Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 868
GGS:บทที่ 868 ของขวัญชิ้นที่สอง
หวังซวนจี้อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้มหลังจากหายตะลึงจากของขวัญชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ซือหยาบอกซูจิ้งไปแล้วว่าไม่ต้องหาอะไรแพงๆมาให้เขา แต่ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่ยอมฟังง่ายๆ
แต่ยังไงซะเขาเองก็ตั้งในจะรับของชิ้นนี้ไว้อยู่ดี อย่างแรกเขาชอบของขวัญชิ้นนี้มากๆ อย่างที่สองซูจิ้งนั้นมีสมบัติมากมาย สำหรับคนทั่วไปแล้วงานไม้แกะสลักชิ้นนี้สมควรมีค่ามหาศาล แต่กับซูจิ้งนั้นสมควรไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น อย่างที่สาม ซูจิ้งนั้นยังไงก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดคนของเขา เขาจะมาหักหน้ากับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง
“อาจิ้ง ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่าอะไรหรือ” หวังซวนจี้ถามออกมา
“ดินแดนแห่งภูตบนโลกมนุษย์” ซูจิ้งพูดออกมา
งานแกะสลักชิ้นนี้เขาเองก็ได้มาจากเผ่าเอลฟ์ที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริง
เมื่อวันก่อนนั้นตอนที่เขากำลังคัดเลือกขยะอยู่นั้น เศษงานชิ้นนี้ที่เขาเจอมันสวยมากจนอดใจไม่ไหวให้เสี่ยวไป๋ช่วยซ่อมให้
ตอนนั้นเองทำให้เขานั้นรู้สึกอัศจรรย์ในตัวเผ่าพันธุ์นี้จริงๆ พวกเขาที่อยู่ระหว่างธรรมชาติและเผ่ามนุษย์มาอย่างยาวนานจนสามารถสื่อออกมาในงานศิลป์ชิ้นนี้ได้ เขาจึงได้ตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ตามอารมณ์ศิลป์ที่สื่อออกมา
“เป็นชื่อที่ดีจริงๆ ขอบคุณของขวัญของนายชิ้นนี้มากๆ ฉันจะรับมันเอาไว้” หวังซวนจี้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ดีจริงๆ หากท่านไม่รับของขวัญผมชิ้นนี้ล่ะก็จนต้องขนกลับไปยังเมืองจงหยุนนี่ ผมคงต้องยุ่งยากไม่น้อยเลย” ซูจิ้งยักไหล่ออกมา ก่อนจะพูดออกมาว่า “งานชิ้นนี้มันหนักมากจนทำให้คนที่เห็นถึงกับพูดไม่ออกไปเลย หากว่าท่านผู้อาวุโสหาคนเคลื่อนย้ายเข้าบ้านไม่ได้จริงๆล่ะก็ บอกผมแล้วกันเดี๋ยวผมจะจัดการให้”
หลายๆคนในที่นี้รวมถึงซุนหยูเฮงรู้สึกสับสนไปในทันที่ว่า ทำไมซูจิ้งถึงได้พยายามดูแลสมบัติของเขาอย่างดี แต่เขาเองก็ดูเหมือนไม่เห็นค่าของพวกมันแม้แต่น้อย
ถึงจะเห็นอย่างนั้น แต่เขาก็สามารถหาของแบบนี้ออกมาได้เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่สองสามชิ้น แต่หลายชิ้นมากๆ เขาช่างเป็นคนที่พระเจ้ารักใคร่จริงๆ และดูเหมือนว่าคนธรรมดานี่ไม่มีทางได้สมบัติแบบเขามาได้แน่นอน
“เอาล่ะครับในเมื่อสมบัติชิ้นแรกผ่านไปแล้ว ต่อไป…” ซูจิ้งพูดออกมา
“ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าแค่ของชิ้นนี้ฉันก็พอใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้อะไรอีก” หวังซวนจี้ยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติในทันที
หวังหลี่และหวังยี่ในตอนนนี้เริ่มมองซูจิ้งด้วยใบหน้าอึ้งๆ ลุงสี่นี่มาจากไหนกันเนี่ย แค่งานไม้แกะสลักชิ้นนี้ก็สามารถสร้างความตื่นตระหนกให้กับโลกนี้ได้แล้ว แต่เขายังบอกว่ามีของขวัญจะให้อยู่อีก แล้วอย่างนี้พวกเขาที่ให้ของขวัญต่อจากลุงจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน
“ก็แค่ของขวัญชิ้นเล็กๆเองครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ของที่ออกมาจากมือของนายมีของที่เรียกว่าเล็กได้ด้วยเหรอ!” หวังจ้าวและหวังซือหยาบ่นอุบออกมา
“มันเป็นของชิ้นเล็กๆจริงๆนา” ซูจิ้งพูดพร้อมนำกล่องเล็กๆออกมากล่องหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาว่าเป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งเปิดกล่องให้ดูของข้างใน
คนที่อยู่โดยรอบต่างเบิกตาเพื่อมองดูว่ามันคืออะไรกันแน่ก่อนที่จะพูดคุยกันระงมไปทั่ว
ของข้างในกล่องนี้มันทีดูธรรมดาจริงๆ ไม่สิธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดาซะอีก ข้างในนั้นเป็นไปป์ยาสูบสีดำที่ดูธรรมดามากๆ ละข้างๆกล่องนั้นมีใบไม้เล็กๆที่ถูกตัดครึ่ง เท่าที่เดากันน่าจะเป็นใบยาสูบ
“อาจริง ใบไม้นี่คือใบอะไรกัน” หวังจุ่นมองด้วยสายตาเป็นประกาย คนอื่นๆอย่างหวังซวนจี้ หวังจุ่น หวังเจิ้ง และคนอื่นๆในตระกูลหวังเองต่างก็มองด้วยสายตาที่เปล่งประกายไม่แพ้กัน
แต่กับคนอื่นๆนั้นพวกเขาต่างก็สังสัยว่าทำไมต้องถามออกมา พวกเขาแค่มองก็พอจะรู้ว่าใบที่วางข้างไปป์กับต้องเป็นใบยาสูบสิ จะเป็นอย่างอื่นไปได้ด้วยหรอ
มีเพียงหวังจ้าวเท่านั้นที่ดูอยู่เฉยๆไม่มีท่าทีอะไรออกมา
“ทำไมกับอีแค่ใบไม้พวกนายถึงได้ดูให้ความสนใจมันกันจังล่ะ” หลี่เทียนเฮอถามออกมาอย่างสงสัยใคร่รู้
“ก่อนหน้านี้ซูจิ้งได้ให้ใบไม้มาเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ชงชาและทำเป็นยาสูบ ตอนที่ทำเป็นชานั้นนอกจากมันจะอร่อยมากแล้วมันยังช่วยฟื้นฟูจิตใจอีกด้วย
มันทำให้จิตใจรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังราวกลับว่ากลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้งถ้าฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นคนเดียวด้วย แต่ตอนเอาไปทำเป็นยาสูบนี้ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
ถึงแม้ว่ามันจะสดชื่นเหมือนกันแต่รสชาติมันกลับเหมือนยาสูบทั่วไปฉันก็เลยคิดว่าน่าเสียดายเกินไปที่จะทำเป็นยาสูบ
ที่น่าสนใจมากกว่าหน่อยนึงก็คือฉันเลิกสนใจบุหรี่ทั่วไปไปเลย จนฉันเลิกบุหรี่ได้อย่างน่าประหลาดเหมือนกัน
แม้ตอนนั้นฉันจะติดบุหรี่อย่างหนักแต่รสชาติของพวกมันก็ยังกร่อยๆไม่เหมือนกับใบไม้ของซูจิ้งเลยสักนิดฉันเลยเบื่อจนเลิกสูบไปเอง” หวังซวนจี้พูดออกมาพลางทำท่าระลึกความหลังอย่างสดชื่น
“ขนาดนั้นเลยหรือ” หลี่เทียนเหอพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อขนาดไหนก็ตาม เขาเองก็อดใจไม่ไหวจนต้องถามออกมา
ใบไม้ที่ทำได้ทั้งชาและเป็นยาสูบ เมื่อดื่มก็ฟื้นฟูจิตใจ เมื่อสูบก็รู้สึกสดชื่น รสชาติที่ไม่ธรรมดาแถมยังเทียบได้กับบุหรี่ทั่วไปอีก หากมีใบไม้ที่เจ๋งขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้จริง ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ
“ไม่ ไม่ไม่ ไม่ใช่ครับ ใบไม้นี้ไม่เหมือนใบพวกนั้นครับ” ซูจิ้งส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาว่า “ใบไม้นั้นเหมาะกับการดื่มชามากกว่าครับ ส่วนใบนี้สิถึงจะเหมาะกับการสูบยาของจริง”
“อาจิ้ง นี่นายยังกล้าเอาใบยาสูบมาให้พ่อทั้งๆที่เขาเลิกสูบไปแล้วเนี่ยนะ” หวังเจิ้งพูดออกมา
“พี่ใหญ่ยังมอบไปป์เลยไม่ใช่หรอ” ซูจิ้งพูดตรงประเด็นเพื่อลุกคาดในทันที
“อะฮึ่ม ไปป์ของฉันมันเป็นของโบราณต่างหากล่ะ มันเหมาะกับการเก็บสะสมไม่ใช่ไว้สูบสักหนอ่ย” หวังจุ่นพยายามแก้ตัวออกมา พลางมองไปยังหวังเจิ้งด้วยสายตาอาฆาตนิดหน่อย
“ฮ่าฮ่า เอาน่า ผมไม่มอบใบยาสูบธรรมดาให้หรอก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน เอาเป็นลองสูบดูเองก็แล้วกันครับ” ซูจิ้งส่งกล่องให้หวังซวนจี้
หวังซวนจี้รับมาอย่างว่าง่าย สิ่งแรกที่เขาทำก็คือยกกล่องขึ้นไปเพื่อสูดกลิ่นของใบยาสูบ ทันทีที่สูดเข้าไปหนังตาของเขาก็กระตุกเล็กน้อยนั่นก็เพราะว่ามันหอมมาก
เขาหันไปมองซูจิ้งอีกครั้ง ก่อนที่จะไม่รอช้ารีบหยิบไปป์ขึ้นมาแล้วใส่ใบยาสูบที่ซูจิ้งให้อย่างไม่รีรอ โดยมีหวังจุ่นจุดไฟให้เขาด้วยสายตาที่คาดหวัง
“อาเจิ้ง นายพอจะรู้รีเปล่าว่าเขาสูบอะไรกันแน่” หลี่เทียนเฮออดไม่ได้ที่จะถามหลี่เจิ้งที่อยู่ข้างๆ
“ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนกันครับ มันดูต่างจากใบยาสูบที่ผมรู้จักทั้งหมดเลย” หลี่เจิ้งส่ายหัวออกมา
เขานั้นในฐานะ ผอ.ขององค์การยาสูบแห่งรัฐนั้น ต่อให้เขาไม่ได้เป็นคนปลูกก็จริง
แต่เขาเองก็รู้จักใบยาสูบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ เวอร์จิเนีย เตอร์กิช เบอร์เลย์ หรือแม้แต่ขั้นตอนการบ่มอย่าง บ่มไอร้อน บ่มแดด บ่มอากาศ
หากเป็นยาสูบในสายพันธุ์พวกนี้ ต่อให้ผ่านการบ่มมาแล้ว เขานั้นก็ต้องจำได้อย่างแน่นอน แต่เขาเองไม่คุ้นเคยกับใบยาที่ซูจิ้งนำมาเลยสักนิด
คนอื่นๆเองเมื่อได้ยินและได้เห็นดังนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความสนใจ เท่าที่ทุกคนฟังดูแล้วไม่ใช่เพียงใบนี้ไม่ใช่ใบยาสูบธรรมดา แต่ฟังดูเหมือนไม่ใช่ใบยาสูบ
มีบรรดาคนใหญ่คนโตหลายๆคนที่นำบุหรี่ราคามาแพงมามอบเป็นของขวัญเหมือนกันแต่หวังซวนจี้ไม่ได้มีท่าทีจะสูบแต่อย่างใด ไม่ว่าบุหรี่เหล่านั้นจะราคาแพงแค่ไหนก็ตาม
แต่นี่กับของซูจิ้งที่ดูธรรมดาสามัญมากๆแต่ท่าทางของหวังซวนจี้กลับทำท่าเหมือนอดยากมานานแบบนี้คงไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ
ตอนนี้หวังซวนจี้ได้สูบใบยาที่เผาไหม้ไปอย่างเต็มปอดและพ่นควันออกมา ท่าทางของเขาสดชื่นและไม่ได้มีท่าทีรู้สึกว่ายาสูบนี้ไม่ดีแต่อย่างใด
คนอื่นๆเองที่ได้กลิ่นก็อดไม่ได้จะสูดเข้าไปอย่างเต็มปอด มันราวกับว่าควันที่สูดเข้าไปในใจของพวกเขาก็รู้สึกบางอย่างก่อนที่จะหายไปในทันที
“พระเจ้า สุดยอด”
“กลิ่นนี่มันช่างหอมสดชื่นจริงๆ”
“ฉันสำรักตลอดเลยนะเวลาได้กลิ่นควันบุหรี่ แต่ควันนี้มันช่างให้ความรู้สึกดีจริงๆ”
“ทำไมมันหอมขนาดนี้เนี่ย นี่มันควันยาสูบจริงๆหรอ”
“หรือว่าจะเป็นใบยาเตอกริช?
“ไม่นะ ฉันเคยสูบใบยาเตอกริชมาแล้ว กลิ่นของมันไม่ได้หอมขนาดนี้”
ทุกคนในตอนนี้ต่างพูดถึงยาสูบของซูจิ้งกันไปหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่สูบบุหรี่หรือไม่ก็ตาม
กลิ่นหอมที่พวกเขาได้สูดเข้าไปนั้นมันหอมแต่มันก็ไม่เหมือนกลิ่นดอกไม้ ไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอม มันเหมือนกับกลิ่นของใบยาสูบแท้ๆแบบไม่ผ่านการเผา มันไม่เหมือนกลิ่นบุหรี่ทั่วไปด้วยเพราะพวกเขาหลายคนดมเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เกิดการสำลักออกมา
“ใบยาที่ดี” หวังซวนจี้อดไม่ได้จนต้องพูดออกมา
“เอ่ออออ… เพื่อนเอ๊ย ขอสักปื๊ดสิ” หลี่เทียนเหอในตอนนี้มองไปที่ไปป์ที่อยู่ในมือของหวังซวนจี้ พลางสบตาของหวังซวนจี้สลับกันไป เขาเองเมื่อได้กลิ่นเมื่อครู่นี้ไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ในฐานะคนที่สูบมานานเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“คุณซู นี่มันใบยาสูบพันธุ์ไหนกันแน่ครับ” หลี่เจิ้งเองก็ถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ใบยาสูบนี้ได้ไปสะกิดความสนใจให้กับผอ.องค์การยาสูบแห่งรัฐและผู้จัดการของบริษัทยาสูบแบบเขาได้จริงๆ