดับขึ้นมาแล้วอย่างน้อยๆก็น่าจะพอทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง
ฉิงหยุนได้ตอบออกมาทันทีว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้ นอกจากว่าท่านเจ้าของจะยกระดับที่นี่เป็นระดับสองก่อนเท่านั้น”
ซูจิ้งตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินแล้วถามต่อว่า “ถ้าฉันยกระดับที่นี่เป็นระดับสองแล้วฉันสามารถเปิดปิดประตูมิตินั่นได้ล่ะก็ แล้วฉันสามารถไปห้วงเวลาฯอื่นได้รึเปล่า”
ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเขาจะถามนั่นก็เพราะว่าหากเขาสามารถเปิดปิดประตูที่จะเปิดรับขยะห้วงเวลาฯได้ละก็
สมควรที่เขาจะสับเปลี่ยนมิติห้วงเวลาฯที่เขาเปิดรับ
และนั่นอาจจะหมายถึงว่าเขาอาจจะสั่งให้เปิดประตูมิตินานพอที่เขาจะไปกลับได้ทั้งห้วงเวลาฯ วันพีซ โลกแห่งเซียน และห้วงเวลาฯอื่นๆ
ถึงแม้จะเป็นการท้าทายสวรรค์ก็ตามแต่ถ้าเป็นไปได้มันก็ช่างน่าตื่นเต้นและท้าทาย
ต่อให้เมื่อเขาไปแล้วจะกลายเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในห้วงเวลาฯเหล่านั้น แต่เขาก็ไม่กลัว ที่เขากลัวเพียงอย่างเดียวคือจะไม่มีวิธีกลับมาแค่นั้นเอง
ฉิงหยุนตอบออกมาว่า “ตามทฤษฎีนั้นเป็นไปได้ แต่ยังไงซะการเปิดปิดช่องมิติเหล่านั้นยังง่ายกว่าการที่จะเลือกห้วงเวลาฯที่ต้องการจะเปิด
นั่นก็เพราะว่ามิติห้วงเวลาฯนั้นมากมายเหลือคณานับยากต่อการจะเลือกเปิดได้ อีกทั้งหากช่องมิติที่เลือกไม่เสถียรพออาจก่อให้เกิดอันตรายขั้นร้ายแรงได้”
คำตอบนี้ของฉิงหยุนเปรียบได้กับน้ำเย็นเจี๊ยบที่ราดลงบนหัวซูจิ้งที่กำลังมีความคิดพลุ่งพล่านในทันที
หลังจากฟังแล้วเขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่ามันก็ควรจะเป็นความจริงที่ว่าช่องมิติเหล่านั้นไม่เสถียร
ต่อให้มีพลังงานมหาศาลคอยค้ำจุนก็ใช่ว่าจะทำให้เสถียรได้โดยง่ายนี่เป็นเรื่องที่ซูจิ้งไม่เคยคาดไว้มาก่อน
การที่ช่องมิติรับขยะห้วงเวลาฯเปิดออกมาได้แบบนี้ความจริงก็ค่อนข้างคล้ายกับทฤษฎีรูหนอนที่นักวิทยาศาสตร์บนโลกตั้งไว้อยู่บ้าง
และปัญหาเรื่องทฤษฏีนี้ไม่ใช่เรื่องที่เทคโนโลยีอย่างเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะเพราะว่ามนุษย์โลกยังแก้ปัญหานี้ได้ทำให้โลกนี้ยังคงปลอดภัยอยู่
“งั้นต้องเติมปฏิสสารอีกเท่าไหร่ถึงจะยกระดับไประดับสองได้”
ซูจิ้งถามต่อ เพราะต่อให้เขาไปสามารถไปห้วงเวลาฯอื่นได้แต่การเปิดปิดช่องมิติรับขยะอัตโนมัติได้ล่ะก็ยังไงก็ยังถือว่าดีมากพอแล้ว
คุ้มค่าที่จะยกระดับหากสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ ปฏิเสธรับขยะได้ ถึงจะชั่วคราวก็ยังดี
“มีสองเงื่อนไข หนึ่งคือต้องมีพลังงานที่มีค่า 1 ล้านและหมุนเวียนที่ 1 ล้าน”
“….อะไรคือมีค่า 1 ล้านและหมุนเวียน 1 ล้าน” ซูจิ้งต้องถามออกมาจริงๆเพราะเขาไม่เข้าใจที่ฉิงหยุนพูด
“ค่าพลังงานนั่นก็คือพลังงานที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้เก็บสำรองเอาไว้ได้โดยปฏิสสาร 1 กรัมจะมีค่าพลังงานเท่ากับ 1 หมื่น”
“นั่นก็หมายความว่าค่าพลังงาน 1 ล้านจะเท่ากับปฏิสสาร 100 กรัม หรือก็คือต้องสูบเงินในกระเป๋าของฉัน 3 ล้านล้านหยวนนนนนนน…… ”
ซูจิ้งต้องอ้าปากค้างจนหุบไม่ลงไปอีกพักใหญ่ ก็อีแค่เขาต้องการหยุดระบบรับขยะอัตโนมัติเขาต้องทุ่มทุนขนาดนั้นเลยงั้นหรอ อย่างที่เขาว่าไว้กันจริงๆว่าอย่ารู้มากถ้าอยากให้ชีวิตสงบสุข
“แล้วอะไรคือค่าใช้ประโยชน์ที่ว่าล่ะ” ซูจิ้งถามต่อเพื่อให้ไม่มีคำถามค้างคาใจ
“ท่านเจ้าของโปรดจำไว้ให้ขึ้นใจเสมอว่า สถานีกำจัดขยะที่ดีที่ทุกคนต้องการนั้นจะต้องมุ่งมั่นปฏิบัติให้ได้สามด้าน ได้แต่ ไร้พิษภัย ลดขยะ และคุ้มค่า
ไร้พิษภัยคือการที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะก็คือการลดปริมาณขยะที่หลงเหลือจากการจัดการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯตอบสนองทั้งสองข้อนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนท่านเจ้าของเพียงแค่ต้องหาพลังงานมาใส่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ให้ทันเท่านั้น แต่อย่างสุดท้ายเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัยากรซึ่งซูจิ้งไม่ถนัดเรื่องนี้อย่างยิ่ง ได้แต่หวังเพิ่งท่านเจ้าของแล้ว ที่เรียกว่าค่าใช้ประโยชน์นั่นก็คือการนำขยะห้วงเวลาฯกลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามขอเพียงแค่ลดการกำจัดขยะได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำขยะไปใช้ต่อ หรือแม้แต่การนำของเสียไปขายก็ไม่มีปัญหา” ฉิงหยุนอธิบายออกมา
“เข้าใจล่ะ ว่าแต่อัตราการหมุนเวียนที่ว่านี่วัดจากอะไรล่ะ” ซูจิ้งถามต่อ
“วิธีการวัดค่าการหมุนเวียนนี้ค่อนข้างจะพิเศษนิดหน่อย
การวัดค่าจะดูจากเงินที่ได้จากการนำไปใช้หรือการขาย ความประหลาดใจหรือแม้แต่ความตกตะลึงเวลานำขยะห้วงเวลาฯไปมอบให้ผู้คน
จะให้เข้าใจง่ายๆก็คือผลกระทบที่เกิดจากขยะห้วงเวลาฯไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม
ตราบใดที่ทำให้เกิดเรื่องดีจากขยะห้วงเวลาฯ ความดีเหล่านั้นจะถูกนำไปคำนวณเพื่อใช้เป็นค่าหมุนเวียน
แต่ท่านเจ้าของเองก็ต้องจำไว้ให้ดีว่าหากเกิดเรื่องไม่ดีจากขยะห้วงเวลาฯ เรื่องไม่ดีเหล่านั้นก็จะถูกนำไปหักลบกับอัตราการหมุนเวียนนี้เช่นกัน
ท่านเจ้าของไม่จำเป็นต้องรู้สูตรคำนวนเหล่านั้น เพียงทราบค่าค่าใช้ประโยชน์ที่ได้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“เธอมีขอบเขตการรับรู้หรืออะไรพวกนั้นบ้างรึเปล่า หรือมีวิธีไหนบ้างที่ไม่สามารถนำไปคำนวนหรือข้อยกเว้นการคำนวนอะไรพวกนั้นหล่ะ”
“ตราบใดที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดบนโลกนี้ ฉิงหยุนสามารถรับรู้ได้ทั้งหมด”
“แล้วขยะที่ฉันนำออกไปใช้ก่อนหน้านี้นับด้วยรึเปล่า”
“ไม่นับ เพราะตอนนั้นฉิงหยุนยังไม่ได้ยกระดับ ทำให้ไม่มีความสามารถในการรับรู้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาได้ รวมถึงไม่สามารถทราบถึงปริมาณขยะที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่นับจากนี้ฉิงหยุนจะคอยนับและคำนวนทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านเจ้าของทำและใช้ไป โดยตอนนี้ฉิงหยุนมีปฏิสสารเก็บสะสมไว้เพียง 0.008 กรัมเท่านั้น เท่ากับว่าตอนนี้มีค่าพลังงานอยู่ที่ 80”
“อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลยน่า ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ทำอะไรไว้ตั้งเยอะ เธอลองหาวิธีคิดเรื่องที่ฉันเคยทำหน่อยสิ ถ้านำมาคิดได้ฉันว่าฉันน่าจะได้ค่าใช้ประโยชน์มากมายเลยนะ
ค่าพลังงาน 80 เทียบกับค่าพลังงานล้านนึงที่ฉันต้องหานี่เทียบกันไม่ได้เลยซักนิด คิดอย่างนี้อย่านับเลยดีกว่า” ซูจิ้งบ่นออกมาเป็นหมีกินผึ้งอย่างเซ็งๆ
“ฉิงหยุนสามารถแก้ค่าพลังงานให้เป็นศูนย์ได้นะถ้าท่านเจ้าของต้องการ”
“ไม่ไม่ไม่ ปล่อยไว้อย่างนั้นแหล่ะจ้ะ จะจริงจังไปทำไมกัน ฉันล้อเล่นน่า”
ซูจิ้งรีบตอบออกไปทันทีเพราะกลัวฉิงหยุนจะบ้าเปลี่ยนตามที่เขาบ่นจริง ยังไงซะต่อให้เป็นยุง แต่รวมกันเยอะๆก็เอามาทำเบอร์เกอร์ได้
“ฮ่าฮ่า ท่านเจ้าของอย่ากังวลไปเลย ฉิงหยุนแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” เสียงฉิงหยุนในตอนนี้เหมือนเสียงของพี่สาวที่ทำเป็นจริงจังเพื่อแกล้งน้องชายตัวน้อยๆอย่างหยอกเอิน
“…..” ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออก เขาคิดอะไรอยู่เนี่ยถึงกล้าไปตอแยกับฉิงหยุนกัน
“ต้องใจเย็นลงหน่อยแหะ พอคิดๆดูแล้วค่าพลังงาน 1 ล้านกับค่าใช้ประโยชน์ 1 ล้านนี่ถึงจะฟังดูมันสูงเวอร์แต่ดูๆก็น่าจะพอทำมันได้
นอกจากจะทำให้ปิดระบบช่องรับขยะห้วงเวลาฯแล้ว ยังทำให้โลกหลีกเลี่ยงอันตรายได้ด้วย แถมยังทำให้มีโอกาสเข้าถึงห้วงเวลาฯต่างๆที่ฉันใฝ่ฝันถึงพวกนั้นได้อีก”
ในห้วงจิตสำนึกของซูจิ้งในตอนนี้ได้คิดสิ่งต่างๆไว้มากมายเพราะยังไงซะ ค่าพลังงาน 1 ล้าน และค่าการใช้ประโยชน์ 1 ล้านใช่ว่าจะทำได้ในวันเดียว
เมื่อรู้สึกตัวขึ้นเขาก็พบว่าโลกภายนอกในตอนนี้เป็นช่วงดึกมากแล้ว เขาจึงไปอาบน้ำที่ชั้นสี่แล้วนอนหลับอย่างสบายใจ
สำหรับซูจิ้งนี่คือการหลับไหลที่สบายใจที่สุดนับตั้งแต่เขาต้องยิ่งเกี่ยวกับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้
อย่างไรก็ตามประมาณซักช่วงตีสองไม่ก็ตีสาม ฉิงหยุนได้ส่งเสียงเรียกเขาภายในจิตสำนักว่า
“ท่านเจ้าของ ขยะห้วงเวลาฯชุดใหม่มาแล้ว” ถึงแม้ว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้จะมีกำแพงกั้นมิติแล้วก็ตาม
ฉิงหยุนเลือกที่จะเรียกซูจิ้งเองแทนที่จะปล่อยให้สัญญาณเตือนแบบที่ใช้ปกติตอนก่อนยกระดับด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้
ซูจิ้งก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นและได้ลุกขึ้นก่อนที่จะรีบลงบันไดมา เหตุผลที่ไม่ใส่ใจนั่นก็เพราะว่าเขาคิดถึงการค้นหาสมบัติจากกองขยะของเขานั่นเอง