Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 819
GGS:บทที่ 819 ของขวัญชิ้นที่ 2
ผู้คนที่อยู่ในงานต่างรุมล้อมดูหัวใจพระสูตรและพระพุทธอย่างอัศจรรย์ใจ
หู่ซิงหมิงเองก็ชอบภาพหัวใจพระสูตรนี้จะเผลอมองเป็นเวลานาน กระทั่งตั้งสติได้เขาก็รีบนำมันออกไป
เขาเองก็ยอมรับว่าของชิ้นนี้ที่ได้ว่าสุดยอดที่สุดในชีวิตที่เขาเคยได้
เขาได้เข้าไปจับมือกับซูจิ้งก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณซู ผมเองขอน้อมรับความจริงใจของคุณที่มีให้ผมในครั้งนี้จริงๆ แต่ยังไงซะของชิ้นนี้แพงเกินไป แพงเกินกว่าที่ผมจะยอมรับไว้ได้”
“ผู้ว่าการหู่ครับ ในสายตาของผมแล้ว สิ่งนี้ก็เป็นเพียงภาพพระพุทธรูปภาพหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ว่าคุณจะบอกว่าภาพนี้มีแค่สูงเสียดฟ้าหรือต่ำเรี่ยดิน แต่ยังไงซะสำหรับผมก็แค่ภาพแค่นั้น
เอาจริงๆราคาที่พวกคุณว่าๆกันว่าแพงนี่มันก็เพียงแค่ราคาที่พวกคนหน้าเบื่อตั้งมาเพื่อแย่งกันซื้อก็เท่านั้น อย่าเอามาวัดอะไรพวกนี้เลยนะครับ เอาจริงๆแล้วสำหรับผมนี่ก็เป็นเพียงแค่น้ำใจเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง โปรดรับเถอะครับ”
“ยังไงผมก็รับไว้ไม่ได้ครับ” หู่ซิงหมิงตอบปฏิเสธด้วยรอยยิ้มและยื่นหัวใจพระสูตรและพระพุทธกับคืนไปให้ซูจิ้งด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะอยากสักเท่าไหร่ ซูจิ้งเองก็เหมือนจะยอมแพ้ยอมรับกลับมา
เหล่าแขกผู้ร่วมงานต่างก็แอบชมเฉยผู้ว่าการหู่อยู่ในใจว่าเขานั้นสมกับเป็นคนที่ศึกษาพระธรรม ช่างควบคุมตัวเองได้ดีจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ารูปนี้สามารถขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านหยวนแน่ๆ ทั้งที่เป็นเพียงกระดาษที่มีรูปวาดตามที่ซูจิ้งว่ามาก็ตาม
เอาจริงๆต่อให้เขานั้นเป็นผู้ฝึกตนอยู่เป็นนิจก็ตามแต่เขาเองก็เกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยทีเดียว เขาเองก็อยากจะพูดสวนซูจิ้งไปซักหน่อยถ้าทำได้ว่า สำหรับคุณมีก็แค่กระดาษภาพวาด แต่สำหรับพวกผมนั้นมันคือเงิน 100 ล้านหยวน
“เฮ้ออออ ในเมื่อผู้ว่าการเมืองหู่นั้นไม่ยอมรับของขวัญของผมแล้วล่ะก็…. ไม่เป็นไร ความจริงผมก็เตรียมแผนสำรองมาไว้แล้วเหมือนกัน” ซูจิ้งพูดออกมา
“หนุ่มน้อย ฉันได้รับน้ำใจของเธอแล้ว อย่าลำบากอีกเลย” หู่ซิงหมิงพูดออกมาด้วยท่าทีน้ำลายฝืดคอเล็กน้อย
“ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ในเมื่อผมได้มายังที่นี่แล้ว ยังซะของขวัญวันเกิดสำหรับท่านผู้ว่าการเมืองยังไงก็ต้องมอบให้ให้ได้ พอดีผมทิ้งไว้ในรถครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปเอามาให้นะ ขอให้ท่านผู้ว่าการรอสักครู่เดียวเท่านั้น”
ซูจิ้งพูดเสร็จเขาก็รีบหมุนตัวแล้วทำการเดินด้วยความเร็วประดุจวิ่งร้อยเมตรไปยังบันไดในทันที
แขกหลายๆคนเริ่มรู้สึกอึกอัดมากขึ้น ชายคนนี้นอกจากจะเตรียมหัวใจพระสูตรและพระพุทธมาแล้ว ยังมีหน้าเตรียมแผนสำรองไว้อีกด้วย หมอนี่จะเล่นใหญ่ไปไหนกัน
หวังซือหยารีบตามไปจับซูจิ้งก่อนจะกระซิบออกมาว่า
“อาจิ้ง ฉันไม่คิดว่านายจะถึงขั้นเตรียมหัวใจพระสูตรและพระพุทธของจริงมาด้วย นายออกจะมากเกินไปหน่อยแล้ว
นายไม่รู้สึกว่ามันเจ็บปวดบ้างรึไงที่ต้องสูญเสียของดีๆแบบนั้นไป อย่าเอาไปให้ใครเลยนะ
โอเคต่อให้นายไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร แต่ฉันน่ะเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงทรวงในเลย
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ว่าการหู่เองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากนายแล้วนี่
ฉันว่าเขานั้นไม่มีทางที่จะยอมรับของขวัญราคาแพงอย่างแน่นอน เพราะหากเขากล้ารับไปก็เหมือนโยนตัวเองเข้ากองไฟเลยนะ”
“เอาน่า… ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” ซูจิ้งหัวเราะออกมาก่อนจะพุ่งลงบันไดไป หลังจากนั้นซักพักเขาได้ถือบางอย่างกลับมา มันถูกห่อเอาไว้อย่างมิดชิดทำให้ไม่มีใครสามารถที่จะมองเห็นมันได้ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นสายตาของทุกคนก็ทำได้เพียงจ้องติดตามไปที่เขาอย่างไม่วางตา
ตอนที่ซูจิ้งกลับลงไปนำของขวัญชิ้นที่สองมานั้น แขกในงานไม่มีใครหาญกล้านำของขวัญมามอบให้ผูว่าการหู่เลยซักคนเดียว มันเหมือนกับพลังงานบางอย่างกดดันพวกเขาไว้ไม่ให้เข้ามาแทรกกลางทางได้
“หมอนี่คงไม่ใช่ว่าจะนำของโคตรแพงมาเป็นของขวัญอีกนะ”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ ผู้ว่าการหู่เองก็ดูท่าจะชอบหัวใจพระสูตรและพระพุทธนั่นไม่น้อยเลยแต่ก็ยังปฏิเสธไป มันเหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่าของขวัญที่เขารับได้จะต้องไม่ใช่ของราคาแพง”
“ก็จริง ด้วยการที่ผู้ว่าการหู่นั้นมีตำแหน่งที่ใหญ่โต หากเขารับของแพงหูฉี่ภายในงานวันเกิดของเขาล่ะก็
เขาย่อมต้องโดนติฉินท์นินทาจนก่อให้เกิดปัญหาได้อย่างแน่นอน
ซูจิ้งเองก็ยังไม่ได้เป็นคนสนิทหรือเพื่อนของผู้ว่าการหู่แต่อย่างใด หากรับไปจริงๆยังไงก็ดูไม่ดี”
“นั่นสิ ยังไงซะ การให้ของขวัญเองก็จำเป็นต้องมีขีดจำกัดเหมือนกัน ครั้งนี้สมควรที่จะเป็นของขวัญแบบธรรมดาแล้วล่ะนะ”
เมื่อคนๆหนึ่งได้พูดจบ ซูจิ้งก็กลับเข้ามาในเวลางานเรียบร้อยแล้ว ซูจิ้งได้มอบกล่องอะไรบางอย่างให้กับผู้ว่าการหู่พร้อมพูดออกมาว่า “คราวนี้ไม่ใช่ของขวัญล้ำค่าแล้วครับ” เมื่อพูดจบประโยนชน์ เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะบอกออกมาว่า “สิ่งนี้ก็แค่เครื่องประดับจากทะเลเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ่า…ในที่สุด เท่านี้ก็พอแล้วล่ะ” หู่ซิงหมิงได้พูดออกมา
เขารีบแกะห่อของขวัญที่ซูจิ้งให้อย่างรวดเร็วต่อหน้าสาธารณชน เมื่อเขาเห็นของที่อยู่ในกล่อง เขาแทบจะเขวี้ยงทิ้งในทันที ส่วนคนที่อยู่รอบข้างนั้นต่างก็ร้องว้าววววออกมา
ช้างในนั้นคือไข่มุกจำนวน 8 เม็ด เป็นไข่มุกที่ดูเรียบเนียน ระยิบระยับ ดูกลมสวยงาม และมีขนาดใหญ่จนน่าอัศจรรย์
ไข่มุกทั้งแปดเม็ดส่องประกายจนแทบจะทำให้ตาบอดได้ ผู้คนที่เห็นต่างก็เปิดปากกว้างชนิดที่ว่าถ้ากรามของพวกเขายืดได้คงแต่ถึงพื้นไปแล้ว
สิ่งเนี้ยอ่ะนะที่เขากล้าบอกว่าของเล็กน้อย
“พระเจ้า นี่มันไข่มุกสีทอง”
“เป็นไปได้ไง มันใหญ่ขนาดนี้จนฉันนึกว่าเป็นทองจริงๆเลยนะ”
“เรื่องนั้น ฉันคิดว่าขนาดของมันอยู่ที่ราวๆ 20 มม. และทุกลูกกลมเกลี้ยงระยิบระยับ ลองคิดดูสิว่าจะมีไข่มุกที่มีสีทองที่ไหนใหญ่ขนาดนี้ แถมยังมีเยอะขนาดนี้ในคราวเดียวอีก ต้องเป็นของทำเองแน่ๆ”
“ลองดูผิวของมันที่เรียบลื่นสวยงามนี่สิ ถ้าเป็นทองจริงจะเรียบลื่นและสวยแบบนี้ได้ยังไง”
เหล่าผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเขาส่วนใหญ่นั้นต่างก็เป็นชนชั้นสูงที่เดินทางไปทั่วโลกพบเจอสิ่งต่างๆมากมาย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมรู้จักไข่มุกทองคำ เอาจริงขนาดทองคำแท้ๆยังมีค่าไม่เท่าไข่มุกทองคำเลย
ถึงแม้กับคนพวกนี้แล้วพวกเขาไม่เคยแยกออกว่าอันไหนที่เป็นไข่มุกทองคำอันไหนคือทองคำรูปไข่มุกก็ตาม แต่กับไข่มุกที่อยู่ตรงหน้านี้พวกเขาสามารถบอกได้เต็มปากว่ามันคือไข่มุกทองคำอย่างแท้จริง และมันเป็นระดับสูงสุดยอดอีกด้วย
“ท่านผู้ว่าหู่ อาจิ้ง ขอให้พวกเราดูใกล้ๆหน่อยได้รึเปล่า” ถังฮ่าวพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ซูจิ้งและหู่ซิงหมิงเองก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ไม่รอช้าอีกต่อไป ถังฮ่าวรีบตรงเขามายังไข่มุกทั้งแปดในทันที เขาหยิบถึงมือออกมาและสวมพวกมันอย่างรวดเร็ว
เขาหยิบอุปกรณ์ประจำตัวของเขาออกมาก่อนที่จะค่อยๆส่องอย่างละเอียดและเจริญหูเจริญตา แม้แต่ผู้อาวุโสวู่เองก็รีบมาร่วมด้วยพร้อมดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับ
ถึงแม้ว่าถังฮ่าวและอาวุโสวู่จะไม่ได้รับใบอนุญาตการประเมินก็ตาม แต่พวกเขานั้นมีประสบการณ์ที่ได้จากการเปิดร้านอัญมณีและการเก็บสะสมของต่างๆมาไม่น้อยเลย
ถึงแม้ว่าระดับการประเมินของพวกเขาจะต่ำไปหน่อยก็จริง แต่ยิ่งพวกเขาดูยิ่งรู้สึกตกใจ และในที่สุดพวกเขาก็ถึงกับตัวสั่นเมื่อประเมินเสร็จสิ้นแล้ว
“พระเจ้า พวกนี้คือไข่มุกทองคำแท้ๆ ของแท้และแน่นอน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นไข่มุกที่ใหญ่และสมบูรณ์ขนาดนี้”
ถังฮ่าวอดไม่ได้ที่จะพูดชมออกมา แม้กับคนที่ยังไม่เชื่ออยู่ในตอนนี้ก็ยังมีท่าทีตื่นเต้นตาม
หวังซือหยาและเฉิงหนานต่างก็มองหน้ากันด้วยความโง่งม
เตียนจงยี่ ผู้อาวุโสหวู่ ซุนหยูเฮงและคนอื่นๆก็มีท่าทางโง่งมไม่ต่างกัน
สี่ตระกูลหลักแห่งจังหวัดนี่ก็มีท่าทีโง่งมเช่นเดียวกัน
ถ้าไข่มุกทั้งแปดเม็ดนี้คือไข่มุกทองคำจริงๆล่ะก็ ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการก็ยังรู้ว่าราคาของมันสูงมาก
การผลิตไข่มุกทองคำได้นั้นมีอัตราที่ต่ำมาก และด้วยตัวมันเองที่มีความสวยอย่างที่สุด ราคาของไข่มุกชนิดนี้ก็แพงที่สุดเช่นกัน แพงงกว่าไข่มุกเม็ดสวยๆที่สีขาวนวลหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ราคาของไข่มุกทองคำนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเพื่อนำมาใช้ประเมินคุณภาพของไข่มุก ตัวอย่างเช่น ขนาด รูปร่าง ร่องรายพื้นผิว เป็นต้น
หากจะพูดง่ายๆก็คือมันต้องสวยเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น มีความเป็นประกายไม่ว่าจะมองด้วยตาเปล่าหรือแว่นขยายก็ตาม
อย่างไรก็ตามไข่มุกทองคำทั้งแปดเม็ดที่ซูจิ้งนำมานั้นมีความเหนือกว่าในทุกๆด้าน และที่สำคัญเพียงแค่คนได้มองมันก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่น นี่คือไข่มุกที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ทุกคนที่มองเหตุการณ์อยู่ในขณะนี้ต่างก็พูดไม่ออก ผู้ว่าการหู่เองก็เช่นกัน เขาก็ว่าบอกไปชัดแล้วว่าไม่สามารถรับของที่แพงๆได้
แล้วไอ้หมอนี่ยังกล้าส่งสมบัติแบบนี้มาอีก นี่ซูจิ้งไม่เข้าใจความหมายของเขาหรือว่าอยากจะก่อกวนเขาด้วยสมบัติมากมายกันแน่
“รีบวัดเร็วเข้าได้กี่มิลกัน”
ถังฮ่าวเองก็รีบกุลีกุจอรีบหยิบเครื่องมือของเขาออกมาวัดพวกมัน เมื่อวัดเสร็จแล้วเขาถึงกับต้องอุทานออกมาว่า “22 มม.”
“เป็นไป..ได้ยังไง” ผู้อาวุโสหวู่เองก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยิน เขาเองก็รีบเข้าไปวัดเองกับมือ ผลที่ได้คือค่าเดียวกันหมดนั่นคือไข่มุกทองคำทั้งแปดเม็ดมีขนาด 22 มม.
ผลที่ได้จากการวัดนี้ทำให้คนรอบข้างกำหมัดแน่นและหายใจอย่างรุนแรง