Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 840
GGS:บทที่ 840 ผลลัพธ์ที่ได้จากการวาดภาพ (2)
หลังจากที่เชิงชิเหยาได้เห็นสีหน้าของเหล่าสาวๆเพื่อนร่วมงานของเธอที่กำลังล้อมรอบตัวเธออยู่ในตอนนี้ที่ท่าทางจริงจัง เธอเองก็เริ่มลังเลที่จะบอกทุกคนว่าใครเป็นคนวาดเหมือนของเธอกันแน่
แล้วสมมติถ้าเธอบอกไปจริงๆแทบไม่มีทางเลยที่เพื่อนๆของเธอจะคิดกันไปไกลอย่างแน่นอน
“เข้าใจล่ะ ฉันขอเดาว่าคนที่วาดต้องเป็นฮวงจิงฮงแน่ๆเลยใช่รึเปล่า” โฉวเสวี่ยไม่รอฟังคำตอบของเชิงชิเหยาแต่อย่างใด เธอนั้นได้พูดออกมาในทันทีราวกับพึ่งจะนึกได้ว่าคนที่จีบชิเหยาในตอนนี้ก็มีแต่หมอนี่คนเดียวเท่านั้น
“ฮวงจิงฮง งั้นหรอ ใช่พ่อหนุ่มหล่อๆที่คอยมาเทียวรับเทียวส่งชิเหยาอยู่บ่ายๆนั่นรึเปล่า ได้ข่าวว่าเขาเรียนวาดรูปกับเธอด้วยนี่นา
ฉันเองก็ได้ยินมาว่าระดับการวาดภาพของเขาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะสูงขนาดนี้” หญิงสาวผมสั้นคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“โฮ่… นอกจากยังหนุ่มยังแน่นแล้วยังมีฝีมือดีอีกแหะ” หวังซือหยาพูดออกมาอย่างประหลาดใจ
“ไม่ใช่ฮวงจิงฮงนะ พวกเธอเข้าใจผิดแล้ว” เชิงชิเหยาส่ายหัวเป็นละวิง
ทันทีที่หวังซือหยาและโฉวเสวี่ยได้ยินทั้งสองหันควับไปยังเชิงชิเหยาในทันที ชิเหยานั้นยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า “คนที่วาดภาพนี้เป็นคนที่พี่ซือหยาและเสวี่ยน้อยเองก็รู้จักดีนะ”
“ห้ะ พวกเราก็รู้จักดีอย่างนั้นหรอ” ทั้งหวังซือหยาและโฉวเสวี่ยต่างก็อึ้งไปพร้อมกันทั้งสองคน
ทั้งสองได้พยายามนึกถึงคนที่มีความสามารถด้านการวาดภาพพู่กันจีนที่ทั้งสองน่าจะรู้จักในทันที แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
เต็มที่ที่ทั้งคู่พอจะรู้จักก็เป็นเพียงอาร์ตติสดีไซน์ทั้งนั้น ไม่มีใครที่มีฝีมือดีพอที่จะสร้างงานศิลป์ชั้นเลิศขนาดนี้ได้เลยซักคน
“ชิเหยา ไม่ต้องมาทำให้ไขว้เขวเลยนะ บอกมาตรงๆเลยดีกว่านี่ใช่ภาพเขียนของฮวงจิงฮงรึเปล่า” หวังซือหยาพูดออกมา
“ไม่ใช่จริงๆนะ” เชิงชิเหยาได้แต่หัวเราะและส่ายหัวอีกครั้ง ตอนแรกเธอได้ถูกทุกคนแกล้ง คราวนี้ตาเธอแกล้งกลับบ้างแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมบอกหรอก
“บนโลกนี้จะมีใครอีกเนี่ย”
“บอกมาเลยนะ ไม่ต้องมาทำเป็นมีความลับเลย”
เหล่าสาวๆที่อยู่รอบๆเธอในตอนนี้ต่างก็หมั่นเขี้ยวเธอ พวกเธอรีบตรงมาแกล้งจั๊กจี๋เธอเป็นการใหญ่
“ก็ได้ก็ได้ หยุดได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า บอกแล้ว บอกแล้ว” เชิงชิเหยาในตอนนี้ไม่อาจต้านทานมวลหมู่เหล่านิ้วมือที่ยื่นจากเพื่อนของเธอที่ตรงเข้ามาจั๊กจี๋เธอเพราะทุกคนต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเธอนั้นบาจี้ขนาดไหน ทำให้เธอยอมพร้อมอย่างรวดเร็ว เธอพักหายใจหายคอก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ภาพนี้คุณซูเป็นคนวาดน่ะ”
“ห้ะ อาจิ้งเหรอ” หวังซือหยาและโฉวเสวี่ยได้อุทานออกมาพร้อมกัน
“อาจิ้ง เธอหมายถึงพี่น้องนอกไส้ของพี่ซือหยานั่นน่ะเหรอ” สาวๆทุกคนที่ได้ยินดังนั้นต่างก็คิดว่าได้ยินผิดไป
“ใช่แล้ว” เชิงชิเหยาพยักหน้ารับ
“เป็นไปไม่ได้น่า ฝีมือการวาดภาพของอาจิ้งนั้นอยู่แค่ในระดับคนธรรมดาสามัญเท่านั้นเองนะ
ก็จริงที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะออกแบบเสื้อผ้าให้ฉันหลังจากเริ่มหัดออกแบบเสื้อผ้าได้ไม่นานเท่าไหร่
แต่กับภาพเขียนพู่กันจีนแบบนี้ ต่อให้เรียนรู้เร็วยังไงก็ไม่น่าที่จะถึงระดับนี้ได้หรอก” หวังซือหยาพูดออกมา
“ใช่แล้วล่ะ ฉันเองก็เห็นตอนอาจิ้งวาดเหมือนกัน ฝีมือของเขาก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรเลยนะ” โฉวเสวี่ยเองก็สำทับออกมาว่าไม่เชื่อเหมือนกัน
“เขาเป็นคนวาดจริงๆนะ เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน ฉันได้ไปทำท่าทีว่าจะวาดรูปแล้วเขาเห็นก็เลยสนใจ
พอคุยไปคุยมาฉันก็ได้รู้ว่าเขาให้ความใจในงานศิลป์แขนงนี้มากๆ ฉันก็เลยแนะนำให้เขาไปเรียนด้วยกัน
ตอนแรกๆเขานั้นก็ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ เอาจริงๆเขาก็แค่เป็นคนที่เริ่มหัดวาดเท่านั้นแหละ
แต่หลังจากเรียนได้แค่วันเดียว ความสามารถประดุจดั่งร่างอวตาลของปีศาจของเขาก็ได้ซึมซับเทคนิคของพ่อฉันที่สอนเขาไปในวันนั้นจนหมด
หลังจากวันนั้นพ่อของฉันเองก็คอยชี้แนะเขาอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเมื่อวานนี้เองที่เขาเริ่มวาดภาพเขียนพู่กันจีนที่งามเลิศขนาดนี้ออกมาได้เป็นชิ้นแรก”
เชิงชิเหยาเล่าเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาได้อย่างชัดเจนและไม่ติดขัดทำให้ดูน่าเชื่อถืออย่างมาก
“หมายความว่าเขาเรียนเพียงอาทิตย์เดียวก็มีฝีมือมาถึงระดับนี้แล้วเนี่ยนะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
“ไม่ใช่ว่าการวาดภาพเขียนพู่กันจีนนั้นยากมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจะไปเรียนรู้ได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน ชิเหยาเธอไม่ต้องมาหลอกพวกเราเลยนะ”
หวังซือหยา โฉวเสวี่ย และคนอื่นๆต่างก็ไม่เชื่อเรื่องที่ชิเหยาเล่า พวกเธอเองก็รู้จักปีศาจร้ายที่กล่าวถึงมานี้ดีพอสมควรแล้ว ทำให้ไม่มีทางที่พวกเธอจะเชื่อคำพูดของชิเหยาได้ลง
นั่นก็เพราะตั้งแต่รู้จักปีศาจร้ายตนว่ามา เขานั้นแทบจะไม่เคยแสดงฝีมือในงานศิลป์ขั้นเทพขนาดนี้เลยสักครั้ง เรื่องนี้มันเกินสามัญสำนึกของคนทั่วไปเกินไปแล้ว
“จริงๆนะ นอกจากฉันแล้วเขายังวาดรูปเหมือนสาวงามไว้อีกหลายคนเลย พี่ซือหยาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ หากพี่ไม่เชื่อพี่ลองโทรหาแล้วให้เขาส่งรูปมาให้พี่ดูก็ได้นะ” เชิงชิเหยารีบพูดออกมาเพราะเธอเองก็เริ่มเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว
หวังซือหยานั้นต้องการที่จะรู้คำตอบเรื่องนี้จริงๆจนเธอเองต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะถามซูจิ้งเรื่องนี้ให้ได้
แต่ในทันที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั้น เธอก็ได้เห็นในทันทีว่าซูจิ้งได้โพสต์อะไรในไมโครบลอคของเขาได้ซักพักหนึ่งแล้ว
เธอได้กดเข้าไปเพื่อดูว่าซูจิ้งได้โพสต์อะไรลงไปกัน แม้แต่โฉวเสวี่ยและคนอื่นๆเมื่อเห็นสิ่งที่ซูจิ้งโพสต์จากที่ไกลๆ ทั้งหมดต่างเดินเข้าไปเดินดูใกล้ๆในทันที
เมื่อเห็นสิ่งที่ซูจิ้งโพสต์ชัดๆแล้ว ทุกคนก็ได้แต่ทำหน้ามึนๆกันไปหมด
ซูจิ้งได้ลงข้อความในไมโครบลอคของเขาไว้ว่า
“หลังจากได้เรียนรู้ภาพวาดพู่กันจีนเป็นเวลาเจ็ด…ไม่ก็แปดวันนี่แหล่ะ ในที่สุดฉันก็ทำได้สักที ฉันวาดภาพสำเร็จจนได้
ภาพเหล่านี้คือภาพวาดพู่กันจีนที่ฉันได้วาดเสร็จแล้ว ถึงมันจะน้อยไปหน่อยต่อก็ขอความเห็นจากทุกคนด้วยนะ” ตามมาด้วยรูปภาพของภาพวาดพู่กันจีนอีกจำนวนหนึ่ง
ภาพแรกเป็นภาพเหมือนของเชิงชิเหยา
ภาพที่สองเป็นภาพของเฉินรั่วหลิน
ภาพที่สามเป็นภาพของเฉิงหนาน
ภาพที่สี่เป็นภาพของเหว่ยเสี่ยวหยวน
ภาพที่ห้าเป็นภาพของหวังซือหยา
ภาพที่หกเป็นภาพของมู่หรงเซียนเอ๋อ
และภาพที่เจ็ดเป็นภาพของฉือชิง
หลังจากได้เห็นภาพสาวทั้งเจ็ดภาพนี้ ทุกภาพต่างงดงามราวกับดอกไม้ ไม่สิราวกับเทพธิดาเลยก็ว่าได้
หวังซือหยา โฉวเสวี่ย และคนอื่นๆเองเมื่อเห็นภาพนี้แล้วต่างก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
นี่คือผลงานของซูจิ้งจริงๆอย่างนั้นหรอ ยิ่งไปกว่านั้น หากเทียบกับภาพวาดอีกหกภาพแล้ว ภาพเหมือนของเชิงชิเหยานั้นยังถือได้ว่าขี้เหร่ที่สุดในหมู่สาวงามพวกนี้แล้ว
และภาพสาวงามในแต่ละลำดับถัดมา จะเห็นว่าความสวยงามของสาวงามในภาพจะทวีความสวยยิ่งขึ้นเป็นลำดับไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพสุดท้ายที่สวยงามราวกับเทพธิดาที่กำลังนั่งอยู่ในหมู่เมฆาเลยก็ว่าได้
หวังซือหยาได้รีบโทรไปหาซูจิ้งในทันทีที่ตั้งสติได้ ทันทีที่เขารับสายเธอได้พูดออกไปในทันทีว่า
“อาจิ้ง นี่นายวาดรูปเหมือนพวกนั้นจริงๆหรอ”
“ใช่แล้ว” ซูจิ้งพูดตอบออกมาอย่างสบายอารมณ์
“แล้วภาพของฉันยังอยู่กับนายรึเปล่า” หวังซือหยาถามต่อ
“แน่นอนสิ ไม่อยู่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนกัน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบรึเปล่านะแต่ถ้าเธออยากได้ล่ะก็ยินดีมอบให้แต่โดยดีจ้ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“แหงสิ รีบเอามาเลย” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
โฉวเสวี่ยและคนอื่นๆเมื่อได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
แต่เรื่องนี้พวกเธอเองก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆกับการที่พวกเธอไม่สามารถมีรูปเหมือนชั้นเลิศแบบนี้ได้
หากจะโทษก็ต้องโทษพวกเธอเองที่ไม่สวยเท่าเชิงชิเหยาและหวังซือหยาจนทำให้สามารถต้องตาต้องใจของซูจิ้งได้แบบนี้
“พี่ชิง พี่ลองดูไมโครบลอคของพี่จิ้งสิ” ณ ร้านขายเสื้อผ้าหลงเต็งได้มีเสียงของสาวน้อยคนหนึ่งตะโกนดังลั่นร้าน
“มันก็แค่ไมโครบลอคน่า จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นเนี่ย” ฉือชิงยิ้มออกมา
“ถ้าพี่เห็นเองพี่ก็จะรู้แหล่ะว่าฉันตื่นเต้นเรื่องอะไร” สาวน้อยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉือชิงก็รู้สึกทะแม่งๆเล็กน้อย เธอได้หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาเพื่อจะได้ดูว่าซูจิ้งก่อเรื่องอะไรอีกกันแน่
เธอได้เปิดไมโครบลอคของซูจิ้งซึ่งในตอนนี้ทั้งดงเจี๋ยและคนอื่นๆเองก็รายรอบรุมดูอย่างตั้งใจ
เมื่อพวกเธอได้เห็นภาพเจ็ดสาวงามก็ต้องถึงกับอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกกันเลยซักคน
“ว้าวววววว สวยชะมัดเลย”
“พี่ชิง พี่จิ้งเขาวาดรูปอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ”
“ก็จริงที่หมดนี่วาดรูปได้ดี แต่การที่วาดสาวงามมากมายขนาดนี้นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”
“ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรนี่นา ยังไงซะที่สวยที่สุดก็เป็นภาพวาดของพี่ชิงของพวกเราอยู่แล้ว ลองดูดีๆสิ ภาพวาดของคนอื่นนั้นสวยสู้พี่ชิงไม่ได้เลยสักคน”
ฉือชิงในตอนนี้ทำได้แต่กะพริบตาปริบเท่านั้น ถ้าจะให้พูดจริงๆก็คือในทันที่เธอได้เห็นภาพเจ็ดสาวงาม
เธอเองก็รู้สึกหึงหวงเล็กน้อยเหมือนกัน แต่ทันทีที่เห็นภาพของเธอที่อยู่หลังสุดแล้วเธอรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
เอาจริงๆถ้าเกิดว่าไม่ใช่คนที่เมามายหรือจิตใจหยาบช้าต่ำทรามจริงๆล่ะก็ พวกเขาจะเห็นได้ด้วยตาตัวเองเลยว่าภาพวาดแต่ละรูปนั้นมีระดับสวยงามที่ไม่เท่ากัน
และภาพวาดของเธอเองก็ถือได้ว่าสวยที่สุดแล้ว แล้วหากสังเกตดีๆก็จะพบอีกว่าภาพของเธอนั้นดูละมุนพิถีพิถันกว่ารูปวาดของคนอื่นอย่างมาก
ฉือชิงได้โพสต์ถามไว้ในช่องโต้ตอบของซูจิ้งในไมโครบลอคว่า “อาจิ้ง นี่นายเป็นพวกเก็บสะสมสาวงามรึไงกัน แต่เห็นแก่ว่าวาดภาพฉันได้งามหรอกนะ ฉันจะยกโทษตายนี้ไว้ให้ เก็บรูปของฉันไว้ให้ด้วยล่ะ”
“เซียนเอ๋อ ซูจิ้งโพสต์ไมโครบลอคเกี่ยวกับเธอด้วยล่ะ” ผู้ช่วยแสนสวยของมู่หรงเซียนเอ๋อได้ตะโกนลั่นบ้านของเธอ
“ว่าไงนะ” มู่หรงเซียนเอ๋อเมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ได้หยุดทำทุกอย่างและได้รีบเปิดมือถือของเธอดูในทันที
เมื่อเธอได้รูปเหมือนของเธอที่ซูจิ้งวาดนั้น เธอได้ทำตาปริบๆในทันที เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะเอารูปของตัวเองไปเปรียบเทียบกับรูปของฉือชิง ถึงแม้จะไม่สวยเท่าแต่ยังไงซะเธอนั้นก็ยังชอบรูปเหมือนของเธอที่ซูจิ้งวาดอยู่ดี
มู่หรงเซียนเอ๋อได้โพสต์ข้อความในไมโครบลอคของซูจิ้งว่า “อาจิ้ง ฉันขอรูปของฉันได้รึเปล่า”
ทั้งเฉินรั่วหลิน เฉิงหนาน และเหว่ยเสี่ยวหยวน ทั้งสามคนต่างก็ได้เห็นภาพเหมือนของตัวเองที่ซูจิ้งวาดแล้ว และพวกเธอต่างก็ต้องการภาพเหมือนของตัวเองไปเก็บเอาไว้ในทันที
ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้คนที่ติดตามเรื่องราวในอินเตอร์เน็ตนั้น ทันทีที่ทุกคนได้เห็นข่าว “ภาพวาดเจ็ดเทพธิดา” จากเว็บเว่ยป๋อแล้ว ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด
ตอนนี้ช่องข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แทบจะลุกเป็นไฟเนื่องจากมีคนหลั่งไหลเข้าไปให้ความเห็นอย่างต่อเนื่อง