Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1810 -1812
ตอนที่ 1810 ยุยง (1)
ผู้อาวุโสเยว่กลับไปที่ห้องด้วยอารมณ์โกรธคนรับใช้ในเรือนเห็นสีหน้าถมึงทึงของผู้อาวุโสเยว่แล้วก็ระวังตัวกันจนไม่กล้าพูดอะไร
“ไป!ไปเรียกเยว่เย่มาให้ข้า!” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวกับคนรับใช้
คนรับใช้ไปที่เรือนเล็กของเยว่เย่ทันทีหลังจากนั้นไม่นาน เยว่เย่ก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องของผู้อาวุโสเยว่
เยว่เย่ยืนหงออยู่ในห้องดวงตาฉายแววขลาดกลัว
“เย่เอ๋อร์”ผู้อาวุโสเยว่เรียกเสียงทุ้มลึก
“ท่านปู่……”เยว่เย่ตัวสั่นเล็กน้อย
ต่อหน้าเยว่อี้ผู้อาวุโสเยว่กับเยว่เย่มีความเป็นมิตรกันราวกับปู่หลานที่แท้จริง แต่เมื่อเยว่อี้ไม่อยู่ ความกลัวที่เยว่เย่มีต่อผู้อาวุโสเยว่ก็ไม่อาจระงับไว้ได้ ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
เมื่อผู้อาวุโสเยว่เห็นท่าทางขลาดกลัวของเยว่เย่เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่แล้วก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก
“ช่วงนี้สุขภาพของท่านประมุขดีขึ้นแล้วเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านประมุขให้มากเข้าไว้ เข้าใจไหม?”
เยว่เย่สะดุ้งเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้นและมองผู้อาวุโสเยว่อย่างตื่นเต้นกังวล “ท่านประมุข……ท่านประมุขอาการกำเริบไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสเยว่ส่งเสียงหึออกมาและพูดว่า“อาการกำเริบก็จริง แต่เจ้าฉางฮวนนั่นไม่รู้ไปได้ยามาจากไหน พอท่านประมุขกินยานั้นเข้าไปแล้วก็อาการดีขึ้นมาก เพราะยาที่มันเอามาให้นั่นแหละ ตอนนี้ท่านประมุขจึงมองมันต่างไปจากเดิม”
พอคิดถึงเรื่องนั้นความโกรธของผู้อาวุโสเยว่ก็พุ่งขึ้นทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างผอมบอบบาง สายตาของเขากวาดมองทั่วใบหน้าซีดขาวนั่น
“เยว่เย่ฉางฮวนคือศิษย์ของผู้อาวุโสอิ่ง ผู้อาวุโสอิ่งจ้องเล่นงานข้ามานานแล้ว เยว่อี้เป็นหลานข้า ข้าพยายามหนักมากเพื่ออนาคตที่ดีของเขา แต่ตอนนี้ จู่ๆเจ้าฉางฮวนคนนี้ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ฉางฮวนไม่ถูกกับพี่ชายเจ้า รวมกับที่ผู้อาวุโสอิ่งมีอคติต่อข้า ถ้าฉางฮวนประสบความสำเร็จต่อหน้าท่านประมุข เกรงว่าวันหน้าเขาจะกดขี่พี่ชายเจ้าอย่างไร้ความปราณี เย่เอ๋อร์……เจ้าก็โตแล้ว รู้ความแล้ว ท่านประมุขชอบเจ้ามาก เจ้าควรช่วยเหลือพี่ชายเจ้า เจ้าไม่อยากให้พี่ชายเจ้าเสียที่ยืนในวิหารเงาจันทราในวันข้างหน้าไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
เยว่เย่ตัวแข็งไปทันทีนางส่ายศีรษะอย่างลังเล
ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มอย่างพอใจจากนั้นเขาก็กวักมือและเยว่เย่ก็เดินตัวเข็งเข้าไปหา
ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มจับมือเล็กๆของเยว่เย่และนวดมันด้วยฝ่ามือใหญ่และหยาบกร้าน
“เย่เอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆท่านประมุขชอบเจ้ามากนะ เจ้าไม่ต้องกลัวเขา ปรนนิบัติท่านประมุขให้ดี และช่วยเหลือพี่ชายเจ้า”
“เย่เอ๋อร์เข้าใจแล้ว……”เยว่เย่ก้มหน้ากัดริมฝีปาก
“เจ้าฉางฮวนนั่นไม่ใช่คนดีเจ้ายังจำที่เขาก่อเรื่องในวันที่เพิ่งกลับมาได้ไหม? ข้าไปถามเด็กพวกนั้นที่ทะเลาะกับฉางฮวนตอนนั้นแล้ว วันนั้นฉางฮวนตั้งใจจะเข้าไปในเรือนเจ้าและทำเรื่องต่ำช้า แต่บังเอิญศิษย์พวกนั้นเจอเข้า พวกนั้นพยายามหยุดเขา ก็เลยเกิดการต่อสู้กันขึ้น เย่เอ๋อร์กำลังจะโตเป็นสาวแล้ว ต้องระวังเจ้าเด็กต่ำช้าไร้ยางอายอย่างเจ้าฉางฮวนให้มาก ถึงตอนนี้เขาจะมีผู้อาวุโสอิ่งหนุนหลังอยู่ แต่ถ้าท่านประมุขรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นคิดไม่ซื่อกับเจ้าล่ะก็ ข้าเชื่อว่าท่านประมุขจะจัดการมันให้เจ้าอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวชักนำ
เยว่เย่ยิ่งหน้าซีดกว่าเดิมนางมองผู้อาวุโสเยว่และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มือของผู้อาวุโสเยว่ที่กุมมือนางอยู่นั้นก็พลันบีบแน่นขึ้นจนทำให้นางรู้สึกเจ็บ ริมฝีปากของนางสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ได้แต่พยักหน้าพร้อมน้ำตาคลอดวงตา
“เย่เอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ”ผู้อาวุโสเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 1811 ยุยง (2)
ข่าวเรื่องอาการป่วยของประมุขวิหารเงาจันทราบรรเทาลงด้วยโอสถหิมะละลายของจวินอู๋เสียแพร่กระจายไปในวิหารอย่างรวดเร็วพวกผู้เยาว์ที่เดิมทีเห็นจวินอู๋เสียขัดหูขัดตาและอยากหาเรื่องนางก็หยุดทันที ไม่มีใครกล้าขัดแย้งกับจวินอู๋เสียตรงๆต่อหน้าเลย
ใครบ้างไม่รู้ว่าตอนนี้จวินอู๋เสียเป็นคนโปรดของประมุขเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียตอนนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนที่โชคร้ายต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน
พวกผู้เยาว์ที่เคยมีเรื่องกับ“ฉางฮวน” ตอนนี้เวลาที่เจอจวินอู๋เสียก็จะพยักหน้าและโค้งคำนับให้ แทบจะวิ่งเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาประจบสอพลอเลยทีเดียว
สองสามวันต่อมาจวินอู๋เสียอยู่อย่างสงบสุขมาก ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
สุขภาพของประมุขวิหารเงาจันทราดีขึ้นเขาค่อยๆเข้ามาดูแลจัดการงานทั้งใหญ่และเล็กในวิหาร อำนาจหน้าที่ของผู้อาวุโสอิ่งและผู้อาวุโสเยว่จึงน้อยลงในบางส่วน
ปกติจวินอู๋เสียไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนักในแต่ละวันแค่ทำความคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆในวิหารเงาจันทราภายใต้การแนะนำของผู้อาวุโสอิ่ง จึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับศิษย์ในวิหารมากนัก
วันนั้นจวินอู๋เสียนั่งอยู่ในลานเล็ก มองดูใบไม้ในสวนพร้อมกับจิบชา
“ศิษย์พี่……ฉางฮวน”ทันใดนั้น เสียงขลาดกลัวก็ดังขึ้นจากนอกสวน
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นและเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอย่างประหม่าอยู่นอกประตู
“มีอะไร?”จวินอู๋เสียวางถ้วยชาในมือลงและมองเยว่เย่ที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวขึ้นด้านนอกเรือนของนาง
นางเคยพบเยว่เย่เพียงครั้งเดียวแต่นั่นก็ทำให้นางรู้สึกประทับใจอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเยว่อี้อย่างมากในใจนางไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ข้า……ข้าเข้าไปได้ไหม?”เยว่เย่เม้มปากมองจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียพยักหน้า
เยว่เย่เดินเข้าไปข้างในนางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ปักปิ่นเรียบๆบนศีรษะ ใบหน้าที่เยาว์วัยและอ่อนโยนของนางเต็มไปด้วยความประหม่า นางนั่งลงบนม้าหินข้างๆจวินอู๋เสียด้วยท่าทางอึดอัดไม่สบายใจ มือเล็กๆบิดเสื้อตัวเอง นางเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้ามองจวินอู๋เสีย
“ศิษย์พี่ฉางฮวน……ท่าน……ท่านไปที่วิหารจิงหงกับพี่ชายข้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพี่หรือ ทำไมผ่านมาตั้งนานแล้วเขายังไม่ดีขึ้นเลย?” เยว่เย่นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นางจะรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลที่มีต่อเยว่อี้
ความจริงอาการบาดเจ็บของเยว่อี้หายดีแล้ว แต่เนื่องจากจวินอู๋เสียให้ยาบางอย่างกับเขา จึงทำให้เขาดูอ่อนแออยู่
จวินอู๋เสียรินชาให้เยว่เย่แล้วกล่าวว่า“ข้าไม่รู้ ตอนเราอยู่ที่วิหารจิงหง พี่ชายเจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ด้วยกันบ่อยนัก”
“อย่าง……อย่างนั้นหรือ……”เสียงของเยว่เย่ยิ่งเบาขึ้นไปอีกเมื่อเจอกับความเย็นชาของจวินอู๋เสีย
“ถ้าเจ้ากังวลทำไมไม่ไปถามเขาตรงๆเลยล่ะ?” จวินอู๋เสียถามขณะที่มองเยว่เย่
เยว่เย่สะดุ้งมือที่กุมถ้วยชาสั่นระริก แล้วจู่ๆชาในมือของนางก็กระเด็นไปที่เสื้อผ้าของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียหลบทันที ไม่มีน้ำชากระเด็นโดนนางเลยแม้แต่หยดเดียว
จวินอู๋เสียเคลื่อนไหวเร็วมากเร็วซะจนเยว่เย่ตอบสนองไม่ทัน มือที่สั่นเทาของนางกำถ้วยชาแน่น แววตาประหลาดใจ
“ข้า……ข้าไม่ได้……ตั้งใจ……ขอโทษ……ข้าแค่……ท่านพี่ไม่อยากให้ข้ารู้……ต่อให้ข้าไปถาม……เขาก็ไม่บอกความจริงกับข้า……”เยว่เย่ก้มหน้า เสียงของนางเจือความกลัวและกังวล
ตอนที่ 1812 ยุยง (3)
จวินอู๋เสียมองเยว่เย่ที่ตื่นเต้นตกประหม่าอย่างเฉยเมยไม่มีความสั่นไหวในแววตาของนางแม้แต่น้อย
ในลานเงียบกริบใบหน้าเครียดของเยว่เย่ซีดขาว
“เจ้ายังมีอะไรอีกไหม?”ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เอ่ยถาม
“ไม่……ไม่มีแล้ว……”เยว่เย่ลุกขึ้นทันที นางโค้งคำนับจวินอู๋เสียแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
รอจนกระทั่งเยว่เย่ออกไปแล้วผู้อาวุโสอิ่งก็เดินออกจากห้องหนึ่งในเรือนอย่างช้าๆ เขาบังเอิญมาหาจวินอู๋เสียเพื่อพูดคุยบางอย่าง แต่จู่ๆจวินอู๋เสียก็ให้ไปเขานั่งในห้องหนึ่ง ส่วนตัวนางยังคงนั่งอยู่ที่ลานโล่ง
ผู้อาวุโสอิ่งเพิ่งเข้าไปในห้องเยว่เย่ก็มาถึงด้านนอกเรือนพอดี ราวกับจวินอู๋เสียคำนวณทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบแล้ว
“ยัยหนูนั่นมาทำอะไรที่นี่?”ผู้อาวุโสอิ่งเฝ้ามองจากในห้องตลอดเวลา เขาเดาไม่ออกจริงๆว่าเยว่เย่มีจุดประสงค์อะไรในการมาหาจวินอู๋เสีย เยว่เย่ดูตื่นเต้นกังวลอยู่ตลอดเวลาราวกับนางเป็นห่วงพี่ชายตัวเองมาก แต่คำพูดของนางกลับแข็งๆและตะกุกตะกัก
“เยว่เย่กับเยว่อี้เป็นคนของผู้อาวุโสเยว่”จวินอู๋เสียพูดช้าๆ
“เจ้าจะบอกว่าผู้อาวุโสเยว่นั่นตั้งใจใช้เยว่เย่เล่นงานเจ้างั้นหรือ?” ผู้อาวุโสอิ่งนึกถึงตอนที่เยว่เย่สาดชาถ้วยนั้นใส่จวินอู๋เสีย ถ้าจวินอู๋เสียไม่หลบ ชานั่นก็น่าจะกระเด็นไปที่ขาของจวินอู๋เสีย
“มิน่านางถึงทำตัวแปลกๆคงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กนั่น เจ้าคงไม่รู้ว่าเยว่เย่เป็นที่โปรดปรานของประมุขมาก แม้ว่านางจะยังเด็กมาก แต่หน้าตาของนางก็โดดเด่นงดงามมากแล้ว ตอนเยว่อี้อยู่ในวิหารนี่ยังดี ตอนเยว่อี้ไม่อยู่นี่ซิ ผู้อาวุโสเยว่จะส่งเยว่เย่ไปที่ห้องนอนของประมุขเป็นระยะ……เฮ้อ……ข้าว่าผู้อาวุโสเยว่คงรู้สึกว่าหลังชนฝาแล้ว ถึงได้พยายามใช้เยว่เย่มาสร้างความเข้าใจผิด ประมุขจะได้โกรธเจ้า” ผู้อาวุโสอิ่งส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจด้วยความเห็นใจเยว่เย่ที่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาและขี้อาย
“โอ้?มีเรื่องเช่นนั้นด้วยหรือ?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว นางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้อาวุโสเยว่ไม่ใช่คนดี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในขณะที่ผู้อาวุโสเยว่ใช้เยว่เย่ข่มขู่เยว่อี้ เขาก็ส่งเยว่เย่ไปเป็นบรรณาการให้กับประมุขวิหารเงาจันทราด้วย!
“ผู้อาวุโสเยว่ทำเรื่องนี้อย่างลับๆข้าเองก็เพิ่งรู้ได้ไม่นาน” ผู้อาวุโสอิ่งเดินไปที่ด้านข้างของจวินอู๋เสีย แล้วนั่งลงบนม้านั่งหิน
“ในสายตาของทุกคนผู้อาวุโสเยว่ก็คือปีศาจ นอกจากความภักดีที่เขามีต่อวิหารเงาจันทราแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เขารู้ว่าตอนนี้ประมุขให้ความสำคัญกับเจ้า วิธีการธรรมดาๆไม่สามารถลากเจ้าตกลงจากหลังม้าได้ แต่ถ้าทำให้ประมุขรู้ว่าเจ้าสนใจเยว่เย่คนที่เขาเล็งเอาไว้ล่ะก็ เจ้าต้องระวังตัวให้ดีแล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะส่งคำทักทายไปยังบรรพบุรุษของผู้อาวุโสเยว่ทั้ง 18 ชั่วโคตร
ใช้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในเรื่องแบบนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่ทำเรื่องไร้มโนธรรมเช่นนี้ได้
ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธเพื่อระงับอารมณ์โกรธ ผู้อาวุโสอิ่งจึงรินชาให้ตัวเองและยกขึ้นเตรียมจะดื่ม
แต่ขณะที่ริมฝีปากของเขาเกือบสัมผัสกับถ้วยชาเสียงของจวินอู๋เสียก็ดังขึ้น
“ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็อย่าแตะต้องชาถ้วยนั้น”
ผู้อาวุโสอิ่งสะดุ้งมือที่ยกถ้วยชาขึ้นแข็งค้างกลางอากาศ เขาหันไปมองจวินอู๋เสียอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้า……พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
จวินอู๋เสียเหลือบตาขึ้นมองผู้อาวุโสอิ่งแต่ไม่พูดอะไร นางหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะหินแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ข้างสระบัว จากนั้นก็พลิกมือเทชาทั้งหมดในกาลงไปในสระบัวนั้น!