Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1985 -1987
ตอนที่ 1985 หอคอยโยวหลิง (7)
บนชั้นนี้ แม้แต่เมิ่งอีเหลียงก็ยังรู้สึกไม่สบายแปลกๆจากพลังวิญญาณที่พุ่งเข้าใส่ร่างกายเขา แล้วจวินอู๋เสียไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยได้ยังไง?
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
“สองคนนั้นคือศิษย์พี่ของข้า พวกเขาเป็นสองคนแรกที่อาจารย์ข้ารับเป็นศิษย์ ความรุนแรงของพลังวิญญาณบนชั้นสิบสองไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณทั่วไปจะทนรับได้ ทำไม……ไม่ให้ข้าพาเจ้าไปฝึกที่ชั้นอื่นล่ะ?” เมิ่งอีเหลียงรู้สึกไม่สบายทั้งตัวภายใต้ไฟอันร้อนแรงของลูกไฟวิญญาณขนาดมหึมาบนชั้นสิบสอง ยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการได้ว่าหลังจากกลายเป็นวิญญาณแล้ว ความร้อนจะยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายได้มากขนาดนี้
จวินอู๋เสียยืนนิ่งไม่ขยับ แต่สายตาของนางไม่ได้จ้องมองไปที่ลูกไฟวิญญาณขนาดยักษ์นั่น แต่กลับมองไปที่วงอักขระโบราณเสริมวิญญาณ ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่าอักขระโบราณนี้เหมือนกับอักขระในวิชาเสริมวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย ในวงอักขระนั้น นางเห็นชุดอักขระที่นางคุ้นเคยด้วย
“อู๋เสีย?” เมิ่งอีเหลียงทนต่อความร้อนสูงในชั้นสิบสองไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของเขาซีดลงเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องเอ่ยปากเร่งอย่างไม่มีทางเลือก
จวินอู๋เสียได้สติกลับมา นางมองไปที่เมิ่งอีเหลียงซึ่งกำลังฝืนตัวเองให้ทนต่อความร้อน แล้วนางก็ลดสายตาลงต่ำพร้อมกับพูดว่า “ไม่จำเป็น ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากกลับแล้ว”
“อย่างนั้นหรือ?” เมิ่งอีเหลียงลอบถอนใจโล่งอก ถ้าวิญญาณใหม่ไม่รู้สึกอะไรเลยในการขึ้นมาถึงชั้นสิบสองแล้วล่ะก็ มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้เมิ่งอีเหลียงคิดว่ามันเป็นอย่างที่คาดไว้ทั้งหมด
“เจ้ายังเป็นวิญญาณใหม่ มาที่หอคอยโยวหลิงเป็นครั้งแรกก็ย่อมรู้สึกไม่สบายเช่นนี้ หากเจ้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็แค่เอ่ยชื่อข้ากับคนเฝ้าประตูก็เข้ามาได้แล้ว พลังวิญญาณในนี้รุนแรงมาก แต่ข้าสามารถฝึกที่ชั้นสิบเอ็ดได้แล้ว วิญญาณของเจ้ายังอ่อนแออยู่ เริ่มฝึกที่ชั้นแรกจะเหมาะกว่า” เมิ่งอีเหลียงกล่าวด้วยความยินดี ไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นชาจากจวินอู๋เสียเลยสักนิด
จวินอู๋เสียพยักหน้า เมิ่งอีเหลียงเตรียมจะพานางกลับไปแต่ก็ถูกปฏิเสธ เขาจึงส่งนางลงไปที่ชั้นหนึ่งของหอคอยโยวหลิง และมองนางก้าวออกจากประตูหอคอยไป จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกได้ในที่สุด
เมิ่งอีเหลียงที่น่าสงสาร ไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุผลที่จวินอู๋เสียรีบออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะนางทนพลังวิญญาณในหอคอยโยวหลิงไม่ไหว ถ้าเมิ่งอีเหลียงเป็นคนช่างสังเกตมากกว่านี้ เขาคงพบว่าวิญญาณของจวินอู๋เสียโปร่งแสงน้อยลงกว่าตอนก่อนที่นางจะเข้าไปในหอคอยโยวหลิงมาก เติมเต็มร่างจากสถานะกึ่งโปร่งใสจนเป็นร่างเกือบสมบูรณ์แล้ว
จวินอู๋เสียออกจากหอคอยโยวหลิงและเดินไปหาอิงซู่และบัวน้อยที่รออยู่ด้านนอก
“เจ้านาย ข้างในเป็นยังไงบ้าง? ทำไมออกมาเร็วจัง?” พอบัวน้อยเห็นจวินอู๋เสีย เขาก็เดินเตาะแตะเข้าไปต้อนรับทันที และตั้งท่าจะกอดจวินอู๋เสีย
เขาไม่คิดว่าการกระโจนเข้าใส่ของเขาจะสัมผัสร่างจวินอู๋เสียได้จริงๆ บัวน้อยกระเด็นออกจากขาของจวินอู๋เสียและถอยหลังไปสองก้าว ดวงตากลมโตของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“เจ้า……เจ้า……นาย……ข้า……ข้าแตะตัวท่านได้แล้ว?” บัวน้อยมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ต้องรู้ว่าตอนที่จวินอู๋เสียเพิ่งกลายเป็นวิญญาณ บัวน้อยไม่สามารถสัมผัสจวินอู๋เสียได้เลย!
แต่ตอนนี้ บัวน้อยเพิ่งชนเข้ากับร่างของจวินอู๋เสียเต็มๆ มันเป็นไปได้ยังไง?
เมื่อสิบนาทีที่แล้ว ก่อนที่จวินอู๋เสียจะเข้าไปในหอคอยโยวหลิง บัวน้อยยังไม่สามารถสัมผัสจวินอู๋เสียได้เลย!
อิงซู่ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก็แสดงสีหน้าประหลาดใจแบบเดียวกัน ในฐานะวิญญาณเก่าแก่ในโลกวิญญาณ เขาย่อมรู้ว่าต้องเวลาฝึกนานเท่าไรกว่าวิญญาณใหม่จะพ้นจากร่างกึ่งโปร่งใสและได้ร่างสมบูรณ์
ตอนที่ 1986 ถูกแซงอีกแล้ว (1)
เวลาผ่านไปแค่สิบนาที ทำไมจวินอู๋เสียเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ?
แม้แต่อิงซู่ก็ยังตกใจ
“เจ้านายพบอะไรในหอคอยโยวหลิงรึเปล่า?” อิงซู่ตั้งสติ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับจวินอู๋เสียต้องเกี่ยวข้องกับหอคอยโยวหลิงแน่ การพัฒนาทุกรูปแบบของร่างวิญญาณเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามาก แต่จวินอู๋เสียอยู่ในหอคอยโยวหลิงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะออกมา ข้อสรุปที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ จวินอู๋เสียค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้นางกังวล และนั่นคือสาเหตุที่นางออกจากหอคอยเร็วขนาดนี้
จวินอู๋เสียก้มหน้ามองขาตัวเองที่บัวน้อยเพิ่งชนไปเมื่อกี้ นางยื่นมือออกมาและพบว่านางสามารถดึงเสื้อผ้าบนร่างนางได้ ความรู้สึกของการได้รับประสาทสัมผัสกลับมาอีกครั้งนั้น มันรู้สึกไม่จริงเอามากๆ ราวกับว่านางไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานานมากแล้ว
“หอคอยโยวหลิงไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก อูจิ่วนั่นต้องมีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่เบื้องหลังแน่” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น พูดข้อสรุปเดียวกับที่อิงซู่และบัวน้อยคิดอยู่ในใจออกมา
“หมายความว่ายังไง? หอคอยโยวหลิงมีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” อิงซู่เลิกคิ้วถาม หอคอยโยวหลิงไม่อนุญาตให้วิญญาณที่ไม่ใช่มนุษย์เข้าไป ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในหอคอยโยวหลิงเลย
จวินอู๋เสียส่ายหน้า “กลับไปแล้วค่อยคุยเรื่องนี้กัน”
นางรีบออกจากหอคอยโยวหลิง ไม่ใช่เพราะนางถูกรบกวนด้วยพลังวิญญาณอันเข้มข้น แต่เพราะ……
จวินอู๋เสียกลับไปที่ป่าที่พวกเขาพักอยู่พร้อมบัวน้อยกับอิงซู่ ก่อนที่นางจะกลับไปถึงบ้านต้นไม้ของนาง นางก็เห็นเฉียวฉู่ ฮัวเหยา และคนอื่นๆในกลุ่มออกจากบ้านของนางมาจับกลุ่มคุยอะไรบางอย่างกัน
เฉียวฉู่เห็นจวินอู๋เสียจากระยะไกล สีหน้าของเขาสดใสขึ้นด้วยความดีใจทันที จากนั้นเขาก็เดินออกมาต้อนรับนาง
“เสี่ยวเสีย! ข้าจะให้เจ้าดูอะไรเจ๋งๆ!” พูดจบเขาก็ไม่รอให้จวินอู๋เสียตอบกลับ และลงนั่งยองๆยื่นนิ้วออกมาจิ้มไปที่กิ่งไม้เล็กๆอันหนึ่ง แต่ปลายนิ้วกึ่งโปร่งแสงของเขาก็ผ่านทะลุกิ่งไม้ไป เฉียวฉู่ไม่ยอมแพ้ สงบสติอารมณ์พยายามต่อไปอีกสองสามครั้ง
ในที่สุด ปลายนิ้วของเขาก็ไม่ผ่านทะลุกิ่งไม้แต่ดันกิ่งไม้ได้เบาๆ ฮัวเหยากับคนอื่นๆเดินเข้ามาหาพวกเขาและยืนนิ่งไม่วุ่นวายรบกวนขณะมองดูเฉียวฉู่แสดงเคล็ดลับใหม่ของเขา
จากนั้นเฉียวฉู่ก็จดจ่ออยู่กับการดันกิ่งไม้อย่างเต็มที่ ใครจะไปคิดว่ากิ่งไม้ดันหักขึ้นมาจริงๆ!
เฉียวฉู่ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เขาหัวเราะออกมาดังลั่นและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “วะฮ่าๆๆ! เป็นยังไง? ข้าทำตามวิธีที่พี่ใหญ่อู๋เหยาบอกและฝึกตลอดทั้งบ่ายเลยกว่าจะสัมผัสอะไรได้ในที่สุด ฮ่าๆๆ! ข้าเก่งสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?”novel-lucky
เฉียวฉู่ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวรับคำชมจากสหายของเขา แต่คำชมเชยและการแสดงความยินดีที่เขาจินตนาการไว้ก็ไม่มา เขาเห็นพวกฮัวเหยาเอาแต่ยืนนิ่ง เงียบกริบกันหมด
“อะไร? ทุกคนตกใจมากจนอึ้งไปเลยหรือ? วะฮ่าๆๆ! ครั้งนี้ข้านำพวกเจ้าทุกคนแล้ว! เห็นด้วยไหม?” เฉียวฉู่เอนหัวไปทางด้านหลังเล็กน้อย ดูพอใจอย่างมาก พวกฮัวเหยายังไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ แต่เขาทำได้ นี่ทำให้เฉียวฉู่ที่มักจะล้าหลังเพื่อนๆคนอื่นอยู่เสมอมีโอกาสได้อวดอย่างภาคภูมิใจบ้างสักครั้ง เขากำลังจะหัวเราะเยาะความโง่เขลาของพวกเฟยเหยียน แล้วจู่ๆเขาก็สังเกตเห็นว่าสายตาของพวกเฟยเหยียนมองผ่านเขาไป และจับจ้องอยู่ที่จวินอู๋เสียที่อยู่ด้านหลังเขาแทน
“พวกเจ้าอย่าใจแคบกันนักได้ไหม? ยอมรับความพ่ายแพ้มันยากนักหรือไง?” เฉียวฉู่ไม่เข้าใจและพูดต่อไปอย่างขุ่นเคือง ก่อนที่จะหันหลังกลับไปเพื่อขอคำชมจากจวินอู๋เสียแทน แต่พอเขาหันกลับไปเห็นจวินอู๋เสียชัดๆ เขาก็ตกตะลึงจนแข็งค้างไปทั้งตัว
ตอนที่ 1987 ถูกแซงอีกแล้ว (2)
กิ่งไม้ที่เฉียวฉู่หักกระเด็นไปเมื่อครู่ ตอนนี้ถูกจับแน่นอยู่ในมือของจวินอู๋เสีย!
สีหน้ายินดีปรีดาของเฉียวฉู่พังทลายกลายเป็นสิ้นหวังทันที เขาอ้าปากค้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาจ้องจวินอู๋เสียราวกับมองเห็นสองรูทะลุผ่านร่างของจวินอู๋เสีย
“เสี่ยวเสีย……เจ้า……เจ้าทำได้ยังไง……” เฉียวฉู่พูดไม่ออก เมื่อกี้ยังเต็มไปด้วยความทะนงตัว ตอนนี้ดูราวกับเด็กน้อยหน้ามอมแมมกำลังอวดส่วนสูงต่อหน้าผู้ใหญ่
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!!
เฉียวฉู่ถูกทำร้ายความรู้สึกนับถือตัวเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาคิดว่าในที่สุดเขาก็สามารถนำหน้าเพื่อนๆได้สักครั้ง
ไม่รู้เลยว่าขณะที่เขาแอบรู้สึกพอใจในตัวเองที่สามารถใช้นิ้วขยับกิ่งไม้ได้ จวินอู๋เสียกลับจับกิ่งไม้ทั้งกิ่งไว้ด้วยมือได้อย่างสบายๆ!
จวินอู๋เสียมองสีหน้าเหมือนคนใจสลายของเฉียวฉู่แล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางหันไปมองกิ่งไม้ในมือ กิ่งไม้นี้เฉียวฉู่ทำหักกระเด็นเข้ามาที่หน้าของนาง นางก็แค่ยกมือขึ้นกันตามสัญชาตญาณเท่านั้น……
“เสี่ยวเสีย บอกความจริงเรามา พี่ใหญ่อู๋เหยาสอนเจ้าเป็นพิเศษใช่ไหม?” เฉียวฉู่หน้าเศร้า
“เปล่า” จวินอู๋เสียโยนกิ่งไม้ลงกับพื้น แล้วส่ายหัวเล็กน้อยอย่างจนใจ
จวินอู๋เหยาไม่เคยอยู่ในร่างวิญญาณมาก่อน ดังนั้นความเข้าใจในเรื่องร่างวิญญาณของเขาจึงไม่ละเอียดมากนัก
“แล้วเจ้าทำได้ยังไง……” เฉียวฉู่ไม่สามารถพูดให้จบประโยคได้ เขาชี้ไปที่กิ่งไม้บนพื้น แล้วชี้ไปที่มือของจวินอู๋เสีย สีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
จวินอู๋เสียเริ่มปวดหัว
ฮัวเหยาก้าวไปข้างหน้าและมองเฉียวฉู่ที่กำลังนั่งจ๋องวาดวงกลมบนพื้นอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะหันไปมองจวินอู๋เสีย
“เสี่ยวเสีย วิญญาณเจ้าใกล้จะได้ร่างสมบูรณ์แล้วหรือ?” จุดที่ฮัวเหยาและเฉียวฉู่สนใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะตกใจที่จวินอู๋เสียสัมผัสสิ่งต่างๆได้ แต่ที่เขาสนใจมากกว่าคือวิญญาณของจวินอู๋เสียใกล้จะได้ร่างสมบูรณ์แล้ว
ถ้าเขาจำไม่ผิด ตอนที่เขาเห็นจวินอู๋เสียฝึกอยู่ในห้องก่อนหน้านี้ วิญญาณของนางเป็นร่างกึ่งโปร่งแสงเหมือนพวกเขาทุกคน แต่เวลาแค่ครึ่งบ่าย นางเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ถ้าเขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียเข้ามาในโลกวิญญาณพร้อมกับพวกเขา เขาคงคิดว่าจวินอู๋เสียมาที่นี่ก่อนพวกเขานานแล้ว
“เรื่องมันยาว เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง” จวินอู๋เสียพูดหลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่านางควรจะบอกพวกฮัวเหยาเรื่องหอคอยโยวหลิงและน่าหลานเยว่
ฮัวเหยาพยักหน้า แล้วกลุ่มเพื่อนๆก็เดินตามจวินอู๋เสียเข้าไปในบ้านของนาง มีเพียงเฉียวฉู่ที่ยังนั่งยองๆอยู่บนพื้นอย่างโศกเศร้า จนกระทั่งพวกฮัวเหยาเดินห่างออกไปแล้วเขาถึงเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าพวกจวินอู๋เสียเดินออกไปไกลมากแล้ว
[ไม่พูดปลอบใจกันสักคำ!]
เฉียวฉู่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทั้งโลกทอดทิ้ง!!
“เจ้าทึ่มเฉียว จะมารึเปล่า?” ฮัวเหยาหยุดเดินและหันหน้ามามองหนอนน้อยน่าสมเพชที่ถูกทอดทิ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“มา! ข้ามาแล้ว!” เฉียวฉู่ลุกพรวดและวิ่งเข้าไปหาฮัวเหยาทันที สีหน้าเสียใจ “พี่ฮัวดีกับข้าที่สุด!”
ฮัวเหยากลอกตาใส่เขา
“เจ้ากำลังบอกว่าข้าไม่ดีกับเจ้าซินะ?” จู่ๆจวินอู๋เสียก็หันมา สายตาเย็นชาของนางกวาดมองทั่วร่างของเฉียวฉู่
เฉียวฉู่ตัวสั่น
“ไม่! ไม่ใช่อย่างนั้น! เสี่ยวเสียดีกับข้าเสมอ!”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากนาง