อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 748
ข้าวแช่
บรรดาลูกค้าในร้านต่างมองหน้ากันเงียบๆ แม้แต่หยวนโจวก็ยังเงียบไปขณะที่กำลังทำอาหารต่อโดยไม่สนใจที่จะฟังการสนทนาอีกต่อไป
เป็นอู๋ไห่ผู้ไม่รู้จักอายที่พูดขึ้นมาว่า “’แล้วทำไมตอนอยู่ในร้านอาหารถึงไม่ระงับเอาไว้เล่า? นายก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือไง?”
เฉินเว่ยที่มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเป็นคนที่ไม่แสดงสิ่งที่คิดออกมาอยู่แล้ว ส่วนพี่วั่นนั้นถึงกับมีสีหน้าจนปัญญา อู๋ไห่ผู้นี้ดูเหมือนจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจริงๆ
“เนื่องจากการให้ข้อมูลผิดๆของนักจัดหาคู่ พวกเราจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แถมฉันดันมีนิสัยชอบมาถึงก่อนเวลาด้วยน่ะสิ” พี่วั่นกล่าว
“ฉันเข้าใจนะ” ม่านม่านพยักหน้า
อู๋ไห่จ้องมองเฉินเว่ยเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมาทันที
“โอ้ ไม่แปลกใจเลยที่วันนั้นนายวิ่งโคตรไวเลย งั้นก็ไม่ใช่เพราะผู้จัดการที่ตามหานายอ่ะดิ ฉันรู้นะว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างนายคงไม่กลัวผู้จัดการหรอก ถึงยังไงนายทั้งสองคนก็ตำแหน่งเสมอกันนี่นา” อู๋ไห่กล่าวด้วยความมั่นใจ
ตอนนี้ไม่มีใครมองพี่วั่นกับเฉินเว่ยอีกต่อไปแล้ว พวกเขาต่างเบนสายตาไปที่อู๋ไห่แทน แน่นอนว่าอู๋ไห่ย่อมไม่ถูกรบกวนด้วยเรื่องนี้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่อู๋หลินพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง
“พี่วั่นเป็นคนดีมากๆเลย ฉันหมายถึงเป็นหญิงสาวที่แสนน่ารัก” จู่ๆเฉินเว่ยก็กล่าวขึ้นมาทันที
“ฉันบอกให้นายพอได้แล้วไง นายก็ยังจะพูดถึงเรื่องเดิมๆเมื่อวันนั้นอยู่อีก ดีที่ฉันเป็นคนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับใครก็ได้หรอกนะ” พี่วั่นกล่าวขึ้นมาทันทีพลางเหลือบมองไปทางเฉินเว่ย
เฉินเว่ยหัวหดจากอารมณ์ที่เดือดพล่านคราวนี้ทันที เขาเงียบไปแล้วไม่พูดอะไรอีก ส่วนพี่วั่น เธอสะบัดผมตัวเองแล้วกลับคืนสู่อารมณ์สุภาพอ่อนโยนราวกับว่าเธอหาใช่คนที่ระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธออกไปก่อนหน้านี้
ความเปลี่ยนแปลงของเธอรวดเร็วเสียจนผู้อื่นต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“โอ้ ดูเหมือนจะไม่ได้ผลแฮะ” ม่านม่านพึมพำ
“ฉันก็คิดว่างั้นแหละ ดูสิ ตอนนี้เฉินเว่ยกลัวจนตัวสั่นไปแล้ว” ลูกค้าอีกคนกระซิบกระซาบ
“แต่ฉันคิดว่าพี่วั่นเยี่ยมมากจริงๆเลยนะ” ลูกค้าอีกคนเอ่ยปากชื่นชมพี่วั่น
“ใจสตรีช่างยากแท้หยั่งถึง” หยวนโจวรำพึงอยู่ในใจ
“บะหมี่มาแล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ พี่วั่น” โจวเจียกล่าวขึ้นขณะเสิร์ฟอาหารที่พี่วั่นสั่ง
“ขอบใจนะ เจียเจีย” พี่วั่นกล่าวขอบคุณพร้อมยิ้ม
“สวัสดีจ้า” ตอนที่ผู้คนเข้าๆออกๆร้านกันอย่างต่อเนื่อง ก็มีหญิงสาวผมสั้นเข้ามา
ผู้มาใหม่รายนี้หาใช่ใครอื่นนอกจากเพื่อนร่วมงานของญินยา ดูเหมือนเธอจะมีนามว่าเสี่ยวเฉินและไม่ค่อยมาที่นี่เพียงลำพังสักเท่าไหร่
แน่นอนว่าในแต่ละครั้งที่มา เธอก็ช่างแสนสุภาพเหลือเกิน เธอมักจะทักทายโจวเจียอยู่เสมอจนสร้างความประทับใจอย่างล้ำลึกต่อผู้คนที่นี่
“สวัสดีค่ะ พี่เสี่ยวเฉิน วันนี้รับอะไรดีคะ?” โจวเจียถามอย่างสุภาพ
“ฉันขอคิดดูก่อนนะ พอดียังไม่ได้นึกเอาไว้เลย” เสี่ยวเฉินกล่าวพลางทัดผมไว้กับหูแล้วหยิบเมนูขึ้นมา
“ได้ค่ะ ลองเลือกดูก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอย่างอื่นก่อนก็แล้วกัน” โจวเจียพยักหน้าแล้วเดินจากไป
“ว้าว เถ้าแก่หยวนวางจำหน่ายอาหารจานใหม่เยอะมากเลย” เสี่ยวเฉินน้ำลายแทบหกตอนที่ดูเมนู ในขณะเดียวกัน เธอก็กำลังทอดถอนใจแทนกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง
“หมูสองไฟ หมูอบซีอิ๊ว เต้าหู้ผัดเสฉวน ไก่ผัดถั่วลิสงและหมูสวรรค์ ฉันอยากกินหมดเลย” เสี่ยวเฉินพึมพำขณะดูเมนู
หลังจากดูเมนูไปสามครั้ง เสี่ยวเฉินก็เรียกโจวเจียอีกครั้ง
“รับอะไรดีคะ พี่เสี่ยวเฉิน?” โจวเจียถาม
“ที่นี่มีข้าวแช่ไหม?” เสี่ยวเฉินจับจ้องไปที่เมนูข้าวร้อยอย่างก่อนที่จะถามขึ้นมา
“ข้าวแช่งั้นเหรอคะ? ขอฉันไปถามเถ้าแก่ก่อนนะคะ” โจวเจียลังเลเนื่องจากไม่เคยได้ยินชื่ออาหารจานนี้มาก่อนเลย
“ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นหนึ่งในเมนูข้าวร้อยอย่างนะ” เสี่ยวเฉินเสริม
“เอาล่ะ งั้นขอฉันไปถามเถ้าแก่ก่อนนะคะ” โจวเจียพยักหน้าแล้วเดินไปหาหยวนโจว
“เถ้าแก่คะ มีคนอยากสั่งข้าวแช่ นี่เป็นหนึ่งในเมนูข้าวร้อยอย่างหรือเปล่าคะ?” โจวเจียรู้ว่าตอนที่กำลังทำอาหารหยวนโจวจะยุ่งเอามากๆ ดังนั้นเธอจึงเข้าประเด็นที่เธอต้องการจะถามในทันที
“อืม ฉันทำได้” หยวนโจวตอบ
“โอเคค่ะ ฉันจะได้ไปบอกลูกค้า” โจวเจียกลับไปหาเสี่ยวเฉินแล้วบอกคำตอบกับเธอ
“งั้นฉันขออาหารจานนั้นที่นึงแล้วกันนะ” เสี่ยวเฉินกล่าวหลังจากปิดเมนูแล้ว
“ได้ค่ะ พร้อมกับอาหารเซ็ตต้อนรับเป็นราคาทั้งสิ้น 118 หยวนค่ะ จะเลือกชำระเป็นเงินสดหรือว่าเงินโอนดีคะ” โจวเจียกล่าว
“โอนเงินให้เรียบร้อยแล้วนะ” เสี่ยวเฉินโชว์โทรศัพท์มือถือของตัวเองให้ดู
“ได้รับชำระแล้วนะคะ โปรดรอสักครู่ เดี๋ยวจะมีอาหารมาเสิร์ฟค่ะ” โจวเจียพยักหน้าแล้วเดินจากไป
หลังจากโจวเจียเดินจากไปแล้ว เสี่ยวเฉินก็เริ่มพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าข้าวแช่ของเถ้าแก่หยวนจะออกมารสชาติแบบไหนกันนะ”
จากนั้นเธอก็เริ่มจ้องมองไปที่หยวนโจว ส่วนหยวนโจวนั้นยังคงทำเป็ดอบชาที่ลูกค้าอีกคนสั่งอยู่ สีหน้าของเขาดูคร่ำเคร่งโดยสิ้นเชิงขณะที่เตรียมอาหาร
“เถ้าแก่หยวนก็ยังหล่ออย่างเคย ฉันล่ะสงสัยจังว่าเขามีแฟนหรือยังนะ แฟนของเถ้าแก่หยวนคงจะเป็นหญิงสาวที่มีความสุขมากทีเดียว” เสี่ยวเฉินพึมพำกับมือที่กุมคางตัวเองเอาไว้จนดูเหมือนตกหลุมรักเข้าเต็มเปาเข้าเสียแล้ว
เสี่ยวเฉินเอาแต่กุมคางมองเหม่อไปทางหยวนโจว โชคดีที่ท่าทางของเสี่ยวเฉินหาใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไรในร้านแห่งนี้ มีสาเหตุอยู่ว่าทำไมหยวนถึงมักจะหลงตัวเองเอามากๆอยู่ตลอดเวลา
ควรรู้ว่าหยวนโจวยังค่อนข้างโชคดีกับเพศที่อ่อนแอกว่า แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครเคยมาสารภาพรักกับเขามาก่อนหรอก แต่ผู้คนเป็นจำนวนมากต่างเอาแต่มองเหม่อมาทางหยวนโจวอยู่แบบนี้
แน่นอนว่าแม้แต่ผู้ชายก็ยังเอาแต่มองเหม่อมาทางหยวนโจวอยู่แบบนี้ แต่หยวนโจวได้ตัดผู้ชายพวกนี้ออกไปจากสมองจนหมดโดยอัตโนมัติเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำเช่นนั้น
ถึงอย่างไรหญิงสาวผู้แสนสุภาพอ่อนโยนและน่ารักน่าชังก็น่ามองมากกว่าเยอะเลย ผู้ชายที่มองเหม่อมาทางเขาส่วนใหญ่ต่างเป็นพวกตกตะลึงกับฝีมือการทำอาหารของเขาไม่ก็เป็นพวกที่อยากเรียนรู้จากเขา
เสียงตุ้บดังขึ้นทันทีราวกับมีบางสิ่งวางลงบนเคาน์เตอร์หินอะซูเร่ที่ปลุกเสี่ยวเฉินจากฝันกลางวัน
“โอ้ ใช่” เสี่ยวเฉินลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเธอเห็นว่าหยวนโจวกำลังจะเริ่มเตรียมอาหารจานถัดไป
“ช้าก่อนค่ะ เถ้าแก่หยวน” เสี่ยวเฉินเรียกหยวนโจวเอาไว้
“โอ?” หยวนโจวเงยหน้าขณะที่กำลังล้างหม้ออีกใบอยู่
“เอิ่ม ฉันขอข้าวแช่ที่ทำด้วยข้าวค้างคืนได้ไหมคะ?” เสี่ยวเฉินค่อนข้างอายตอนถูกหยวนโจวมอง แต่เธอก็ยังร้องขอต่อไป
“ได้ครับ หนึ่งในวัตถุดิบของข้าวแช่ก็คือข้าวค้างคืนอยู่แล้วล่ะครับ” หยวนโจวกล่าวพลางพยักหน้า อาหารจานนี้จะรสชาติดียิ่งขึ้นด้วยข้าวค้างคืน
“ขอบคุณค่ะ เถ้าแก่หยวน” เสี่ยวเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วนั่งลง
“ไม่มีปัญหาครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วล้างหม้อต่อไป
ส่วนหยวนโจวมีหน้าที่ทำอาหารให้ออกมามีรสชาติอร่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ในฐานที่เขาเป็นเชฟ
เสี่ยวเฉินหันไปมองรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเธอก่อนที่จะมองเหม่อมาทางหยวนโจวต่อไป
อันที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ที่เสี่ยวเฉินจะถามหาสิ่งที่อยากร้องขอ ถึงแม้อาหารของหยวนโจวจะเป็นที่รู้กันดีว่ามีรสชาติอร่อย แต่ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากเช่นกัน เขาทำอาหารราวกับโฆษณาในโทรทัศน์ที่มักจะบอกว่า: ปราศจากสารปรุงแต่งในอาหาร ลูกค้าขาประจำของเขาทุกคนต่างก็ทราบเรื่องนี้ดี
ด้วยครัวแบบเปิดของเขา ทุกคนจึงสามารถมองเห็นสิ่งที่เขาทำตอนที่กำลังทำอาหารได้ เคาน์เตอร์ของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าแถมวัตถุดิบของเขาดูแล้วต่างก็เป็นวัตถุดิบชั้นยอดและมีประโยชน์ต่อสุขภาพไปพร้อมๆกันด้วย
ดังนั้นเสี่ยวเฉินจึงเป็นห่วงว่าหยวนโจวจะไม่มีวัตถุดิบอย่างข้าวค้างคืน ถึงอย่างไรอาหารที่เหลือข้ามคืนก็ถือว่าไม่ค่อยดีต่อสุขภาพและถูกนักโภชนาการมองว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
แต่ถ้าไม่ทำข้าวแช่ด้วยข้าวค้างคืน แล้วอาหารจานนี้จะออกมาอร่อยได้อย่างไรกันเล่า?
“ดีที่เถ้าแก่หยวนรู้จักอาหารจานนี้มากพอสมควร เขาคู่ควรกับชื่อเสียงที่มีอยู่แล้วจริงๆ” เสี่ยวเฉินครวญขณะที่จับจ้องหยวนโจวไปด้วย