Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 883
GGS:บทที่ 883 ตกตะลึง
“หนึ่งหมื่นสองพันปี บ้าน่า เป็นไปได้ยังไง” เอี่ยป๋อดูที่ผลการทดสอบถึงทำหน้าโง่งมออกมา
“น่าจะมีอะไรผิดพลาดรึเปล่า ลองดูอีกทีสิ” โจวซิเหยียนส่ายหัวอย่างไม่ยอมรับก่อนที่จะให้ผู้ช่วยตรวจสอบดูกระบวนการทดสอบดูว่ามีปัญหาตรงไหนรึเปล่า แต่ผู้ช่วยเถียงออกมาว่านี่ก็ทดสอบมาสามรอบแล้วจะทดสอบอีกเพื่อ?
“ห้ะ อายุหนึ่งหมื่นสองพันปีจริงๆหรอเนี่ย พระเจ้าเถอะ” เอี่ยป๋อถึงกับตกใจจนสะดุ้งเฮือก
“เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไงกัน” โจวซิเหยียนโวยวายออกมา เขาพยายามปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้ แต่ผู้ช่วยของเขานั้นก็ทำได้แต่มึนตึงใส่
เป็นที่รู้กันดีว่าประวัตศาสตร์ของมนุษยชาติที่พอเก็บไว้เป็นหลักฐานเอาไว้ได้นั้นมีเพียงไม่กี่พันปีก่อนเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นชาติจีน อินเดีย อียิปต์ บาบิโลน หรือที่เรียกกันสี่อารยธรรมยุคโบราณ แต่ที่มีบันทึกไว้ก็มีมากสุดเพียงหกพันก่อนเท่านั้นเอง
การที่อยู่ๆมีงานแกะสลักศิลป์ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ออกมาแบบนี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
หากนับดูตามช่วงเวลาแล้วมนุษย์สมับนั้นสมควรจะทำตัวเยี่ยงสัตว์ป่าอยู่เลย จะไปสามารถสร้างงานแกะสลักหินที่ดูสวยงามแบบนี้ได้ยังไงกัน นี่เป็นงานก่อนยุคประวัติศาสตร์จริงๆงั้นหรอ
เมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือผลงานที่หลงเหลือจากอดีตกาล ตอนนี้ทั้งเอี้ยป๋อ โจวซิเหยียน และผู้ช่วยของเขาต่างก็ตื่นเต้นตกใจกันขึ้นมา
ความจริงมันก็พอมีหลักฐานหลงยุคแบบนี้ออกมาอยู่หลายชิ้น แต่ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วไม่ได้รับการยอมรับเพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ก็เกิดจากเรื่องบังเอิญเท่านั้น
แต่หลักฐานชิ้นที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นกลับถูกประเมินและพิสูจน์ได้อย่างไม่มีปัญหาแม้แต่น้อยจะไม่ให้พวกเขาไม่ตื่นเต้นได้ยังไงกัน
“ไม่ รูปปั้นจะปล่อยไว้ที่นี่ไม่ได้ เราต้องเคลื่อนย้ายกลับไปยังสถาบันโบราณคดีทันที” โจวซิเหยียนพูดออกมา
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะยอมส่งรูปปั้นนี้ไปยังสถาบันโบราณคดีกัน รูปปั้นนี้ต้องถูกส่งไปยังสถาบันบรรพชีวินวิทยาเท่านั้น” เอี่ยป๋อค้านแบบหัวชนฝา
“ห้ะ แหกตาดูก่อนสิว่าตรงไหนที่มันบ่งบอกว่าเกี่ยวกับบรรพชีวินกัน” โจวซิเหยียนร้องเสียงหลงและคัดออกมาในทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“หากนี่เป็นหลักฐานก่อนยุคประวัติศาสตร์นั่นหมายความว่าต้องเกี่ยวกับชาติพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย” เอี่ยป๋อบอกเหตุผลออกมา
ทันทีที่ทั้งสองยอมรับในผลการทดสอบนี้แล้วก็จริง แต่กลายเป็น่าเปิดศึกแย่งชิงกันในทันที
“ทั้งคุณโจวและคุณเอี้ยอย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ พวกเรายังทำอะไรไม่ได้จริงๆในตอนนี้ ก่อนอื่นเลยเราจำเป็นต้องคุยกับทางผอ.ผู้ดูแลลานกิจกรรมและคุณซูก่อน”
ผู้ช่วยของทั้งสองเห็นสภาพของทั้งสองคนที่แย่งรูปปั้นกันราวกับเด็กแย่งของเล่นก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเหมือนกัน แต่ผู้ช่วยของทั้งสองนั้นก็เข้าใจความรู้สึกดี
นั่นก็เพราะว่ารูปปั้นนี้เป็นหลักฐานที่ทำให้ความรู้ของมวลมนุษย์ทั้งในด้านบรรพชีวินวิทยาและโบราณคดีพลิกได้หลายตลบเลยทีเดียว
เมื่อทั้งสองได้ยินดังนั้นก็ได้สติอยากจะรีบโทรหาซูจิ้งในทันทีแต่พวกเขาก็ไม่มีข้อมูลติดต่อจึงได้รุดไปหา ผอ.หวังเพื่ออธิบายสถานการณ์ในทันที
เมื่อผอ.หวังได้รับทราบสถานการณ์แล้วถึงกับทำหน้าโง่งมแบบสุดๆ กลายเป็นเกินกว่าที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ซะอีก นั่นก็เพราะว่าไม่เพียงแต่รูปปั้นนี้จะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เท่านั้น
มันกลับเป็นหลักฐานของเผ่าพันธุ์อื่นที่เคยอาศัยอยู่บนโลกใบนี้เสียอีก เขาในตอนนี้ได้เรียกกองกำลัง(รปภ.)ทั้งหมดที่มีให้ไปอารักขารูปปั้นอย่างแน่นหนา
อย่างไรก็ตามคำขอของเอี้ยป๋อและโจวซิเหยียนนั้นไม่ได้รับการตอบรับจากผอ.หวังแต่อย่างใด
เพราะยังไงซะรูปปั้นนี้ก็ยังเป็นของซูจิ้งอยู่ดี ไม่ว่าทั้งสองคนนี้จะบอกอะไรมาก็ตาม เขาไม่มีสิทธิ์จะเคลื่อนย้ายรูปปั้นออกจากที่นี่ได้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีการดูแลรักษารูปปั้นนี้มากขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกหล่ะ นี่เป็นการรักษาความปลอดภัยแบบรอบด้านเลยด้วย แถมยังไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แบบเมื่อกี้”
“เมื่อกี้เห็นดอกเตอร์เอี้ยกับดอกเตอร์โจวมาไม่ใช่หรอ พวกเขามีธุระอะไรกับผอ.หวังกัน”
“….ฉันไปได้ยินพวกนั้นคุยกันว่ารูปปั้นนี้มีอายุกว่า หนึ่งหมื่นสองพันปี มันเป็นหลักฐานของอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์น่ะ”
“หลักฐานของอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่รึเปลา”
“นี่คือหลักฐานของอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์จริงๆงั้นเหรอ”
เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกได้เป็นที่พูดคุยกันของคนที่อยู่ในสวนอย่างรวดเร็วก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ตแทบจะในทันที
เรื่องนี้สร้างคลื่นลูกใหญ่จนแม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจยังต้องหันกลับมาติดตามเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว สำหรับซูจิ้งคนที่ปรากฎตัวและหายไปก่อนหน้านี้ได้มาอยู่ที่สวนฟางหลินอีกครั้งหนึ่ง
“คุณซู คุณอยู่ที่นี่ด้วย ทำไมผมติดต่อคุณไม่ได้เลยล่ะ” เอี่ยป๋อได้รีบเข้ามาหาก่อนที่จะโวยวายออกมาอย่างน้อยใจ
“คุณซู คุณไปได้รูปปั้นนี้มาจากที่ไหนกันแน่ครับ ผมของบอกคุณเลยก็แล้วกันว่า รูปปั้นนี้มีอายุอย่างน้อยๆก็ประมาณหนึ่งหมื่นสองพันปีครับ มันสมควรเป็นของอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ รูปปั้นนี้มีความสำคัญมากจริงๆและไม่ควรจะปล่อยมันไว้ที่นี่ได้ รูปปั้นนี้สมควร…” โจวซิเหยียนได้พูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ผมได้มาจากใต้ทะเลลึกน่ะ และผมก็รู้ดีว่ามันมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน” ซูจิ้งได้ยกมือขึ้นเชิงให้โจวซิเหยียนหยุดพูดและอธิบายคำถามที่ได้รับการถามมา
“คุณรู้อยู่แล้ว… เดี๋ยวนะหากคุณรู้อยู่แล้วทำไมคุณถึงยังนำมันมาวางไว้ที่แบบนี้อีกกันล่ะ” เอี้ยป๋อและโจวซิเหยียนต่างก็มองไปยังซูจิ้งอย่างอึ้งๆ
“แล้วการที่จะวางรูปปั้นอันสวยงามแบบนี้ไว้ในสวนฟางหลินแบบนี้มันผิดตรงไหนกันล่ะ มันก็ดูดีอยู่นะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างไม่ไยดี
นี่ทำให้ทั้งเอี้ยป๋อและโจวซิเหยียนนั้นเกิดความรู้สึกอยากฆ่าใครสักคนขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเองพวกเขาสังเกตเห็นว่าซูจิ้งมาพร้อมกับยกอ่างสีทองเอาไว้ในมือ
เขาได้ยกมันมาวางประดับไว้ตรงหน้าหินที่อยู่หน้ารูปปั้นนั้น แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลประการใดน้ำที่ไหลอยู่ตรงหินนั้นได้ไหลรินลงในอ่างในทันทีจนเกิดเสียงที่ดังฟังชัด
หลังจากผ่านไปสักพักอ่างน้ำนั้นก็ถูกเติมด้วยน้ำจนเต็มจนน้ำเอ่อล้นออกมาจากอ่าง
ในตอนนี้รูปปั้นสาวงามผู้นี้ไม่ได้กำลังทำท่าล้างผมโดยน้ำที่ไหลออกมาจากซอกหินอีกต่อไป แต่กลายเป็นว่ากำลังล้างผมจากอ่างน้ำทองคำแทน และนี่ยิ่งดูดียิ่งกว่าเดิมซะอีก
“เจ้านี่ควรจะวางไว้ตรงนี้จริงๆด้วย เห้อ ฉันไม่น่าลืมเลยจริงๆ” ซูจิ้งพูดออมา
“มันควรจะอยู่ตรงนี้อย่างนั้นหรอ เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่าอ่างนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้น?” เอี้ยป๋อและโจวซิหยวนต่างก็มึนตึบในทันที
ทั้งคู่ได้รีบตรงเข้าไปดูอ่างทองคำในทันที พวกเขาทั้งสองนอกจากการสำรวจ ตรวจสอบ และจำแนกอ่างทองคำนี้อย่างละเอียดยิบจนพอจะประเมินได้ตร่าวๆว่าอ่างชิ้นนี้ประณีตมากๆ มันดูคล้ายทั้งทองแดงและทอง
พวกเขาอยากรู้ลึกขนาดที่ต้องทดสอบมัน เมื่อผลออกมาทั้งคู่ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมนั่นก็เพราะว่าอ่างใบนี้ทำมาจากโลหะผสมจำพวกทองแดงที่ประณีตมากๆ และอายุของอ่างนี้ก็อยู่ประมาณหนึ่งหมื่นสองพันปีเช่นเดียวกัน
นี่คื่อเครื่องเรือนโลหะผสมจำพวกทองแดงที่อายุมากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปีอย่างนั้นรึ
“พระเจ้า นี่มัน…” ทั้งเอี้ยป๋อและโจวซิหยวนต่างก็รู้สึกได้เห็นสิ่งของในตำนาน โจวซิเหยียนได้ถามออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า”คุณซู คุณยังมีอย่างอื่นที่ได้มาพร้อมกับรูปปั้นนี้และอ่างน้ำอีกรึเปล่าครับ”
“….ก็มีนะ เป็นภาพวาดน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาก่อนที่จะหยิบภาพวาดเก่าๆออกมาจากกระเป๋า
“ภาพวาด? น้ำทะเลไม่ได้มีผลกับภาพวาดเลยอย่างนั้นหรอ” เอี้ยป๋อและโจวซิหยวนต่างก็มึนงงทันทีที่ได้ยิน
“ลองดูเองสิ” ซูจิ้งได้ยื่นภาพวาดให้ดูโดยไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟังเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ทั้งเอี้ยป๋อและโจวซิเหยียนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ตอนนี้พวกเขาแค่อยากรู้ว่ามันเป็นภาพวาดของอะไรกันแน่ ในภาพนั้นเป็นภาพวาดของปราสาทสไตล์ตะวันตก มันสวยงามและสบายตาราวกับเป็นปราสาทในผันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าทั้งสองได้ตรวจสอบภาพนี้ด้วยความตื่นเต้นและผลที่ออกมาคืออายุมากกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปี
“ไม่ต้องสงสัยแล้ว ของเหล่านี้คือหลักฐานของอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์” เอี้ยป๋อในตอนนี้ตื่นเต้นจนตัวสั่น
“ฉัน ฉัน ฉันว่านี่ เอ่อ อ่างน้ำนี่ต้องเป็นทองแดงในตำนานเรื่องเล่านั่นแน่ๆ ทั้งรูปปั้นที่สมบุรณ์นั่น และภาพเขียนปราสาทตะวันตกนี่อีก ฉัน ฉันว่านี่น่าจะมาจากเมืองแอตแลนติสในตำนานนั่น” โจวซิเหยียนละล่ำละลักออกมาอย่างบ้าคลั่งและตื่นเต้นแบบสุด
“ฉันก็คิดเหมือนกัน” เอี้ยป๋อพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆราวกับไก่จิดข้าวสาร
“ถ้านี่มาจากแอตแลนติสนั่นจริงๆล่ะก็ หมายความว่า…” ผู้ช่วยคนหนึ่งเริ่มคิดตามแล้วรู้สึกบ้าคลั่งอยู่ภายใน
นั่นก็เพราะว่าในฐานะนักโบราณคดีแล้วไม่ว่าจะมากน้อยเชื่อไม่เชื่ออย่างใดนั้นก็ล้วนเคยได้ยินคำว่าแอตแลนติสมาแล้วทั้งนั้น ตอนที่เคยได้ยินเรื่องเล่าเขาก็ตื่นเต้นมากพอแล้ว แต่นี่ นี่คือหลักฐานการคงอยู่ของเมืองในตำนานนั่นจริงๆเลยนะ
ตอนนี้เหล่าคนที่มองอยู่โดยรอบเมื่อได้ยินบทสนทนานี้ต่างก็พากันตื่นเต้นในทันทีและพูดคุยกันจนได้ยินกันระงมไปทั่วและเผยแพร่ในอินเตอร์เนตอย่างรวดเร็ว
ข่าวการค้นพบหลักฐานของแอตแลนติสดินแดนอันสาบสูญนั้นได้เผยแพร่รวดเร็วและเป็นวงกว้างราวกับระเบิดลง แน่นอนว่าเพียงแค่ชาวเน็ตรู้มันก็แพร่ไปทั่วประเทศและทั่วโลกในไม่นอนนัก
ผอ.หวังผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการกลางของลานกิจกรรมแห่งนี้ผู้ที่ต้องคอยมาบากหน้าติดต่อประสานงานกับซูจิ้งเรื่องรูปปั้น กับอลันและแอนนาผู้ซึ่งยังคงพยายามหาจำนวนเงินที่เหมาะสมในการซื้อรูปปั้นนี้
ตลอดจนเหล่าผู้คนที่เคยสบประมาทซูจิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่างก็อึ้งกิ่มกี่ทำหน้าโง่งมในทันทีเมื่อได้ยินข่าวนี้