อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 746
ถูกลอตเตอรี่ตอนสตรีมสด
“โทษทีนะ ขอทางหน่อย ฉันจะอยู่แค่ตรงประตูไม่เข้าไปข้างในหรอก” จู่ๆหม่าจื้อต๋าก็ออกท่าออกทางทันทีที่นึกขึ้นได้ เขาเดินไปที่ประตูร้านหยวนโจวทันที
“โอ้ นายนี่เอง เข้ามาสิ” บรรดาลูกค้าต่างหลีกทางให้เขาด้วยความเอื้อเฟื้อเมื่อพวกเขาหันหน้ามาแล้วเห็นว่าเป็นหม่าจื้อต๋า
ถึงอย่างไรหม่าจื้อต๋าก็มีชื่อเสียงที่ดีในละแวกนี้ เขาไม่เคยแซงคิวแถมนอกจากนี้เขายังตั้งกล่องใส่เงินบริจาคอีกด้วย ถึงแม้เขาจะไม่เคยใช้มันมาก่อนเลยก็ตามที แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกดีจริงๆ
“ขอบคุณครับ” หม่าจื้อต๋ากล่าวขอบคุณซ้ำๆ
“ด้วยความยินดี” บรรดาลูกค้าต่างถอยออกมาพลางอมยิ้ม อย่างไรเสียตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ทานอาหารหลีกทางให้เขาสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรนักหรอก
“อู๋ไห่ อู๋ไห่ มานี่หน่อยซิ” หม่าจื้อต๋าเดินไปที่ประตูแล้วเจออู๋ไห่ที่กำลังสั่งอาหารอยู่ จากนั้นเขาก็เรียกอู๋ไห่ทันที
“อะไรเหรอ?” อู๋ไห่ส่งสัญญาณให้โจวเจียไปที่อื่นก่อนแล้วหันกลับมามองหม่าจื้อต๋าก่อนที่จะถามเขาขึ้นมา
“พี่เจียงหายไปไหนอ่ะ?” หม่าจื้อต๋าถามตามตรง
“เธองั้นเหรอ?” อู๋ไห่รู้สึกสับสนและงุงงเล็กน้อย
“ใช่ พี่เจียงไม่ได้มาที่นี่สองสามวันแล้ว” หม่าจื้อต๋าพยักหน้าแล้วกล่าว
“ฉันก็ไม่รู้อ่ะ เธอไม่ได้ที่นี่มาสองสามวันแล้วจริงๆเหรอ?” พักนี้อู๋ไห่มักจะวาดภาพอยู่ตลอดจึงทำให้เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนอกจากเรื่องกิน เขาไม่รู้หรอกว่าใครจะมาหรือไม่มากันน่ะ
ถูกต้องแล้วล่ะ หมูก็สนใจแต่เรื่องกินนั่นแหละ
“เธอออกไปทำธุระเดี๋ยวอีกสองวันก็กลับ” ในตอนนั้นเอง เสียงของหยวนโจวก็ดังขึ้นมาจากหน้ากากของเขา
ใช่แล้วล่ะ ในฐานที่เป็นคนที่มีประสาทสัมผัสทั้งห้าอันกล้าเฉียบคม หยวนโจวก็เลยได้ยินหม่าจื้อต๋าอย่างชัดเจนแม้ว่าเขาจะพยายามที่จะไม่รบกวนลูกค้าคนอื่นๆก็ตามที
หยวนโจวอ้าปากแล้วกล่าวเช่นนั้นระหว่างที่เขายกอาหารลงวางบนโต๊ะ
“โอ้ เป็นงี้เอง” หม่าจื้อต๋าพยักหน้าเพื่อบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
แล้วหม่าจื้อต๋าก็รู้สึกโล่งอก เขาขอบคุณหยวนโจวแล้วออกไปทันที
“แปลกชะมัด! ทำไมหม่าจื้อต๋าต้องถามหาเจียงฉางซี่ด้วยเล่า?” อู๋ไห่พึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย
“งี่เง่า” หยวนโจวจนปัญญากับท่าทีตอบสนองของอู๋ไห่จริงๆ ดังนั้นเขาจึงพูดคำว่า “งี่เง่า” ออกมาอย่างแนบเนียน
“เถ้าแก่หยวน ทุกคนจะวิจารณ์ฉันว่ายังไงก็ได้ยกเว้นนาย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู๋ไห่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมทันที
“จริงเหรอ?” หยวนโจวตอบส่งๆ
“ใช่สิ เพราะยังไงฉันก็ฉลาดกว่านายแน่ๆล่ะ” อู๋ไห่พยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกน่า” หยวนโจวกล่าว
“ก็ได้ งั้นตอนนี้ให้ฉันถามคำถามทางวิทยาศาสตร์กับนายนะ ชั้นนอกโลกมีชื่อเรียกว่าอะไร?” อู๋ไห่บอกด้วยความภาคภูมิใจว่าเขาเพิ่งจะศึกษาความรู้ทางดาราศาสตร์มาเนื่องจากความจำเป็นในงานของเขา เขาคิดว่าน่าจะสร้างความสับสนให้หยวนโจวได้เป็นแน่
ก็อย่างที่รู้ๆกันแหละนะ หยวนโจวเป็นเชฟและนอกเหนือไปจากนั้น คนอื่นๆก็มักจะเห็นเขาอ่านตำราการทำอาหารทุกครั้งอยู่เสมอ เขาน่าจะไม่มีความรู้ทางดาราศาสตร์ที่ดูเคลือบคลุมแบบนั้นหรอก
อู๋ไห่จ้องมองหยวนโจวแล้วรอคอยคำตอบของเขาด้วยความมั่นใจในชัยชนะของตนเอง
แต่คราวนี้อู๋ไห่คำนวณพลาดไปเสียแล้ว หยวนโจวค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญด้านภูมิศาสตร์ เขารู้ทุกอย่างรวมไปถึงทั้งสี่ทิศทางด้านหน้า หลัง ซ้ายและขวา แน่นอนว่าย่อมยกเว้นความรู้เรื่องทิศตะวันออก ตะวันตก ใต้และเหนือ
อย่างน้อยคำถามนี้ เขาก็รู้คำตอบแหละน่า
“ชานมเซียงเพียวเพียว” หยวนโจวกล่าวโดยไม่หยุดคิดและไม่ลังเลเลยสักนิด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…..”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ชานมงั้นเหรอ?”
“ฮ่า ฮ่า กลายเป็นว่าเถ้าแก่หยวนสามารถเล่าเรื่องตลกได้หน้าตายเลย ขำชะมัด”
“ใช่ เขาพูดถูกเชียวล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ถูกเผงเลย โฆษณาบอกว่าขายได้ปีละพันล้านถ้วยแถมยังมีเครือข่ายไปทั่วโลกอีกต่างหาก งั้นนอกโลกคือชานมก็เป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเถ้าแก่หยวนก็เข้าใจมุขตลกแบบนั้นด้วย ฮ่าฮ่า อู๋ไห่ เป็นชานมเซียงเพียวเพียวที่รายล้อมอยู่ทั่วโลก”
เมื่อหยวนโจวบอกคำตอบไปแล้ว บรรดาลูกค้าในร้านก็ระเบิดหัวเราะออกมา แต่เนื่องจากมีอาหารอร่อยอยู่ในปาก พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยิ้มยิงฟัน แต่เรื่องนั้นกลับไม่ส่งผลต่อการล้อเลียนอู๋ไห่ของพวกเขาสักนิด
ทว่าอู๋ไห่ดูเหมือนจะค่อนข้างสับสน ชานมบ้าบออะไรกันวะ?
ส่วนหยวนโจวนั้น เขาหันหน้าไปอย่างเฉยเมยแล้วจ้องมองอู๋ไห่ด้วยสายตาดูถูกราวกับจะบอกว่า “เจ้าโง่เอ้ย” จากนั้นเขาก็ทำอาหารต่อ
ร้านหยวนโจวกลับครื้นเครงยิ่งขึ้นเพราะมุขตลกหน้าตายของหยวนโจว แต่อู๋ไห่กลับขมวดคิ้วและยังคงไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจมุขตลกพวกนี้เอาเสียเลย
แต่อย่างไรเสียเขาก็ยืนกรานว่าตัวเองฉลาดกว่าหยวนโจว เห็นได้ชัดว่าเขาแน่ใจว่าคำตอบของหยวนโจวไม่ถูกต้อง
มันเป็นความครื้นเครงอย่างหนึ่งในร้านหยวนโจว ในขณะเดียวกัน เมิ่งเมิ่งที่เพิ่งจะจบการสตรีมสดไปเมื่อหลายวันก่อนก็อารมณ์ดีเช่นกัน นี่เป็นเพราะเธอถูกลอตเตอรี่มากถึง 100,000 หยวน
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน
พอจบการสตรีมสดเกี่ยวกับการกินแล้ว เมิ่งเมิ่งก็ตัดสินใจที่จะไปซื้อลอตเตอรี่ตามที่ให้สัญญาเอาไว้
“ฉันจะซื้อลอตเตอรี่เดี่ยวนี้แหละ ถึงยังไงวันนี้ก็เป็นวันดีของเมิ่งเมิ่งล่ะนะ อย่างแรกเลยฉันจะเริ่มการสตรีมสดขึ้นมาใหม่อีกครั้งส่วนอย่างที่สอง ฉันจะโชคดีได้กินน้ำข้าวที่เถ้าแก่หยวนเสนอให้ฟรีๆ ก็มันเป็นของฟรีนี่นา พรรคพวก” เมิ่งเมิ่งกล่าวอย่างมีความสุขกับเลนส์กล้อง
“ตอนนี้เมิ่งเมิ่งก็เลยตัดสินใจว่าจะไปซื้อลอตเตอรี่ ถ้าหากโชคดีพอ ฉันจะชวนพวกคุณไปร้องเพลงที่เคทีวีด้วย ใช่แล้ว ร้องเพลงกันๆ ถ้าลอตเตอรี่เป็นรางวัลใหญ่ ฉันก็จะพาพวกคุณมาเลี้ยงอาหารมื้อค่ำที่นี่ไงล่ะ แต่ถ้าไม่ใช่รางวัลใหญ่ ฉันคงทำได้แค่ซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้พวกคุณล่ะนะ พวกเราสามารถเล่นเกมเสี่ยงโชคกันได้” ขณะที่กล่าวเช่นนั้น เมิ่งเมิ่งก็กระโดดโลดเต้นไปมาตรงนั้นด้วยความตื่นเต้น เธอทำตัวราวกับว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่แล้วก็ไม่ปาน
[เมิ่งเมิ่ง ฉันคิดว่าเธอคิดมากไปแล้วนะ เธอยังไม่มีลอตเตอรี่เสียด้วยซ้ำ] จากพี่ชายปลาหมึก
[เมิ่งเมิ่ง ถ้าเธออยากได้รางวัลก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะส่งร็อคเก็ตไปให้นะ] เมื่อข้อความของความเจ็บปวดของการอกหักปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เมิ่งเมิ่งก็นึกถึงผู้ดูแลที่ให้ร็อคเก็ตอันเป็นสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบหนึ่งในการสตรีมสดแก่เธอมาสิบชิ้นขึ้นมาได้
[ว้าว ขอคารวะนายเลย ความเจ็บปวดของการอกหัก] จากจิ้งจอกเงินหลิวหลี
[ซื้อเลยสิ ก็แค่ซื้อมา แต่ฉันก็ยังไม่เคยถูกลอตเตอรี่เลยสักใบ ถ้าเมิ่งเมิ่งถูกรางวัลก็คงจะดีสินะ] จากเต้าฟาซูเซียง
นอกเหนือไปจากของขวัญนับไม่ถ้วนบนหน้าจอแล้ว ยังมีข้อความอีกมากมายที่กำลังถามเรื่องที่เมิ่งเมิ่งจะออกไปซื้อลอตเตอรี่
“ขอบคุณของขวัญทั้งหลายของพวกคุณด้วยนะ ความเจ็บปวดของการอกหักและก็เพื่อนๆที่รักคนอื่นๆด้วย ขอบคุณทุกๆคนนะคะ” เมิ่งเมิ่งแสดงสีหน้าซาบซึ้งอย่างจริงจังแล้วอ้าปากพูดอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันกำลังจะออกไปซื้อลอตเตอรี่แล้ว” เมิ่งเมิ่งกล่าวพลางอมยิ้ม
“ไปกันเถอะ ไปร้านขายลอตเตอรี่กัน” เมิ่งเมิ่งยกมือขึ้นแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกระฉับกระเฉง
สถานที่ที่เมิ่งเมิ่งจะไปซื้อลอตเตอรี่เป็นร้านที่เถ้าแก่ถงเคยอยู่มากก่อนนั่นเอง มันเป็นแค่ร้านขายลอตเตอรี่บนถนนสายนี้และกิจการก็ค่อนข้างดีมากทีเดียว ทุกวันนี้การซื้อลอตเตอรี่กลายเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว
อย่างที่รู้ๆกันอยู่ คนส่วนใหญ่ซื้อลอตเตอรี่เพื่อเสี่ยงโชค เมิ่งเมิ่งเองก็เช่นกัน
เธอเดินไปตรงทางเข้าร้านขายลอตเตอรี่ เนื่องจากมือหนึ่งถือโทรศัพท์เอาไว้ส่วนอีกมือหนึ่งถือบิลอยู่ เธอจึงบอกไปตรงๆว่า “เถ้าแก่ เอาลอตเตอรี่ 5 หยวนค่ะ”
“นี่ไง เลือกเอาเองเลย” เถ้าแก่หยิบลอตเตอรี่แข็งๆขนาดเท่าฝ่ามือออกมา
“ลอตเตอรี่ 5 หยวนน่าจะมีโอกาสถูกรางวัลใหญ่ได้มากกว่า งั้นฉันจะซื้อสักใบก็แล้วกัน” ขณะที่กำลังเลือกลอตเตอรีอยู่นั้น เมิ่งเมิ่งก็ให้คำอธิบายนิดๆหน่อยๆกับผู้ชมของเธอ
นี่เป็นเรื่องจริง ลอตเตอรี่ 5 หยวนสามารถถูกรางวัลได้สูงสุด 100,000 หยวนในขณะที่ลอตเตอรี่ 2 หยวนสามารถถูกรางวัลได้สูงสุดเพียง 20,000 หยวนเท่านั้น
“พวกคุณคิดว่าใบนี้เป็นไง?” เมิ่งเมิ่งหยิบลอตเตอรี่ใบสีน้ำเงินออกมาแล้วถามผู้ชมของเธอผ่านหน้าจอ
“ไม่งั้นเหรอ? งั้นใบสีแดงที่อยู่ข้างล่างเป็นไง?” เมิ่งเมิ่งอ่านข้อความแล้วหยิบใบสีแดงขึ้นมา
“แต่มีใบสีแดงอยู่สองใบ งั้นให้ฉันหลับตาเลือกก็แล้วกันนะ” หลังจากกล่าวเช่นนั้นออกมา เมิ่งเมิ่งก็หลับตาลงทันทีแล้วสุ่มเลือกขึ้นมาใบหนึ่ง
“เอาล่ะ ได้แล้ว ฉันจะไปขูดดูนะ” เมิ่งเมิ่งค่อยๆวางโทรศัพท์ลง จากนั้นเธอก็หยิบเหรียญบนโต๊ะขึ้นมาแล้วเริ่มขูด
เกิดเสียงขูดเหรียญลงบนกระดาษดัง “ครืดคราด” เพียงไม่นาน เมิ่งเมิ่งก็จัดการจนเสร็จ
“ว้าว! ฉันโชคดีชะมัดเลยยยยย คุณไม่คิดงั้นเหรอ? ดูสิ ฉันถูกรางวัลด้วยล่ะ แถมเป็นรางวัลใหญ่อีกต่างหากแน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เถ้าแก่หยวนเป็นดาวนำโชคของเมิ่งเมิ่งจริงๆพวกคุณก็ด้วยนะ” เมิ่งเมิ่งหยิบลอตเตอรี่ขึ้นมาและดูค่อนข้างจะตื่นเต้นเอามากๆเลยทีเดียว
นอกจากนี้เสียงตะโกนของเมิ่งเมิ่งก็ยังดึงดูดความสนใจของเถ้าแก่ร้านขายลอตเตอรี่ด้วย ถึงอย่างไรถ้าหากเธอถูกรางวัลจริงๆขึ้นมาเขาก็ต้องขึ้นเงินให้อยู่แล้ว
คนอื่นๆที่กำลังซื้อลอตเตอรี่อยู่ที่นั่นก็พากันเข้ามาล้อมรอบตัวเธอเช่นกัน…