Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 796
GGS:บทที่ 796 หมัดวัวคลั่งลือเรื่อง
คนทั่วไปรวมไปถึงคนในวงการศิลปะการต่อสู้จีนต่างก็ได้ยินข่าวเรื่องที่คิตะมูระมาดูถูกเยียดหยามต่างก็โกรธแค้นกันอย่างมาก คืนนั้นซูจิ้งถึงกับได้รับสายโทรศัพท์จากฮัวเฟยหยุนก่อนที่เขาจะได้รู้ข่าวนี้จากไมโครบลอกซะอีก
หลังจากที่ซูจิ้งรับสาย เขาได้ยินน้ำเสียงของฮัวเฟยหยุนพูดออกด้วยท่าทีโกรธเคืองว่า “ศิษย์พี่ พี่อดทนกับคำพูดของไอ้ญี่ปุ่นนั่นได้ยังไงกัน
เมื่อไหร่กันที่พี่ยอมปล่อยให้ไอ้คนชาตินั้นมาดูถูกเราได้ขนาดนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ไม่น่าต้องกลัวอะไรมันนี่นา ถ้าพี่ไม่จัดการผมจะลงมือเอง”
“เดี๋ยวๆๆ พูดช้าๆหน่อยฉันฟังไม่ทัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ซูจิ้งพูดออกมา
“อ่าว พี่ยังไม่รู้หรอ” ฮัวเฟยหยุนจึงได้จัดการเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขารู้ให้ซูจิ้งฟัง
ซูจิ้งได้เข้าไปอินเตอร์เนตเพื่อเช็คข่าวดูก็เห็นข่าวที่ฮัวเฟยหยุนว่ามาจริงๆทำให้เขาเข้าใจได้ในทันที
หมอนี่ช่างทำตัวระยำตำบอนดีจริงๆ คิดว่าตัวเองโดนปล้นงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะไปแล้วโกรธเลยไปพาลหาเรื่องวงการอื่นแทน วงการไหนไม่ไปดันไปวงการศิลปะการต่อสู้ หาที่ตายจริงๆ
“ศิษย์พี่ พี่รู้อย่างนี้แล้วพี่จะสู้กับมันรึเปล่า” ฮัวเฟยหยุนแสดงความกังวลออกมา
“นายกังวลเรื่องอะไรอยู่ล่ะนั่น แน่นอนแล้วเมื่อรู้ก็ต้องสู้สิ ฉันเองก็อยากจะแสดงเพลงมวยใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้มาเมื่อวานให้นายดูด้วย คอยดูดีๆล่ะ” ซูจิ้งพูดอย่างยิ้มกริ่ม
“เพลงมวยอะไรอ่ะ หมัดเมาหรอ” ฮัวเฟยหยุนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“เอ่อ..ไม่ใช่” ซูจิ้งถึงกับพูดอึกอักในทันที ถึงจะเรียกว่าเพลงหมัดหมัดเมาแต่เอาจริงๆมันก็ไม่ใช่เพลงหมัดอะไรทั้งนั้น คราวนั้นเขาแค่เมาจริงๆแล้วไปต่อยกะชาวบ้านเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เขานั้นมีสติครบอยู่ดีจะให้กล้าต่อยแบบนั้นอีกก็คงไม่ด้านพอ
ซูจิ้งได้เรียกสติก่อนจะพูดออกมาว่า “เป็นเพลงหมัดอย่างอื่นน่ะ มันค่อนข้างจะเรียนรู้ได้ง่ายกว่าและทรงพลังมากกว่าด้วย”
“ดี พรุ่งนี้ผมจะไปดูนะ” ฮัวเฟ่ยหยุนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินซูจิ้งบอกออกมาและดูเหมือนว่าเขาเองก็อยากจะสอนเพลงหมัดนี้ให้เขาอยู่ไม่น้อย แสดงว่าต้องเป็นเพลงหมัดที่ดีชุดหนึ่งแน่นอน
“เอาล่ะนั้นอย่างแรกก็…” หลังจากวางสายไปเขาก็ได้สร้างโพสต์ของเขาในไมโครบลอกทันที
“เป็นยังไงบ้าง” หลังจากฮัวเฟยหยุนก็รู้สึกหนักใจแทนขึ้นมา คนที่อยู่โดยรอบก็ได้ถามเขาในทันที ประกอบด้วย ฮัวฮงหยาง ไชวูเฟิง จี้เสี่ยวถิง และเหล่าสมาชิกโรงเรียนศิลปะป้องกันตัว
ฮัวเฟิงหยุนยิ้มร่าก่อนจะบอกออกมาว่า “พี่จิ้งรู้เรื่องแล้ว และแน่นอนว่าเขาจะเล่นงานไอ้บ้านั่น”
“เยี่ยมยอด” ทุกคนแสดงออกมาด้วยท่าทางมีความสุขกันถ้วนหน้า
“พี่จิ้งลงข้อความแล้วล่ะ” จี้เสี่ยวถิงพูดในทันทีที่โทรศัพท์ของเธอมีข้อความเข้า ทุกคนเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นซูจิ้งโพสต์ข้อความในไมโครบลอก มันข้อความเพียงบรรทัดเดียวบอกไว้ว่า
“รับคำท้า เจอกันที่หอจิงฮงพรุ่งนี้”
ทันใดนั้นเองเหล่าแฟนคลับของซูจิ้งรวมถึงเหล่าชาวเนตทันทีที่พวกเขาเห็นข้อความนี้ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขาโพสต์ข้อความโต้ตอบใต้ข้อความนี้อย่างบ้าคลั่ง
“พี่จิ้งเจ๋งที่สุดดดดด”
“ไปฆ่าไอ้บ้านั่นซ้า…”
“หมอนั่นตายแน่ๆ”
“ฉันเองก็อยากให้เขาชนะนะ แต่เขาไหวจริงหรอ”
“แกบ้ารึเปล่าเนี่ย บอกหน่อยสิมีเรื่องไหนที่พี่ซูเคยแพ้”
“แกจะบอกว่าพี่ซูคนที่ฝ่ากองเพลิงไปช่วยผู้คน คนที่ไปปรากฎตัวบนเครื่องบินอย่างน่าเหลือเชื่อเสี่ยงอันตรายเพื่อผู้คน
จะกลัวเพียงกะอีแค่คนญี่ปุ่นน้อยๆคนหนึ่งเนี่ยนะ ตอนนั้นนักเทควันโดที่มาหาเรื่องยังโดนอัดเละเป็นหมานอนกองกับพื้นเลย”
เหล่าแฟนคลับของซูจิ้งต่างก็ถือหางซูจิ้งเป็นการใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังกังวล
สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนคลับของซูจิ้งเองก็กังวลอยู่ไม่น้อยต่อให้เห็นข้อความอวยซูจิ้งมากมายขนาดนี้ก็ตาม
จะบอกว่าพวกเขาไม่สนับสนุนซูจิ้งก็ไม่เชิง พวกเขายังรังเกียจซูจิ้งซะด้วยซ้ำ
แต่ต่อให้พวกเขานั้นรังเกียจเดียดฉันท์ซูจิ้งมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แทบจะถือได้ว่าเป็นเรื่องระดับชาติพวกเขาแน่นอนว่าย่อมเข้าข้างซูจิ้ง
พวกเขาเพียงกังวลว่าหากเกิดการประลองกันจริงๆแล้วเกิดแพ้ขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องขายหน้า
แล้วยิ่งตอนนี้ ซูจิ้ง ผู้ที่ได้รับการยอมรับในวงการต่อสู้ของเมืองจีนประกาศลงมือเองขนาดนี้หากแพ้ขึ้นมาจะไม่ใช่ซูจิ้งขายหน้าคนเดียวแต่จะเป็นทำให้คนทั้งประเทศขายหน้า
นอกจากนี้ยังมีเหล่าดาราหลายคนที่ทราบเรื่องต่างส่งข้อความสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
มู่หรงเซียนเอ๋อส่งมาว่า “อาจิ้ง สู้ๆ”
เลาชงส่งมาว่า “พรุ่งนี้ฉันไปดูสีหน้าความพ่ายแพ้ของชาวญี่ปุ่นไร้ยางอายคนนั้น”
นาลันเฟยส่งมาว่า “ไม่ว่าจะยังไงก็ชนะให้ได้นะ”
ด้วยการนี้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังจนเริ่มเป็นที่จับตามองของเหล่าสำนักข่าวทั้งใหญ่เล็กทั้งในโลกแห่งความจริงและในอินเทอร์เน็ต
พวกเขาไม่เพียงแต่จะทำการรายงานข่าวแต่ยังเตรียมตัวถ่ายทอดสดการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ด้วย ไม่ว่าแต่สำนักข่าวแต่เหล่าผู้คนที่สนิทสนมเองก็ตั้งใจว่าจะไปดูกับตาตัวเองหรือบางส่วนก็ถึงกับขนาดตั้งตารอการสตรีมเลยทีเดียว
ขนาดดาวเด่นในวงการศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าระดับไหนก็ตามยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อน
ซูจิ้งที่กำลังดูความเคลื่อนไหวในอินเทอร์เน็ตอยู่ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นั่นก็เพราะว่าเรื่องแบบนี้ย่อมเป็นที่สนใจของประชาชน ยิ่งเรื่องนี้แพร่กระจายมากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลกับเขามากเท่านั้น
ซูจิ้งได้เรียกดูอัตราการใช้ประโยชน์ของฉิงหยุน
ตัวเลขในตอนนี้อยู่ที่ 378 และกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ
ค่าการใช้ประโยชน์ที่เขาได้รับจากหัวใจพระสูตรนั้นได้หยุดนิ่งไปนานแล้ว เขาเองก็ไม่ได้หวังผลอะไรกับหัวใจพระสูตรนั่นเท่าไหร่นัก
เขายังคงนึกมาเสมอว่าการผลิตปฏิสสารถือเข้าท่ามาตลอดจน ตราบใดที่เขายังหาคนมาขยายกำลังการผลิตและหาเงินต่อไปอย่างนี้ได้ ตอนนี้ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว พอจะดำเนินไปได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องทำอะไรมาก
แต่ในส่วนของอัตราการใช้ประโยชน์นี่สิที่เขาต้องใส่ใจมากขึ้น เพราะสำหรับเขาแล้วยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ยังต้องเรียนรู้หาทางต่อไป
เขาในตอนนี้ตั้งในว่าขั้นตอนต่อไปในการเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์เขาคิดจะใช้ “หมัดวัวคลั่ง” สร้างชื่อเสียงซึ่งนี่ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกจริงๆสำหรับเขาในงานส่วนนี้(อัตราการใช้ประโยชน์)
ถึงแม้ว่าเพลงหมัดนี้ด้วยตัวมันเองจะไม่ส่งผลอะไรมากมายก็ตาม
แต่เมื่อมันได้รับความนิยมเมื่อไหร่เพลงหมัดนี้สมควรจะเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
เมื่อเทียบกันแล้วหัวใจพระสูตรและรูปพระพุทธ ทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมในวงแคบ
แต่สำหรับเพลงหมัดนี้ชาวจีนทุกคนต่างก็นิยมชมชอบ
ถึงแม้จะมีคนตั้งใจฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จีนน้อยนิดแต่หากเขาสามารถทำให้เพลงหมัดนี้สร้างความประทับใจตราตรึงไว้ในใจคนได้ ต่อให้ไม่ได้ฝึกต่อสู้ก็ต้องมีการนึกถึงอยู่บ้าง
อีกทั้งเพลงหมัดนี้หากฝึกแล้วจะทำให้ทั่วทั้งร่างแข็งแกร่งหากมีคนเห็นย่อมอยากฝึกฝนเป็นธรรมดา ถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้จีนไปในตัว
“นายหญิงมา นายหญิงมา” ตอนนี้ต้ามู่และเสี่ยวมู่ได้บินมาหาซูจิ้ง เมื่อได้ยินดังนั้นซูจิ้งจึงได้ตรงไปที่ประตูเพื่อไปเจอฉือฉิง ที่ตอนนี้กำลังถูกล้อมรอบด้วยสัตว์เลี้ยงอยู่
“อาจิ้ง นายแน่ใจเรื่องชายญี่ปุ่นคนนั้นใช่รึเปล่า” ทันทีที่ฉือฉิงเห็นซูจิ้งเธอได้ถามออกมาด้วยความห่วงใย
เธอเองก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นแข็งแกร่งแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ เนื่องด้วยโลกภายนอกในตอนนี้กดดันซูจิ้งอย่างมาก หากเขาแพ้ย่อมต้องถูกกล่าวโทษอย่างแน่นอน
“อย่ากังวลไปเลยน่า เรื่องแบบนี้สำหรับฉันแล้วจัดการง่ายพอๆกับพลิกฝ่ามือนั่นแหล่ะ” ซูจิ้งยิ้มก่อนที่จะพูดออกมาต่อว่า
“อ้อแล้วก็ฉันน่ะจะสอนเพลงหมัดไว้ให้เธอใช้ป้องกันตัวเองนะ หลังจากเรียนรู้เพลงงหมัดนี้แล้วแม้แต่เธอก็ยังจัดการคนญี่ปุ่นคนนั้นได้ง่ายๆเลย”
“จริงหรอ โม้รึเปล่า” ฉือฉิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของซูจิ้งนักเพราะยังไงซะด้วยสรีระของผู้ชายและผู้หญิงนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่าว่าแต่จะต้องเจอกับคาราเต้สายดำเลย ต่อให้เจอผู้ชายธรรมดายังอยากต่อการต่อกร แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันเธอก็ยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
หากพูดถึงเรื่องศิลปะการต่อสู้แล้วเธอสนใจเรียนอย่างพวกท่าเท้าไร้เงามากกว่า นอกจากเหมาะกับเธอแล้ว ยังช่วยป้องกันตัวเองได้ด้วย
การที่ซูจิ้งบอกฉือฉิงว่าจะสอนเพลงหมัดให้นั้นถึงแม้จะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย
แต่เพลงหมัดนี้ไม่ใช่เพียงผู้ชายเท่านั้นที่ฝึกได้แม้แต่ผู้หญิงเองก็ฝึกได้เช่นกัน
แถมยังช่วยในการกระชับสัดส่วนได้ดีกว่าการเข้าฟิตเนสอีกด้วย
ฉือฉิงเองก็ยอมทำตามซูจิ้งมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกิน ดื่ม หรือแม้แต่การเรียนเพลงหมัดนี้ก็ตาม
ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นถือได้ว่าอยู่สูงกว่าคนทั่วไปเรียบร้อยร้อยแล้ว
ด้วยการแนะนำจากซูจิ้งทำให้เธอสามารถเรียนรู้ท่ามวยเพลงแรกได้อย่างรวดเร็ว
เธอใช้เวลาเรียนรู้เพียงชั่วโมงเดียว ฉือชิงก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทันที
นี่แค่เธอเรียนเพียงเพลงหมัดแรกเท่านั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีความแข็งแกร่งเกิดขึ้นในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
เช้าวันถัดมาซูจิ้งขับรถตรงไปยังหอจิงฮงในทันทีโดยมีฉือฉิงติดตามไปด้วยเพื่อที่จะเชียร์เขา
เมื่อไปถึงก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากมาออกันอยู่ที่หน้าประตูหอจิงฮงแล้ว ในนี้รวมไปถึงฮัวเฟยหยุน จี้เสียวถิง และไชวูเฟิง