Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1797-1798
ตอนที่ 1797 ตระกูลจ้าน (1)
ดวงจันทร์ทอแสงนวลที่ด้านนอกหน้าต่างผู้อาวุโสอิ่งจิบสุราชมจันทร์ ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาทอประกายลึกล้ำ
ในขณะนั้นภายในห้องนอนของประมุขวิหารเงาจันทรา ผู้อาวุโสจำนวนมากรุมเสนอหน้าอยู่ที่เตียงของประมุข แต่ในบรรดาคนพวกนี้ ไม่มีผู้อาวุโสอิ่งรวมอยู่ด้วย
ผู้อาวุโสอิ่งกำลังชมจันทร์อยู่ดีๆก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“เจ้ามาแล้ว”ผู้อาวุโสอิ่งยิ้มพลางหมุนถ้วยสุราในมือ คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผู้อาวุโสอิ่ง จากนั้นก็วางกล่องผ้าขนาดเท่าฝ่ามือลงบนโต๊ะ ใช้ปลายนิ้วดันเบาๆไปตรงหน้าผู้อาวุโสอิ่ง
ผู้อาวุโสอิ่งเลิกคิ้ว“เจอแล้วหรือ?”
“เจ้าดูก็รู้”จวินอู๋เสียไม่ตอบตรงๆ
ผู้อาวุโสอิ่งยกมือขึ้นวางบนกล่องผ้าสายตาจับจ้องไปที่จวินอู๋เสีย
“ข้าคิดว่าเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะหาของที่ข้าต้องการเจอแต่เจ้ากลับมาเร็วขนาดนี้เชียว?” ผู้อาวุโสอิ่งตกใจเล็กน้อย ผู้อาวุโสเยว่เฝ้าระวังความปลอดภัยเรือนของเขาอย่างเข้มงวด เมื่อก่อนผู้อาวุโสอิ่งพยายามคิดหาทุกวิธีแล้ว และแม้ว่าจะมีฉางฮวนที่มือไวคอยช่วย แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหาของที่ต้องการในเรือนของผู้อาวุโสเยว่เจอ ทุกครั้งที่มีโอกาส พวกเขาก็ไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้เนื่องจากมีเวลาไม่มากพอ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจวินอู๋เสียจะใช้เวลาแค่ครึ่งวันแก้ปัญหาที่เขาต้องเผชิญมาหลายปีได้
“เจ้าไม่ดูหรือ?”จวินอู๋เสียเอียงคอมองผู้อาวุโสอิ่ง
ผู้อาวุโสอิ่งได้ของไปแล้วแต่ไม่รีบเปิดดูมือของเขาที่วางอยู่บนกล่องไม้ดูเหมือนสบายๆไม่ตื่นเต้นอะไร แต่จวินอู๋เสียรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายของเขา
ดูเหมือนเขาจะกลัวของในกล่องผ้านั้น
จี้หยกนั่นต้องมีความหมายกับเขาอย่างมาก
ผู้อาวุโสอิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆจ้องมองไปที่กล่องผ้า ข้อนิ้วของเขาขึ้นสีขาวจากความตึงเครียดขณะที่เปิดกล่องออกช้าๆ
ในกล่องผ้ามีหยกสองชิ้นที่ถูกตัดขาดจากกันวางอยู่หยกสองชิ้นวางติดกันเหลือเพียงรอยเส้นบางๆตรงกลางที่ถูกตัดเท่านั้น
มองแวบเดียวใบหน้าของผู้อาวุโสอิ่งก็ขาวซีดปราศจากสีเลือด ดวงตาลึกล้ำของเขาซ่อนอารมณ์ที่พลุ่งพล่านไว้ภายใน แม้แต่การหายใจก็ช้าลง
นี่เป็นปฏิกิริยาของคนที่ได้รับความตกใจหรือโกรธอย่างที่สุด……
“ฮ่า……ฮ่าๆๆ……ดีเหลือเกินวิหารเงาจันทราดีเหลือเกินผู้อาวุโสเยว่……ฮ่าๆๆ……” ทันใดนั้น ผู้อาวุโสอิ่งก็แหงนหน้าหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความโกรธเกรี้ยวที่น่าตกใจ
โกรธจนหัวเราะอย่างที่ว่ากันมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ผู้อาวุโสอิ่งหยิบหยกสองชิ้นนั้นขึ้นมากำไว้ในมือแน่นเขาหัวเราะเสียงดังไม่หยุด มือค่อยๆกำแน่นขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งมีเลือดสีแดงสดหยดลงมาจากมือ
หลังจากหัวเราะอยู่นานทันใดนั้นเสียงหัวเราะของผู้อาวุโสอิ่งก็หยุดลง เขาก้มหน้า ดวงตาแดงก่ำ จ้องมองไปที่จื้หยกเปื้อนเลือดในมือแน่นิ่ง ดวงตาที่น่ากลัวของเขาซ่อนความโศกเศร้าและความสิ้นหวังเอาไว้ภายใน
“เจ้าหนูรู้ที่มาของจี้หยกนี้รึเปล่า?” เสียงของผู้อาวุโสเยว่แหบเล็กน้อย ฟังดูอดกลั้นอย่างมาก
“ไม่รู้”จวินอู๋เสียวิเคราะห์จี้หยกนี้แล้ว แต่นางไม่พบอะไรพิเศษเกี่ยวกับมัน แม้แต่เย่ฉาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจี้หยกนี้
“เจ้ารู้จักตระกูลจ้านไหม?”ผู้อาวุโสอิ่งเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียส่ายหน้า
ผู้อาวุโสอิ่งพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า“ชื่อจริงของข้าคือจ้านโหมว หัวหน้าตระกูลจ้านคนปัจจุบัน ตระกูลจ้านของเราอยู่มาตั้งแต่สองสามพันปีก่อนในอาณาจักรกลาง คนตระกูลเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรกลางกับตาตัวเองมาทุกยุคทุกสมัย”
ตอนที่ 1798 ตระกูลจ้าน (2)
ตระกูลจ้านเป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่สุดในอาณาจักรกลางพวกเขาเคยยิ่งใหญ่อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่เก้าอารามและสิบสองวิหารจะก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลจ้านได้เดินทางผ่านสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนานผ่านรุ่นต่อรุ่น สมบัติที่อยู่ในครอบครองของพวกเขานั้นน่าประทับใจทีเดียว และเพราะสมบัติลับจำนวนมากนี่เองที่ทำให้ตระกูลจ้านมีวิธีการฝึกฝนพลังวิญญาณที่ไม่เหมือนใคร มีเพียงไม่กี่คนในอาณาจักรกลางที่กล้าท้าทายพวกเขา
แม้ว่าตระกูลจ้านจะไม่สามารถครองอาณาจักรกลางได้แต่พวกเขาก็มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง
หลังจากเก้าอารามและสิบสองวิหารก่อตั้งขึ้นอาณาจักรกลางก็ตกอยู่ในความขัดแย้งและการต่อสู้ที่ไม่จบสิ้น สงครามดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตระกูลจ้านแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่เข้าร่วมการต่อสู้ใดๆ
ตระกูลจ้านเคยมีช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์แต่หลังจากนั้นจำนวนคนของพวกเขาก็น้อยลง เมื่อถึงรุ่นของจ้านโหมว เขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวในสามรุ่น แม้แต่รุ่นปู่ของเขาก็มีเพียงพ่อของเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งพี่สาวหรือน้องสาว
ตระกูลจ้านเก็บตัวเงียบมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไม หัวหน้าตระกูลหลายรุ่นเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทายาทที่พวกเขาเหลือไว้จึงมีน้อยเหลือเกิน เมื่อมาถึงจ้านโหมว เขามีความสุขกับภรรยาอยู่ 10 กว่าปี และมีลูกชาย 1 คนตอนที่เขาอายุเกือบ 40 ปี แล้วภรรยาของเขาก็จากไปเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอดบุตร
ทิ้งไว้เพียงลูกชายคนเดียวจ้านฉวี
จ้านโหมวไม่ได้แต่งงานใหม่เขายังคงคิดถึงภรรยาผู้ล่วงลับไปของเขา และมุ่งมั่นตั้งใจอยู่กับการสั่งสอนเลี้ยงดูจ้านฉวีลูกชายของตนเท่านั้น
“จ้านฉวีเป็นลูกชายคนเดียวของข้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลจ้านในอนาคต” ผู้อาวุโสอิ่งฝืนยิ้ม มองจี้หยกในมือและพูดกับตัวเองโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า “จี้หยกนี้เป็นตราที่ตระกูลจ้านสืบทอดต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ข้าห้อยมันไว้ที่เอวของจ้านฉวีด้วยมือตัวเองตอนที่เขาอายุ 16 ปี……”
“จ้านฉวีเป็นคนฉลาดเรียนรู้ได้เร็วมาก ตระกูลจ้านของเรามีกฎประจำตระกูลอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือห้ามเข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจอื่นใดทั้งสิ้น และห้ามติดต่อหรือมีความสัมพันธ์ใดๆกับกลุ่มอำนาจอื่น……” เมื่อพูดถึงตอนนี้ สายตาของผู้อาวุโสอิ่งก็มองต่ำลงโดยไม่รู้ตัว
กฎของตระกูลจ้านได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดโดยหัวหน้าตระกูลทุกรุ่นกฎตระกูลนี้ถูกกำหนดโดยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลจ้าน พวกเขาไม่รู้รายละเอียดว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่พวกเขาก็ปฏิบัติตามเจตจำนงของบรรพบุรุษ
แต่ในวันนั้นจ้านฉวีได้พาหญิงสาวงดงามคนหนึ่งกลับมาและบอกกับผู้อาวุโสอิ่งว่าเขาอยากแต่งงานกับนางตอนแรกผู้อาวุโสอิ่งก็ปลาบปลื้มยินดี จนกระทั่ง……ผู้อาวุโสอิ่งมารู้ว่าหญิงสาวคนนั้นคือคนของเก้าอาราม เขาก็โมโหโกรธาขึ้นมาทันที
เนื่องจากคำสั่งสอนของตระกูลผู้อาวุโสอิ่งจึงต่อต้านการแต่งงานของจ้านฉวีอย่างหนัก และพยายามบังคับให้พวกเขาตัดความสัมพันธ์กัน
จ้านฉวีเองก็ต่อต้านอย่างที่สุดจนสุดท้ายเขาก็ตัดความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลจ้านอย่างไม่ลังเล และพาหญิงสาวคนนั้นหนีไปไกล
ตอนที่เขากำลังจากไปผู้อาวุโสอิ่งทะเลาะกับจ้านฉวีอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสอิ่งตัดจี้หยกที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลจ้านขาดจากกัน จี้หยกที่ถูกตัดขาดนั้นจ้านฉวีได้นำติดตัวไปด้วย
เป็นเวลาหลายปีหลังจากที่จ้านฉวีได้จากไปในที่สุดความโกรธในใจของผู้อาวุโสอิ่งก็ค่อยๆลดลงทีละนิด เมื่อเขามองดูตระกูลจ้านที่ว่างเปล่า เขาก็เอาแต่คิดย้อนกลับไปว่าเขาทำผิดไปหรือไม่ ทำไมเขาต้องบังคับลูกชายคนเดียวของเขาให้จากไปเพียงเพราะคำสั่งสอนของตระกูล?
ความสำนึกผิดและเสียใจท่วมท้นหัวใจของผู้อาวุโสอิ่งในปีที่ห้าหลังจากลูกชายของเขาจากไป คนของวิหารเงาจันทราก็พบเขาและมอบจี้หยกครึ่งชิ้นให้กับผู้อาวุโสอิ่ง