อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 757
หลิวจางจอมพิลึก
ชายชราบอกว่าคนผู้ที่ทำตับนั้นจดจำได้ง่ายมาก นั่นเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยก็ในกรณีของหยวนโจวแหละนะ
เมื่อหยวนโจวกับอู๋ไห่ไปถึงตลาดสด ช่วงเย็นก็ยังไม่เริ่มขึ้นเลย ลูกค้าไม่กี่คนแถวนั้นและแม้แต่พ่อค้าแม่ขายต่างพากันปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเกียจคร้าน
ในการที่จะได้ตับดิบๆมา คงต้องมาแต่เช้าเพราะจะมีการเชือดสัตว์ในตอนนั้นเอง
แต่ตามคำบอกเล่าของชายชรา คนผู้นี้จะมาขายตับเฉพาะก่อนช่วงเริ่มขึ้นเท่านั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หยวนโจวกับอู๋ไห่มาถึงเอาป่านนี้
“เลือกเวลาได้แปลกชะมัด” หยวนโจวถอนหายใจอยู่ภายในใจ
ในขณะที่หยวนโจวกับอู๋ไห่ต่างจับจ้องไปตรงทางเข้าตลาดสดอย่างเร่าร้อนก็มีคนมาถึง
เขาแต่งกายในชุดเครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์ถังสีฟ้าโดยมีเสื้อคลุมสีดำคลุมทับอยู่ด้านบน ผมเผ้าของเขาหวีเสยไปข้างหลังเสียเรียบแปล้และสวมรองเท้าสีดำคู่หนึ่ง ตอนที่เขาเดินมานั้น ฝีเท้าของเขามั่นคง รอยยิ้มที่ประดับอยู่ยนใบหน้าตลอดเวลาให้ความรู้สึกเป็นมิตรยิ่ง
สาเหตุที่ทำให้จดจำคนผู้นี้ได้ง่ายดายมากๆก็เพราะเขามีเครางาม ส่วนเครายาวถึงหน้าอกโดยมีส่วนบนสีขาวและส่วนล่างสีดำ
ดูเหมือนใบหน้าของเขาจะไม่แก่เกินไปแถมเคราของเขาก็สะอาดเรียบร้อยอีกต่างหาก
“น่าจะเป็นเขาแหละนะ” หยวนโจวหันกลับมาบอกอู๋ไห่ก่อนที่จะเดินไปหาผู้มาใหม่
ถ้าเป็นเวลาอื่น หยวนโจวก็น่าจะรู้สึกอายเกินกว่าที่จะพูดกับคนแปลกหน้าเช่นนี้ในทันที
แต่คนผู้นี้เป็นคนที่สามารถทำปลาที่แม้แต่เจ้าระบบยังอ้างว่าไม่มีทางทำได้หรอก ดังนั้นหยวนโจวจึงกล่าวขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“สวัสดีครับ ผมหยวนโจว นี่คืออู๋ไห่ คุณปู่ที่ขับรถลากแนะนำให้พวกเรามาที่นี่ครับ” หยวนโจวแนะนำตัวเอง
หยวนโจวได้แต่พูดขึ้นทันทีที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนผู้นั้น ดูเหมือนคนผู้นั้นจะอดทนอดกลั้นมากพอดูเนื่องจากเขายืนยิ้มระหว่างรอให้หยวนโจวกับอู๋ไห่พูดให้จบ
“โอ้ ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณจะต้องมาแน่ๆ ผมหลิวจางครับ” เขากล่าวพร้อมยิ้มพลางลูบเคราตัวเองไปด้วย
“คุณเป็นเถ้าแก่ร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียวแถมยังเชี่ยวชาญในการทำอาหารอีกต่างหาก แล้วคุณก็คงเป็นไอ้เจ้าหนวดคนนั้นสินะ” คนผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาอายุของเขาจากน้ำเสียงเพียงอย่างเดียว
“ขอโทษที่รบกวนด้วยนะครับ” หยวนโจวกล่าว
“คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเราจะมาล่ะครับ?” อู๋ไห่รู้สึกสงสัยเล็กน้อยจึงถามขึ้นมาหลังจากคาดเดาขนาดเคราของหลิวจางแล้ว
หลิวจางยิ้มแล้วกล่าวว่า “ง่ายๆเลยนะ เขาเป็นเชฟส่วนคุณเป็นนักชิม ฉันเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสองคนมาเยอะเชียวล่ะ”
คุณปู่ที่ขับรถลากเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่องเอามากๆเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเคยเล่าเรื่องของร้านหยวนโจวขณะที่กำลังทานอาหารกับหลิวจาง
“ว้าว งั้นคุณก็รู้จักผมน่ะสิครับ” อู๋ไห่ลูบหนวดเคราของตนเอง
“คุณหลิว วันนี้คุณจะให้ผมเตรียมอาหารมื้อค่ำเหรอครับ?” หยวนโจวถาม
หยวนโจวตัดสินใจแล้ว เขาจะมาทานตับฟรีๆก่อนที่จะเลี้ยงอาหารคนผู้นี้กลับคืน
“ผมไม่ขออะไรมากหรอก ตาแก่นั่นบอกว่ารสชาติอาหารของคุณสมกับราคาที่ต้องจ่ายให้ร้านของคุณเลยล่ะ” หลิวจางกล่าว
“งั้นพวกเราไม่เกรงใจแล้วนะครับ” หยวนโจวไม่มัวอ้อมค้อมให้เสียเวลาแล้วกล่าวพลางพยักหน้า
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ผมคิดว่าตับแกะน่าจะพร้อมแล้วล่ะครับ” หลิวจางกล่าวพลางก้าวเดินไปข้างหน้า
หยวนโจวเริ่มเผยท่าทีของนักเรียนออกมาขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะเฝ้าสังเกตและเรียนรู้ ส่วนอู๋ไห่นั้น เขากำลังมองไปทุกหนทุกแห่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายตาของเขาหยุดลงตรงเคราของหลิวจางเป็นครั้งคราว
ควรรู้ว่าเคราของหลิวจางโดดเด่นสะดุดตามากจริงๆ ไม่ว่าผู้ใดที่ได้พบเห็นก็ย่อมรู้ได้เลยว่าหลิวจางต้องดูแลเคราเป็นอย่างดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรให้เรียนรู้หรอกนะ คุณจะรู้เองหลังจากได้ลองลงมือทำดูน่ะ” หลิวจางกล่าวพร้อมยิ้มเมื่อเขาเห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของหยวนโจว
หยวนโจวตอบอย่างเอาจริงเอาจังว่า “ผมไม่รู้วิธีทำอาหารจานนี้เลย หวังว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากคุณนะครับ”
“ไม่รู้จะพูดยังไงดี เดี๋ยวคุณก็รู้เองนั่นแหละครับ” หลิวจางกล่าวอย่างเฉยเมย
จากน้ำเสียงของเขา หยวนโจวก็รู้ได้เลยว่าหลิวจางไม่พยายามที่จะไขข้อสงสัยแถมเอาแต่พูดตามที่ตัวเองคิดอีกต่างหาก ดังนั้นหยวนโจวจึงต้องสงบสติอารมณ์ลง
“อย่าไปถือสาเขาเลย เขามักจะคร่ำเคร่งอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอนว่าความคร่ำเคร่งก็จะช่วยให้แน่ใจได้ว่าคนๆนั้นจะทำงานออกมาได้ดี ถึงยังไงผมก็เป็นคนที่คร่ำเคร่งคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ” อู๋ไห่กล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลิวจางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หยวนโจวแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใด
“เจ้าหนุ่ม หนวดเคราของนายมันน่าสนใจจริงๆเลยนะ ส่วนตัวนายก็เป็นคนที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน” หลิวจางกล่าว
“แน่นอนครับ ก็ผมเป็นคนฉลาดแถมยังมีเสน่ห์อีกต่างหากนี่นา” อู๋ไห่กล่าวพลางลูบหนวดเคราตัวเองไปด้วย
“โฮ่โฮ่” หยวนโจวเกิดความเข้าใจใหม่ๆในความไร้ยางอางของอู๋ไห่ขึ้นมาแล้ว
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็มาถึงส่วนของตลาดที่ขายเนื้อแกะ
ตลาดแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต มีแผงลอยยาวเหยียดอยู่สามแถวที่ขายเฉพาะเนื้อหมูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแผงลอยยาวเหยียดอีกแถวที่ขายเฉพาะเนื้อวัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่ก็คือสิ่งที่พบได้ยากในตลาดแห่งอื่น
ถึงอย่างไรเฉิงตูก็ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ผู้คนที่นี่รับประทานเนื้อหมูมากกว่าเนื้อวัวเสียอีก ตามปกติแล้วจะมีแผงลอยอยู่แค่แผงสองแผงเท่านั้นที่ขายเนื้อวัวอยู่ในตลาด ส่วนแผงลอยขายเนื้อแกะจะปรากฏในช่วงฤดูหนาวแค่แผงสองแผงเท่านั้น ในฤดูกาลอื่นๆจะไม่มีผู้ใดพบแผงลอยขายเนื้อแกะเลย
แต่ที่นี่กลับมีแผงลอยขายเนื้อแกะถึงสามแผง หลิวจางพาพวกเขาไปยังแผงลอยริมตลาด
“คนผู้นี้ซื่อสัตย์กับการทำธุรกิจเอามากๆเลยล่ะ แกะของเขาเลี้ยงด้วยหญ้าเพื่อให้แน่ใจได้ว่ารสชาติของเนื้อจะแรงยิ่งขึ้นในขณะที่กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อแกะกลับอ่อนลง ในแต่ละวันเขาจะฆ่าแกะสองตัว ตัวหนึ่งในตอนเช้าและอีกตัวในตอนเย็น” หลิวจางอธิบายขณะที่เขาเดินอยู่
คำอธิบายเช่นนี้มีความหมายต่อหยวนโจวอย่างเห็นได้ชัด
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าแล้วเดินตามหลังหลิวจางราวกับนักเรียน
ผู้ใดก็ตามที่มอบความรู้ให้ก็ย่อมคู่ควรที่จะได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นอาจารย์
ส่วนอู๋ไห่นั้น เขาอยากรู้เรื่องความแตกต่างระหว่างเนื้อแกะกับเนื้อวัวเอามากๆเลยทีเดียว
“ตาเฒ่าหลิวอยู่นี่เอง มาๆนี่คือตับแกะสดไงล่ะ” ชายตรงแผงลอยหน้าหลิวจางที่สามารถพูดอะไรก็ได้กล่าวขึ้น
“ขอบใจนะ” หลิวจางหยิบกระเป๋าสานออกมาแล้วรับตับแกะเอาไว้
“ด้วยความยินดี เมื่อไหร่นายจะไปเตรียมตับให้ฉันเสียทีเล่า? จะให้ดีต้องมีเหล้าด้วยล่ะ” ชายผู้นั้นถามอย่างตรงไปตรงมา
“ได้เลย เก็บไว้ให้ฉันพรุ่งนี้ด้วยล่ะเดี๋ยวฉันจะไปเตรียมถ้วยมาให้นายเอง” หลิวจางตอบตกลงทันที
“ตกลง พรุ่งนี้ฉันจะไปหานายก็แล้วกัน” ชายผู้นั้นกล่าว
“ได้เลย ได้เลย” หลิวจางกล่าวขึ้นขณะที่เขาเดินออกห่างจากตับแกะ
“ตับแกะนี่ก็เล็กเสียจริง” อู๋ไห่กล่าวขึ้นหลังจากเปรียบเทียบกับตับวัว
“แต่ตับแกะจะสดกว่านะ” หลิวจางกล่าว
“อืม แต่มันก็มีกลิ่นเหมือนกันอยู่ดีนั่นหละ” หยวนโจวขมวดคิ้ว
“นี่คือตับแกะที่เพิ่งจะถูกเชือดสดๆไงล่ะ มันสดมากเลยเชียวล่ะแต่ถ้าหากคุณใส่มันลงในภาชนะอื่นก็จะทำให้เกิดการปนเปื้อนด้วยกลิ่นของภาชนะ การใช้กระเป๋าสานจึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่นออกไป เลือดจะหยดออกมาแล้วเมื่อถึงบ้านฉันก็แค่ทำความสะอาดตับเท่านั้นเอง” หลิวจางอธิบาย
“ขอบคุณครับ อาจารย์หลิว” หยวนโจวกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง
หลิวจางรับตำแหน่งอาจารย์เอาไว้ เขาไม่รู้จักหยวนโจวแต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะบอกหยวนโจวเรื่องความลับของอาหารตัวเองโดยเจาะลึกลงรายละเอียดอีกเล็กน้อย
มีคำกล่าวที่ว่าศิษย์คิดล้างครูหลังจากได้รับการอบรมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นตอนที่สอนอาจารย์จึงจำเป็นที่จะต้องปิดบังเอาไว้ด้วย ถ้าหากนั่นเป็นในกรณีของอาจารย์กับศิษย์คงจะยิ่งเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้นเมื่อกำลังสอนคนแปลกหน้าอยู่ เห็นได้ชัดว่าหลิวจางผู้นี้เป็นคนใจกว้างมากทีเดียว
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมเองก็กำลังตั้งตารอคอยอาหารของคุณอยู่เหมือนกัน” หลิวจางกล่าวขณะที่เขาเดินไปเรื่อยๆ
ต้องใช้เวลาเดินเท้าเจ็ดนาทีกว่าจะมาถึงบ้านของหลิวจาง พวกเขาคุยกันไปพลางเดินกันไปพลางไม่นานก็มาถึง
บ้านของหลิวจางตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียง เขาอาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวที่มีสนามเล็กๆ ในสนามมีโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ บริเวณโต๊ะมีวัตถุดิบบางอย่างที่ปลูกเอาไว้ทำให้สนามหญ้าแลดูเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ในละแวกใกล้เคียงอยู่นั้น ก็เห็นผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนกำลังเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้โยกพลางโยกเก้าอี้ไปมาด้วยสีหน้าสบายๆและสงบนิ่ง
“ฉันเป็นคนปลูกต้นหอม ขิงและกระเทียมทั้งหมดเองเลยนะ แบบนี้พอผมอยากจะใช้ก็แค่เก็บมาง่ายๆเลย” หลิวจางอธิบายเมื่อเขาสังเกตเห็นหยวนโจวมองไปที่พืชพรรณทั้งหลาย
“คุณคงจะสามารถควบคุมรสชาติเจ้าพวกนี้ได้สินะครับ” หยวนโจวพยักหน้า
บ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลทั้งยังเงียบสงบอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่มากพอให้ปลูกพืชผักได้อีกนิดหน่อยด้วย นับได้ว่านี่คือรูปแบบการดำเนินชีวิตในฝันเลยก็ว่าได้
“นั่งก่อนสิ อยากดื่มอะไรก็ตามสบายนะ แต่ตับแกะรอไม่ได้หรอก” หลิวจางกล่าวขณะที่เขาเข้าครัวมาพร้อมตับ
“ไม่มีปัญหาครับ” อู๋ไห่นั่งลงทันที เขาไม่ได้มองไปรอบๆอีกแต่กลับคอยอาหารอยู่เงียบๆ
นี่เป็นอุปนิสัยที่ดีของอู๋ไห่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอาหารให้กิน เขาก็จะนั่งลงตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง อาจจะบอกได้เลยว่าพฤติกรรมนี้ช่างราวกับสุนัขก็ไม่ปาน
ส่วนหยวนโจวนั้น เขาไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกเนื่องจากสายตาของเขาพุ่งเป้าไปที่ครัว เขามักจะคนที่อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เขาไม่รู้เป็นอันมาก