Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1894-1896
ตอนที่ 1894 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (8)
เฉียวฉู่ไม่กล้าอยู่ในห้องอีกต่อไป สายตาของประมุขวิหารปีศาจเพลิงทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจะเกิดหายนะขึ้นกับเขา
เขายังเด็ก เขายังไม่อยากตาย!
เฉียวฉู่รีบหาข้ออ้างหนีไปอย่างรวดเร็ว
แต่ประมุขวิหารปีศาจเพลิงได้กำหนดแผนเอาไว้ในใจแล้ว
“ตอนที่คนของวิหารเงาจันทรามาถึง ให้เฉียวฉู่ออกไปต้อนรับพวกเขา” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงลูบคางอย่างครุ่นคิดวางแผนการเคลื่อนไหวของตน
เมื่อก่อนเขาไม่ให้ความสนใจกับวิหารเงาจันทราเลย แต่ด้วยความที่วิหารเงาจันทรายังคงรักษาความแข็งแกร่งทั้งหมดเอาไว้ได้ พวกเขาก็น่าจะใช้ประโยชน์ได้
“เฉียวฉู่ยังเด็กและเต็มไปด้วยพลัง ท่านประมุขปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกชาย เหมาะที่สุดแล้วที่จะให้เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับประมุขวิหารเงาจันทรา” ผู้อาวุโสยังคงหมกมุ่นยินดีอยู่กับคำแนะนำของตัวเอง
“อืม” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงพยักหน้าเห็นด้วย
“พรุ่งนี้เป็นวันประชุมสุดยอด วันนี้เราจะจัดงานเลี้ยงให้ประมุขของวิหารต่างๆก่อน”
“ขอรับ” ผู้อาวุโสรับคำสั่งทันที
คืนนั้นเหล่าประมุขจากวิหารต่างๆได้รับเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง ทุกคนต่างพาผู้อาวุโสของตนกับศิษย์ที่เก่งที่สุดไปเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย
สิบสองประมุขจากสิบสองวิหาร มาถึงแล้วสิบเอ็ดคน งานเลี้ยงที่น่าจะมีความสุขสนุกสนานกลับอึมครึมและมีบรรยากาศแปลกๆ
กู่อี้พาผู้อาวุโสหลิน กู่ซินเยียน และกู่อิ่งเข้าร่วมงานเลี้ยง ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้องโถง ก็พบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ประมุขวิหารมังกรจ้องกู่อี้พร้อมกับขบกรามแน่น เกลียดที่ไม่สามารถพุ่งเข้าไปฉีกกู่อี้ให้เป็นชิ้นๆได้
“ท่านประมุข โปรดอดทนไว้ก่อน” เฟยเหยียนถูกประมุขวิหารมังกรพามาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นว่าประมุขกำลังจะสูญเสียความเยือกเย็น เขาก็รีบก้าวเข้ามาพูดให้สงบสติอารมณ์
จวินอู๋เสียยังมาไม่ถึง ถ้าพวกเขาสู้กันตอนนี้ มันจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนัก
ประมุขวิหารมังกรสูดหายใจเข้าลึกๆและนั่งลง ความโกรธที่ถูกข่มกลั้นไว้ทำให้เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดที่คอปูดขึ้นจนเห็นได้ชัด
“กู่อี้ไอ้สารเลวหน้าไม่อาย! รู้ว่าประมุขทุกคนจะมาที่นี่วันนี้ ยังพาเจ้ากู่อิ่งที่ฆ่าลูกชายข้ามาด้วย! มันตอกหน้าข้าชัดๆ!” ประมุขวิหารมังกรโกรธสุดขีด
เฟยเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ท่านประมุข อย่าเพิ่งโกรธ พวกเรามาไกลแล้ว วิหารมารโลหิตจะต้องตอบคำถามเรื่องนี้ การตายของประมุขน้อยต้องไม่สูญเปล่า การประชุมสุดยอดในวันพรุ่งนี้ วิหารมารโลหิตจะต้องให้คำตอบที่น่าพอใจกับท่านประมุข ถ้าพวกเขาไม่ให้ ลงมือตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
“ฮึ่ม! ไอ้สารเลวกู่อี้จะไม่ปกป้องไอ้ชั่วนั่น ข้าจะสับมันเป็นหมื่นๆชิ้น……ไม่สิ……นั่นมันง่ายไป ข้าจะให้มันลิ้มรสชาติการทรมานที่โหดร้ายที่สุด มันจะไม่สามารถอ้อนวอนขออยู่หรือตายได้” แววตาของประมุขวิหารมังกรทอประกายเยือกเย็นน่ากลัว เขาจ้องกู่อิ่งเขม็งด้วยสายตาที่เหมือนงูพิษ
เฟยเหยียนฟังอย่างเงียบๆ เมื่อรู้ว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
เรื่องระหว่างวิหารมังกรกับวิหารมารโลหิต เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายอีกแล้วหลังจากวันนี้ มันมาถึงจุดที่ไม่มีทางย้อนกลับได้แล้ว เขาแค่นั่งดูการแสดงอยู่เฉยๆก็พอ
เฟยเหยียนใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้กวาดสายตาไปตามวิหารต่างๆ อย่างที่คาดไว้ เพื่อนของเขาถูกพามาด้วยทุกคน
เป็นแค่วัยรุ่นก็มีพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสามแล้ว กวาดมองทั่วอาณาจักรกลางก็หาเช่นนี้ได้ยากยิ่ง
พวกเขาทุกคนย่อมได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากวิหารต่างๆ
บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงตึงเครียด วิหารทั้งหลายล้วนมีฝ่ายที่ไม่ถูกกันอยู่ พวกเขาต่างเคยต่อสู้ถึงเลือดถึงเนื้อกันมาแล้ว จะคาดหวังให้พวกเขานั่งอยู่ในงานเลี้ยงเดียวกันตอนนี้ ทุกคนต่างอดกลั้นข่มใจตัวเองและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ทำให้ทั้งงานเลี้ยงเต็มไปด้วยประกายของคมหอกคมดาบ
ตอนที่ 1895 การประชุมสุดยอดของสิบสองวิหาร (9)
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงกวาดตามองงานเลี้ยงทั้งงานที่เย็นยะเยือกเหมือนบ้านน้ำแข็ง ใบหน้าของเขายิ่งไม่น่าดูมากขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสายตาของประมุขวิหารจื่อเหลยที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเหยียดหยาม
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆเขาจับความผิดปกติได้ จึงรีบส่งเสียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน
“วิหารต่างๆได้มาถึงที่นี่แล้ว แต่เรายังไม่เห็นแม้เงาของวิหารเงาจันทราเลย มีใครรู้บ้างว่าวิหารเงาจันทราจะมาถึงเมื่อไร?”
คำพูดของผู้อาวุโสวิหารปีศาจเพลิงได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก
ในช่วงที่พวกเขามัวแต่ขัดหูขัดตากันอยู่นั้น ไม่มีใครทันสังเกตว่าคนของวิหารเงาจันทราไม่ได้อยู่ที่นี่
“วิหารเงาจันทราได้รับคำเชิญแล้วไม่ใช่หรือ? เวลาตั้งนานยังไม่พอให้พวกเขาเดินทางมาอีกหรือ? ถ้าข้าจำไม่ผิด วิหารเงาจันทราน่าจะอยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุดนะ” ผู้อาวุโสหลินแห่งวิหารมารโลหิตคล้อยตามทันที
“วิหารเงาจันทรา? ช่วงนี้พวกเขาหายไปเลยนี่ อยู่สบายมาก คงจะลืมพวกเราไปแล้ว” ผู้อาวุโสวิหารไหนไม่รู้หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
สิบเอ็ดในสิบสองวิหารได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ ทุกวิหารต้องกัดฟันยืนหยัด เหตุผลที่พวกเขามาในวันนี้เป็นเพราะส่วนใหญ่คิดจะใช้วิธีการที่ละมุนละม่อมแก้ไขทุกอย่างเพื่อไม่ให้ต่อสู้กันอีก
แล้วจู่ๆวิหารเงาจันทราก็ถูกพูดถึงขึ้นมา การที่วิหารเงาจันทราไม่ได้รับความสูญเสียใดๆเลยทำให้วิหารอื่นๆรู้สึกไม่เท่าเทียมขึ้นมา รวมกับการที่พวกเขายังไม่มาในวันนี้ ทำให้คนของวิหารต่างๆรู้สึกไม่พอใจ
“เฮ้ วิหารเงาจันทราเพิ่งเปลี่ยนประมุข เห็นว่าเป็นเด็กสาวอายุน้อย เป็นธรรมดาที่นางจะไม่เข้าใจมารยาท” ผู้อาวุโสของวิหารปีศาจเพลิงเห็นว่าความโกรธของพวกเขาถูกเบี่ยงเบนไปแล้ว ก็รีบก้าวออกมาทันที เบื้องหน้าเหมือนพยายามทำให้สงบลง แต่แท้จริงแล้วกระพือไฟให้โหมแรงขึ้น
“เด็กสาวงั้นหรือ? เป็นเด็กก็ยิ่งต้องรู้มารยาท ให้พวกเราทั้งกลุ่มมารอนางแบบนี้ได้ยังไง?”
“วิหารเงาจันทราต้องมองพวกเราเหมือนเป็นเรื่องตลกตลอดช่วงที่ผ่านมาแน่ ใครจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ?”
“ใช่แล้ว พวกเขาอาจคิดที่จะใช้โอกาสนี้เพิ่มอำนาจตัวเองก็ได้”
เมื่อพบเป้าหมายในการโจมตี ปากของทุกคนก็โหดร้ายเอาเรื่อง แต่ละคนติดหอกพกกระบอง พูดจาเย้ยหยันถากถางได้หยาบคายมาก
ประมุขวิหารปีศาจเพลิงเฝ้าดูบรรยากาศงานเลี้ยงที่เปลี่ยนไปด้วยความพอใจ และแอบพยักหน้าให้ผู้อาวุโส
ความจริงที่พวกเขามาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ วิหารทั้งหลายพยายามที่จะจุดการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหยุดการสูญเสียไม่ให้มากไปกว่านี้ แต่ความขัดแย้งระหว่างกันก็ยังค้ำคออยู่ ตอนนี้วิหารเงาจันทรายังไม่โผล่มา ทำให้พวกเขาเจอเป้าหมายระบายความหงุดหงิด
เมื่อทุกวิหารต่างสูญเสียความแข็งแกร่งไป มีเพียงวิหารเดียวที่ยังครบสมบูรณ์และไม่บุบสลาย ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ และหวังว่าจะสามารถลากวิหารเงาจันทราลงไปในปลักโคลนได้เช่นกัน พวกเขาจะได้รู้สึกเท่าเทียมกันมากขึ้น
ขณะที่ทุกคนกำลังโจมตีวิหารเงาจันทราในระหว่างงานเลี้ยงนั้นเอง ศิษย์คนหนึ่งของวิหารปีศาจเพลิงก็เดินเข้ามาคุกเข่าลงตรงกลางห้องจัดเลี้ยง
“เรียนท่านประมุข คนของวิหารเงาจันทรามาถึงแล้วขอรับ”
“โอ้?” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ประกายเย้ยหยันแวบผ่านดวงตา
ช่างมาได้จังหวะเหมาะจริงๆ วิหารต่างๆกำลังออกความเห็นถึงวิหารเงาจันทราอยู่ วิหารเงาจันทราก็มาทันได้เจอกับความโกรธของทุกคนพอดี
“เฉียวฉู่ ไปรับคนของวิหารเงาจันทรา จัดการดูแลศิษย์ของพวกเขาให้เหมาะสม แล้วเชิญประมุขของพวกเขามาที่นี่” ประมุขวิหารปีศาจเพลิงสั่ง
เฉียวฉู่ด่าแม่ของประมุขวิหารปีศาจเพลิงอยู่ในใจ เนื่องจากรู้ว่าเจตนาแท้จริงของประมุขวิหารปีศาจเพลิงคืออะไร แม้ว่าเขาเองก็อยากไปคุยกับจวินอู๋เสียเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์เช่นนี้!
“ขอรับ” ไม่ว่าอกจะแตกมากแค่ไหน เฉียวฉู่ก็ฝืนวางท่าสงบนิ่งและเดินออกไปจากงานเลี้ยง
หญิงสาวผู้เย็นชาและหยิ่งทะนงยืนอยู่กลางกลุ่มพร้อมออร่าของชนชั้นสูง ใบหน้าแม้ว่าจะไม่ได้งดงามจนไร้ที่ติ แต่ก็นับได้ว่าเป็นหญิงงามทรงเสน่ห์ ความสง่างามที่เยือกเย็นทำให้ศิษย์ทั้งสองไม่สามารถละสายตาจากนางได้ และได้คิดเอาเองว่านางคือประมุขคนใหม่ของวิหารเงาจันทรา
พวกเขาไม่คิดว่าประมุขคนใหม่ของวิหารเงาจันทราจะดูมีเสน่ห์มากขนาดนี้
“ท่านประมุขได้จัดงานเลี้ยงและรอคอยอยู่นานแล้ว ขอเชิญประมุขวิหารเงาจันทรามากับเราขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งพูดกับหญิงสาวผู้เย็นชาและหยิ่งทะนงที่ยืนอยู่ในกลุ่มโดยตรง