Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1970 -1972
ตอนที่ 1970 วิญญาณใหม่ (4)
ด้วยการชี้แนะของจวินอู๋เหยา ทุกอย่างจึงราบรื่นสำหรับจวินอู๋เสีย แต่สำหรับพวกเฉียวฉู่ที่ถูกท่านราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ลืมนั้น พวกเขาต่างตกใจมากเมื่อเข้าไปในบ้านต้นไม้หลังเล็กของตน จากนั้นทุกคนก็พากันตรงดิ่งมาที่บ้านต้นไม้ของจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เหยามองพวกเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ในห้องจวินอู๋เสียครบถ้วนพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งห้าคน ไม่ขาดไปเลยแม้แต่คนเดียว
“พี่ใหญ่อู๋เหยา……” เฉียวฉู่ทำหน้าหงอย จู่ๆก็มายังโลกที่แปลกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวฉู่รู้สึกว่าตัวเองเป็นขยะไร้ประโยชน์ ทุกอย่างยกเว้นประตูห้องและกล่องไฟวิญญาณ เขาไม่สามารถสัมผัสได้เลย และพื้นที่กว้างขวางอย่างคาดไม่ถึงในบ้านก็ทำให้เขาตาลายไปหมด
จวินอู๋เหยายกมือขึ้นนวดขมับ แล้วบอกกฎบางอย่างของโลกวิญญาณให้พวกเฉียวฉู่ฟังอย่างอดทน
ในโลกวิญญาณ ไม่มีการใช้เงินตราแลกเปลี่ยน การแลกเปลี่ยนทุกรูปแบบจะขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณ ร่างวิญญาณที่ทรงพลังสามารถใช้พลังของตัวเองสร้างสิ่งต่างๆออกมาให้เป็นรูปเป็นร่างได้ ทุกอย่างในโลกวิญญาณสามารถสร้างได้ด้วยพลังของวิญญาณ รวมทั้งอาหารและเหล้า
ไม่ว่าจะสร้างอะไร มันจะสูบพลังวิญญาณออกไปจำนวนหนึ่ง และในโลกวิญญาณ มีวิธีหนึ่งที่สามารถปลดปล่อยพลังวิญญาณออกจากร่างและรวบรวมมันให้เป็นไฟวิญญาณขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ไฟวิญญาณพวกนี้สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับสิ่งที่คนอื่นสร้างขึ้นได้ และไฟวิญญาณที่ได้มาก็สามารถดูดซับเข้าสู่ร่างวิญญาณได้ จากทั้งหมดที่กล่าวมา พื้นฐานของการแลกเปลี่ยนในโลกวิญญาณมักจะทำผ่านพลังของวิญญาณ และคนที่ขี้เกียจเกินกว่าจะสร้างสิ่งของหรือคนที่ไม่พิถีพิถันมากพอในการแปรรูป ก็สามารถรวบรวมไฟวิญญาณไปแลกกับสิ่งที่ต้องการได้
ยังไงซะก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถสร้างสิ่งที่ต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับร่างวิญญาณที่ไม่เคยต้มเหล้ามาก่อน แม้ว่าจะพยายามแปรรูปเหล้าตามจินตนาการของตัวเองแล้ว รสชาติก็จะไม่อร่อย และวิญญาณที่ไม่เคยทำอาหารก็จะสร้างอาหารที่รสชาติเหมือนโคลน เสื้อผ้าหรูหรางดงามก็เช่นกัน ต้องมีทักษะในระดับหนึ่งมาก่อนจึงจะสามารถสร้างได้
การแปรรูปที่อาศัยแค่จินตนาการจะไม่มีทางได้ของที่สมบูรณ์แบบ
ในโลกวิญญาณ สิ่งที่แพงที่สุดก็คืออาหาร แม้ว่าร่างวิญญาณจะไม่ได้กินได้ดื่ม ก็ไม่ก่อเกิดอันตรายใดๆก็ตาม ไม่ต้องกินต้องนอนพวกเขาก็อยู่ได้โดยไม่ตาย แต่ความสุขของการได้กินอาหารอร่อยๆก็ยังเป็นสิ่งที่วิญญาณทั้งหลายปรารถนา
พวกเฉียวฉู่พยายามรวบรวมไฟวิญญาณตามคำแนะนำของจวินอู๋เหยา แต่ด้วยพลังของร่างวิญญาณพวกเขาในตอนนี้ หลังจากพยายามจนสุดกำลังแล้ว ไฟวิญญาณที่พวกเขารวบรวมได้ก็มีขนาดไม่ถึงข้าวครึ่งเมล็ดด้วยซ้ำ
จากนั้นพวกเขาก็ขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการขัดเกลาวิญญาณ ก่อนที่กลุ่มผู้เยาว์จะวิ่งกลับไปที่ห้องของตนราวกับได้รับสมบัติล้ำค่า และรีบเริ่มต้นฝึกฝนทันที
จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าตนฝึกฝนอยู่นานเท่าไร เมื่อนางลืมตาขึ้น ก็พบว่าจวินอู๋เหยากำลังนั่งยิ้มมองนางอยู่บนเก้าอี้
ในโลกวิญญาณไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน เวลากลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรที่นี่ ร่างวิญญาณต้องการแค่พลังที่มากพอเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่หายไป
“ข้าอยากออกไปดูรอบๆ” จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนและวางไฟวิญญาณกลับลงไปในกล่อง เจ้าแมวดำตัวน้อยเดินมาวนอยู่รอบๆเท้านาง ไม่รู้ว่าบัวน้อยและอิงซู่ออกมาจากร่างนางตั้งแต่เมื่อไร ทั้งสองนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว
“ให้สองคนนั้นพาไปสิ” จวินอู๋เหยาพูดช้าๆ
“ท่านไม่ไปหรือ?” จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาอย่างงงๆ ความจริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเข้ามาในโลกวิญญาณ นางก็พบว่าจวินอู๋เหยาดูเหมือนไม่อยากเปิดเผยตัวเองที่นี่
ตอนที่ 1971 เที่ยวโลกวิญญาณในหนึ่งวัน (1)
จวินอู๋เหยาลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าจวินอู๋เสีย เอานิ้วเชยคางนางแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย พร้อมกับพูดว่า “เสี่ยวเสียเอ๋อร์ชวนข้าไปด้วยหรือ?”
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาอย่างหมดคำพูด คำพูดจริงจังของนางเมื่อออกจากปากเขา มันฟังดูเชิญชวนแบบนั้นได้อย่างไร?
จวินอู๋เหยาหัวเราะเบาๆ เขาลูบหัวจวินอู๋เสียแล้วกล่าวว่า “ครั้งล่าสุดที่ข้ามาที่นี่ ข้าทำให้พวกวิญญาณที่นี่กลัวกันมากน่ะ ครั้งนี้จุดประสงค์ของข้าก็คือมากับเจ้าเพื่อช่วยเจ้าขัดเกลาวิญญาณ ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะไปทำให้พวกเขากลัว”
จวินอู๋เหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่จวินอู๋เสียรู้ว่าครั้งล่าสุดที่เขาพูดถึงต้องเป็นตอนที่เขารวมอาณาจักรกลางให้เป็นหนึ่งเดียวแน่
เมื่อรู้ว่าไม่เหมาะที่จวินอู๋เหยาจะแสดงตัวตอนนี้ จวินอู๋เสียก็ไม่ตื้อ นางแค่พาเจ้าแมวดำและเรียกบัวน้อยกับอิงซู่ไปด้วยก่อนจะออกจากประตู ตอนแรกนางคิดจะเรียกพวกเฉียวฉู่ แต่ก็ได้รู้จากจวินอู๋เหยาว่าพวกนั้นได้รับการบอกวิธีการฝึกฝนวิญญาณ จึงพากันเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนด้วยความเจ็บใจ
จวินอู๋เหยาเฝ้ามองด้านหลังจวินอู๋เสียที่เดินจากไป เขาจับคางด้วยท่าทางครุ่นคิด ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาเดินออกจากป่าไปที่ตลาดซึ่งพลุ่กพล่านวุ่นวาย หากมองข้ามรูปร่างแปลกๆของวิญญาณหลากหลายชนิดไป ถนนของโลกวิญญาณก็ไม่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ร้านเหล้า ร้านอาหาร ร้านค้าที่เรียงเป็นแถวละลานตา และเสียงเรียกของพวกพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่เรียงรายอยู่ตามท้องถนน แน่นอนว่าถ้าพ่อค้าที่แบกถังหูลู่ไม่ใช่หมีตัวใหญ่ล่ะก็ ภาพตรงหน้าคงจะดูปกติธรรมดามากกว่านี้
“โฮก……ถังหูลู่……โฮก……” หมีตัวใหญ่อุ้ยอ้ายแบกไม้ไผ่เสียบถังหูลู่เดินผ่านไปตามถนน พร้อมกับยื่นอุ้งมืออ้วนๆไปหยิบถังหูลู่มาใส่ปากตัวเองเคี้ยวกร้วมๆอยู่เป็นระยะ จวินอู๋เสียสงสัยว่าเหตุผลที่มันแบกถังหูลู่มามากมายขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อสนองความตะกละของตัวเองมากกว่า
“เจ้านายอยากไปไหน? อยากดูอะไรขอรับ?” บัวน้อยเหมือนนกที่ได้รับอิสระ ร่างเล็กๆของเขาเด้งไปมารอบๆจวินอู๋เสีย ปากเจื้อยแจ้วอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับโลกวิญญาณไม่หยุด
อิงซู่เดินตามหลังเงียบๆ เจ้าแมวดำกระโดดขึ้นไปนั่งบนไหล่ของเขา หางของมันแกว่งไปมาอย่างเกียจคร้าน
จวินอู๋เสียยังเป็นวิญญาณใหม่ ในโลกวิญญาณนางถือว่าอ่อนแอมาก อิงซู่ไม่ลืมสายตาที่จวินอู๋เหยามองเขาก่อนออกมา ถ้าเขาปล่อยให้จวินอู๋เสียได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย อิงซู่จินตนาการออกเลยว่าชะตากรรมแบบไหนที่รอเขาอยู่
แตกดับสูญสลาย……
“ไม่รู้สิ เดินดูรอบๆก่อนแล้วกัน” จวินอู๋เสียไม่รู้ว่านางอยากดูอะไร นางอาจจะแค่อยากเข้าใจดินแดนแห่งวิญญาณที่แปลกประหลาดและลึกลับมากกว่านี้อีกสักนิด
“เจ้านาย งั้นข้าพาท่านไปที่หุนหุนโหลวดีไหม! อาหารที่นั่นอร่อยนะ!” บัวน้อยตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่โลกวิญญาณ เขาดึงมือจวินอู๋เสียพาวิ่งไปข้างหน้าทันที
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย แต่ระหว่างวิญญาณกับวิญญาณนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก
“หุนหุนโหลว……” ชื่อแปลกอะไรอย่างนี้? จวินอู๋เสียถอนหายใจ แต่ก็ไม่อยากทำให้ความตื่นเต้นของบัวน้อยลดลง จึงปล่อยให้เขาจูงนางไปยังสถานที่ที่เขาคุ้นเคย
ระหว่างทาง จวินอู๋เสียเห็นวิญญาณหลากหลายประเภทผ่านนางไป วิญญาณสัตว์อสูรที่สูงกว่า 10 ฟุต วิญญาณอาวุธที่ทำเสียงดังเคร้งคร้างขณะเดิน และวิญญาณพืชที่ร่างกายเต็มไปด้วยดอกไม้ สิ่งที่ปกติที่สุดที่นางเห็นน่าจะเป็นวิญญาณของมนุษย์ ในโลกวิญญาณมีวิญญาณมนุษย์อยู่ไม่น้อย แค่เดินตามหลังบัวน้อยมา จวินอู๋เสียก็ได้เห็นวิญญาณมนุษย์มากมาย
ตอนที่ 1972 เที่ยวโลกวิญญาณในหนึ่งวัน (2)
จุดหมายของบัวน้อยคืออาคารเจ็ดชั้นที่มีป้ายแขวนอยู่เหนือประตูว่า “หุนหุนโหลว”
ภายในอาคารอันกว้างใหญ่ มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย ร่างวิญญาณเดินเข้าออกไม่ขาดสาย
กระต่ายหูใหญ่สวมผ้ากันเปื้อนตัวหนึ่งกระโดดอยู่ที่หน้าทางเข้าเพื่อต้อนรับลูกค้า เมื่อมันเห็นกลุ่มของจวินอู๋เสียใกล้เข้ามา มันก็พุ่งเข้าไปหาพวกเขาทันที พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยดวงตากลมโตออดอ้อน
“พวกท่านสนใจเข้ามาไหมขอรับ? อยากกินอะไรสักหน่อยไหมขอรับ? ปู้” กระต่ายหูใหญ่พูดอย่างสุภาพเอาใจใส่
บัวน้อยตื่นเต้นขึ้นมาทันที ร้องบอกว่าอยากจะเลี้ยงมื้อใหญ่ กระต่ายหูใหญ่กระโดดนำพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นสามอย่างดีใจ มันกระโดดดึ๋งๆไปตลอดทางดูน่ารักมาก จวินอู๋เสียไม่สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากหางเล็กๆปุกปุยตรงก้นของมัน
ก่อนที่บัวน้อยจะขึ้นไปถึงชั้นสามและได้อาหาร เสียงโต้เถียงดังเอะอะก็ดังเข้าหูของจวินอู๋เสีย
“น่าหลานเยว่ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำ ก็กลับบ้านไปนับถั่วฆ่าเวลาเถอะ ดีกว่าจะมาจู้จี้ขี้บ่นที่นี่ ทำข้ากินข้าวไม่ลง”
คำพูดคำจาร้ายกาจแบบนี้ จวินอู๋เสียรู้สึกว่ามันคุ้นๆหูอยู่บ้าง
เมื่อบัวน้อยได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที เขาวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสามด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
บนชั้นสามมีลูกค้านั่งอยู่จำนวนมาก และที่ต้นเสียงของการโต้เถียงนั้นก็มีร่างวิญญาณมุงอยู่รอบๆ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองชายเจ้าเสน่ห์ที่นั่งอยู่ท่ามกลางวิญญาณมุง นั่นคือชายเจ้าเสน่ห์ที่พวกเขาเจอที่นอกป่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?
“ท่านพี่ตู๋เถิง?” บัวน้อยกระพริบตา สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เขามองตู๋เถิงที่นั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่บนเก้าอี้
คนที่โต้เถียงกับตู๋เถิงเป็นวิญญาณมนุษย์ วิญญาณของคนผู้นั้นมีรูปร่างชัดเจนมั่นคง เขาสวมชุดฉางซานสีฟ้าอ่อนเรียบง่ายอย่างมาก ใบหน้าของชายผู้นั้นสุภาพอ่อนโยนราวกับหยก ดูเป็นคนอารมณ์ดีมาก เจอกับวาจาร้ายกาจของตู๋เถิงก็ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน เขาพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ตู๋เถิง ข้ารู้ว่าเจ้าคิดว่าข้าจู้จี้จุกจิก แต่บางอย่างก็ต้องบอกกล่าวกันให้ถูกต้อง เจ้าหลบเลี่ยงข้าตลอดเวลา ตอนนี้ได้เจอหน้ากันสักที ข้าจะไม่พูดได้อย่างไร?”
ตู๋เถิงกลอกตาใส่ชายคนนั้นแล้วสะบัดมือ เถาวัลย์ที่พันรอบแขนเขาพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า
แส้เถาวัลย์ที่ร้ายกาจนั้นทำให้บรรดาวิญญาณมุงที่อยู่รอบๆแตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางด้วยความหวาดกลัว
ร่างของชายคนนั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลันแวบหายไป เถาวัลย์ของตู๋เถิงไม่ได้สัมผัสร่างของเขาแม้แต่น้อย การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมากจนคนอื่นมองตามไม่ทัน
จวินอู๋เสียที่กำลังดูฉากเด็ด อดตกใจกับการเคลื่อนไหวของชายคนนั้นไม่ได้ นางเพิ่งกลายเป็นร่างวิญญาณ ไม่เพียงแต่สูญเสียพลังวิญญาณของตน ความเร็วที่เคยมีก็ถูกจำกัดไปด้วย ในร่างวิญญาณ นางไม่สามารถเรียกพลังวิญญาณออกมาได้เลย นางกลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น จวินอู๋เหยาเคยบอกนางว่าร่างวิญญาณแตกต่างจากคนจริงๆ พลังวิญญาณคือพลังที่สะสมอยู่ภายในเส้นลมปราณของคน เมื่อวิญญาณออกจากกายเนื้อ ก็จะสูญเสียพลังวิญญาณไปด้วย ร่างวิญญาณสามารถใช้พลังจากวิญญาณได้เท่านั้น
และชายคนนั้นก็ใช้แค่พลังจากวิญญาณของเขาจนได้ความเร็วระดับนั้นซึ่งแทบจะเทียบได้กับคนที่มีพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสาม!
นั่นทำให้จวินอู๋เสียเชื่ออย่างแรงกล้าว่า การขัดเกลาวิญญาณจะทำให้เกิดผลที่น่าประหลาดใจอย่างแน่นอน
มีแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและวิญญาณเท่านั้นที่จะทำให้ก้าวเดินบนเส้นทางสู่จุดสูงสุดของอำนาจได้!