Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1696 เจตนาร้าย (4)
ตอนที่ 1696 เจตนาร้าย (4)
เยว่อี้หรี่ตามองจูเก่ออินพร้อมกับเย้ยหยันอยู่ในใจ [ช่างกล้าพูดจริงๆ ถ้าเขายังมองไม่ออกว่าจูเก่ออินเตรียมการไว้ก่อน เขาก็คงเป็นไอ้โง่แล้ว!]
แต่เพื่อปิดปากจูเก่ออิน เยว่อี้จึงต้องทําอย่างไม่มีทางเลือก
ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ด้านล่างเวทีประลอง การต่อสู้ก่อนหน้านี้หลายคนคิดว่ามันน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แต่การต่อสู้ในตอนนี้นั้นต่างกันมาก
เยว่อี้ที่มีพลังวิญญาณสีม่วงปะทะกับจเก่ออินประมุขน้อยแห่งวิหารมังกร จะต้องเป็นการประลองที่ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
เยว่อี้ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก แตกต่างกับจูเก่ออินที่เป็นประมุขน้อยของวิหารมังกร ศิษย์จากวิหารอื่นๆต่างเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน
จูเก่ออินไม่เพียงเป็นประมุขน้อยของวิหารมังกรเท่านั้น แต่เขายังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ของสิบสองวิหารในปีนั้น
ก่อนที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ครั้งล่าสุดจะถูกจัดขึ้น ตอนที่พวกเฉียวนุ่ยังไม่ได้แสดงพลังที่น่าตกตะลึง กล่าวกันว่าจูเก่ออินคือคนที่แข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขาทุกคน ไม่ว่าวิหารมารโลหิตและวิหารปีศาจเพลิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่คนของพวกเขาก็ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์เทียบเคียงกับจูเก่ออินได้ จูเก่ออินเป็นความภูมิใจของวิหารมังกร เป็นที่เคารพนับถือของคนมากมาย
ในปีนั้น ตอนที่จูเก่ออินบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วง เขาอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเหนือกว่าผู้เยาว์จํานวนมากที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ตอนนี้ 6 ปีผ่านไปแล้ว พลังของเขาก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลง!
ความวุ่นวายรอบๆเวทีดึงดูดความสนใจของคู่ซินเยียน นางขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นจูเก่ออินกําลังเผชิญหน้ากับเยว่อี้บนเวทีประลอง ด้วยความเฉลียวฉลาดของนาง นางย่อมเข้าใจได้ในทันทีว่าสายตาเหม่อลอยของนางเมื่อครู่ได้นาหายนะมาสู่เยว่อี้แล้ว
วิหารเงาจันทราไม่เคยเป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่นางเอาแต่สนใจพวกเขา ทําไมจเก่ออินถึงต้องไปสู้กับวิหารเงาจันทราด้วย?
แต่ตอนนี้เยว่อี้ถูกบังคับให้ขึ้นไปบนเวทีประลองแล้ว แม้ว่าก่ซินเยียนจะอยากพูดอะไรเพื่อพลิกสถานการณ์ ก็ไม่มีอะไรที่นางสามารถทําได้แล้ว เวทีประลองย่อมมีกฎการประลองอยู่ ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาได้ แม้ว่านางจะช่วยเขาออกจากเวทีได้ แต่มันจะจบไม่ดีอย่างแน่นอน
การที่มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่บนเวทีประลอง ถ้าเยว่อี้ลงจากเวทีโดยไม่ต่อสู้ ตัวเขาไม่เพียงจะอับอายขายหน้า แต่วิหารเงาจันทราก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
ก่ซินเยียนแอบตําหนิตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ ทําให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
จือจินที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีประลองก็กังวลไม่แพ้กัน แต่เมื่อจอจนเห็นพลังวิญญาณสีม่วงบนร่างของเยว่อี้ ความกังวลนั้นก็คลายลงเล็กน้อย นางอดยึดความหวังนั้นเอาไว้ไม่ได้ เยว่อี้ไม่ได้เผยพลังของเขาต่อหน้าจอจิ นมาก่อน นางไม่รู้ว่าพลังของเยว่อี้อยู่ขั้นไหน แต่ด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขา มันคงจะไม่กลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปนัก หรือนําปัญหามาให้พวกเขามากเกินไป แม้ว่าเขาจะขึ้นไปบนเวทีประลองแล้วก็ตาม
“คุณชายเยว่ โปรดชี้แนะด้วย” จูเก่ออินประสานมือคารวะ คําพูดที่ออกจากปากเขาสุภาพมาก แต่ใบหน้าที่เชิดเล็กน้อยและท่าทางหยิ่งผยองของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาดูถูกเยว่อี้
เยว่อี้ประสานมือคารวะ แววตาระแวดระวัง
จูเก่ออินยิ้มมุมปาก ในขณะที่เขาเอามือลง แสงพลังวิญญาณสีม่วงก็เปล่งประกายเจิดจ้าบนร่างของเขา!
พลังวิญญาณสีม่วงขั้นหนึ่ง!
แม้ว่าพลังวิญญาณสีม่วงขั้นหนึ่งจะสูงกว่าผู้ที่เพิ่งบรรลุพลังวิญญาณสีม่วงแค่หนึ่งขั้น แต่ความแตกต่างของหนึ่งขั้นนั้นก็ห่างกันราวฟ้ากับดิน!
หลังจากก้าวเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณสีม่วง ความก้าวหน้าในทุกระดับขั้นนั้นเป็นช่องว่างที่ยากจะข้ามผ่าน
หลังจากทุกคนรู้ถึงพลังที่แท้จริงของจูเก่ออิน ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้นทันที ไม่น่าแปลกใจที่ดูเก่ออินขึ้นไปท้าทายเยว่อื้อย่างมั่นใจขนาดนั้น เป็นเพราะเขามีพลังที่เหนือกว่านั่นเอง!