อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 761
ความดื้อรั้นดันทุรังและความเคร่งขรึม
ทันทีที่พวกเขามาถึง อู๋ไห่ก็ก้าวขึ้นหน้ามาแล้วพูดว่า “อาจารย์หลิวจาง คุณต้องเข้าคิวนะครับ นี่เป็นกฎของร้านหยวนโจว แต่มีคนไม่เยอะคงใช้เวลาไม่นานก็ถึงคิวของคุณแล้วล่ะครับ” อู๋ไห่มักจะสุภาพอยู่เสมอเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่สามารถทำอาหารได้
“ครับ ผมได้ยินเรื่องกฎนี้ในร้านหยวนโจวมานานแล้วล่ะครับ การมีกฏเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวายนับเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว” หลิวจางไม่ถือสา เขายืนต่อท้ายแถวแล้วรอคอย
ขณะที่อู๋ไห่กำลังคอบอยู่ที่ประตูอยู่นั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นในร้าน
“ขอหมูแผ่นอวี่เซียงที่นึง” ลูกค้าที่สวมหมวกสั่ง
หมู่แผ่นอวี่เซียงไม่อยู่ในเมนู ดังนั้นโจวเจียจึงอธิบายให้ฟังว่า “ขอประทานโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า มีแค่อาหารที่ระบุเอาไว้บนเมนูเท่านั้น หมูแผ่นอวี่เซียงไม่อยู่บนเมนู ดังนั้น…”
ลูกค้าที่สวมหมวกอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ผมหมายความว่าผมอยากได้ข้าวกล้องจากเมนูข้าวร้อยอย่างกับหมูแผ่นอวี่เซียง พอผสมกันแล้วก็เหมือนกับข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงนั่นแหละ”
มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ? โจวเจียถึงกับตะลึงงันไปเพราะเธอไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงมองไปทางหยวนโจวเพื่อส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
การผสมผสานของเมนูข้าวร้อยอย่างกับหมูแผ่นอวี่เซียงเทียบเท่าได้กับข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงงั้นหรือ?
แต่สิ่งที่เขากล่าวก็สมเหตุสมผลมากเสียจนโจวเจียไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เธอจึงต้องรอคำตอบของหยวนโจว ลูกค้าตรงโต๊ะถัดไปก็กำลังฟังด้วยความอยากรู้เช่นเดียวกัน ถ้าหากพวกเขาสามารถสั่งแบบนี้ได้ ทำไมพวกเขาจะทำแบบนี้กับหมูสองไฟ ไก่คังเป่า เนื้อปลาต้มผักกาดดองและเมนูอื่นๆไม่ได้กันเล่า?
“ดูเหมือนจะค้นพบวิธีการสั่งอาหารแบบใหม่ๆแล้วสินะ?”
“อืม ฉันไม่เคยลองกินแบบนั้นมาก่อนเลย คราวหน้าฉันต้องลองสั่งข้ามผสมหมูสองไฟดูบ้างแล้วล่ะ”
“ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยข้าวผสมไก่คังเป่าแทนเลยแหละ”
“ฉันรู้สึกว่าข้ามผสมข้อเท้าหมูตงพัวก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” มีคนกล่าวขึ้นมาตามอำเภอใจ
“นั่นมันก็หนักเกินไป”
บรรดาลูกค้าเริ่มคุยเรื่องนี้กัน
ในตอนนี้หยวนโจวทำอาหารเสร็จแล้ว หลังจากยกจานลง เขาก็พูดขึ้นทันที
“ขอประทานโทษด้วยครับ ร้านของเราไม่ได้จำหน่ายข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียง” หยวนโจวตอบอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“ผมรู้แล้วน่า เถ้าแก่หยวน งั้นผมจะสั่งหมูแผ่นอวี่เซียงกับเมนูข้าวขาวร้อยอย่างแทน แบบนั้นคงไม่ขัดกับกฏของคุณแล้วใช่ไหม?” ชายที่สวมหมวกค่อนข้างฉลาดมากทีเดียว
“ไม่ได้หรอกครับ ร้านนี้ไม่ได้จำหน่ายข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงจริงๆ” หยวนโจวเน้นย้ำ
“คุณหมายความว่าไงครับ? ตราบใดที่ไม่แหกกฏของคุณ ทำไมผมจะสั่งไม่ได้กันเล่า?” ลูกค้าผู้นั้นถามด้วยความสับสน
“น้ำซุปต้องแช่เมล็ดข้าวเอาไว้กว่าครึ่งในอาหารประเภทข้าวผสม เมื่อเติมข้าวลงในหมูแผ่นอวี่เซียงก็คงไม่ถึงระดับนี้อยู่ดีนั่นแหละ” หยวนโจวอธิบายด้วยความจริงจัง
“หมายความว่ายังไงกัน?” ลูกค้ารู้สึกสับสนโดยสิ้นเชิง
“สิ่งที่เถ้าแก่หยวนว่ามาก็ดูเหมือนจะถูกนะ แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเข้าใจเหมือนกันหรอกนะ?” ลูกค้าอีกคนที่รู้สึกสับสนโดยสิ้นเชิงเช่นเดียวกันกล่าวขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ” ลูกค้าอีกคนเห็นด้วย
“เรื่องนั้นง่ายมากเลยล่ะ คุณหยวนพยายามที่จะบอกว่าหมูแผ่นอวี่เซียงที่นำมาใช้ในข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงแตกต่างไปจากหมูแผ่นอวี่เซียงที่เขาทำน่ะสิ ความข้นของน้ำซุปที่แตกต่างกันทำให้ข้าวผสมที่แช่ไว้ไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถเรียกมันว่าข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงได้อย่างไรเล่า” คุณเฉิงอธิบาย
เดิมทีคุณเฉิงเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน แต่หลังจากลองใคร่ครวญดูแล้ว เขาก็เข้าใจสิ่งที่หยวนโจวอยากจะสื่อได้ ลูกค้าสามารถกินอาหารจานไหนก็ได้ที่พวกเขาอยากจะกิน แต่ก็ยังต้องมอบคำอธิบายที่ชัดเจนให้แก่พวกเขาด้วย
“ฉันไม่คิดว่าจะมีความแตกต่างกันตรงไหนเลย ยังไงเสียหมูแผ่นอวี่เซียงที่ฉันกินเมื่อวันนั้นก็อร่อยสุดยอด” ลูกค้าไม่อาจเข้าใจสิ่งที่หยวนโจวพยายามที่จะบอกได้
” รู้ไหมว่าทำอะไรโง่ๆลงไป? นายสามารถกินอาหารจานไหนที่อยากกินก็ได้ แต่คุณหยวนกำลังจะบอกนายว่าสิ่งที่นายจะกินไม่ใช่ข้าวผสมหมูแผ่นอวี่เซียงหรอกนะ นายแค่ต้องจดจำเรื่องนั้นให้ขึ้นใจเสียด้วยล่ะ” คุณเฉิงอธิบายอย่างจนปัญญา
“โอ้ เข้าใจแล้วล่ะ เถ้าแก่หยวน งั้นผมเอาหมูแผ่นอวี่เซียงกับข้าวขาวร้อยอย่างๆละที่แล้วกัน” ลูกค้าผู้นั้นสั่งอาหารใหม่ทันที
“ได้ครับ โปรดรอสักครู่” โจวเจียตอบขึ้นมาทันที
เหตุการณ์นี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว แต่หลิวจางกับอู๋ไห่ก็ยังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าจนได้
“สมกับเป็นเจ้าเข็มทิศจริงๆ เขาทำตามกฏไปเสียทุกอย่างเลย
“จริงด้วย นี่เป็นแค่เรื่องของชื่ออาหารแท้ๆ” หลิวจางเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจเข้าใจว่าทำไมหยวนโจวถึงได้ยืนกรานเสียขนาดนั้นด้วย
“นี่คือความจริงจังของคุณหยวนเมื่อยามที่เอ่ยถึงการทำอาหารอย่างไรเล่า ด้วยความจริงจังเช่นนี้แหละที่ทำให้เขาสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม” คุณเฉิงกล่าวพลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“แน่นอนว่าเชฟต้องยอมให้ลูกค้าของตัวเองรู้ว่าเขากำลังทำอาหารอะไรอยู่ ถ้าหากลูกค้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยหลังจากทานอาหารของคุณแล้ว ก็นับว่าคุณประสบความล้มเหลวในฐานเชฟเสียแล้วล่ะ” คุณเฉิงย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง
แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องนี้จากหยวนโจวมาก่อน แต่กลับไม่ใช่ฉบับดั้งเดิมที่หยวนโจวเคยเล่าให้ฟัง ทว่าเป็นฉบับปรับปรุงใหม่
“จริงแฮะ ที่พูดมาก็มีเหตุผลอยู่นะ ตอนที่วาดภาพ คุณต้องยอมให้คนอื่นเห็นสิ่งที่กำลังวาดเพื่อดูสิ่งที่คุณพยายามที่จะแสดงออกผ่านการวาดภาพ” อู๋ไห่กล่าวด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ไม่แปลกเลยที่เถ้าแก่หยวนจะทำอาหารเก่งขนาดนั้นทั้งๆที่อายุยังน้อยอยู่เลย งั้นความกระหายวิชาของเขาก็คงไม่ใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวเสียแล้วล่ะ” หลิวจางกล่าวพลางนึกถึงท่าทีเอาจริงเอาจังและกระหายใคร่รู้ของหยวนโจวที่มีต่อการเรียนรู้
“คุณหลิว สั่งอาหารที่อยากกินได้ตามสบายเลยนะครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆแต่ผมต้องกลับไปสตูดิโอก่อนนะครับ” อู๋ไห่กล่าวอย่างสุภาพยิ่งซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะพบได้จากเขา
“แต่อาหารของคุณล่ะ…” หลิวจางกำลังจะบอกอู๋ไห่ว่าเขายังทานอาหารไม่หมดก็กลับไม่ได้หรอกนะ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกมาก็พบเห็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อู๋ไห่แสดงความเร็วในการกินที่คาดไม่ถึงออกมา เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็ทานข้าวผัดไข่ ข้อเท้าหมูตงพัวและเต้าหู้น้ำมันขาวหมดไปอย่างละจาน
แม้แต่ในขณะที่เขาสวาปามอาหารอยู่นั้น เขาก็ยังมีเวลารำพึงออกมาว่า “เฮ้อ พอไม่มีฉินเสี่ยวอี้มาแย่งชิงอาหารกับผม ความเร็วของผมก็ลดลงไปเยอะเลย ช่างเป็นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวเสียจริง”
ความเร็วของอู๋ไห่น่าตื่นตะลึงเกินไปจนทำให้หลิวจางต้องเหม่อมองเขา
“แล้วเจอกันนะครับ” ไม่ว่าจะตกใจสุดขีดเพียงใด แต่หลิวจางเป็นผู้ที่เห็นโลกมาเยอะ ดังนั้นเขาจึงได้สติจากความตกใจสุดขีดและบอกลาอู๋ไห่เมื่อเขาจะออกไปแล้ว
“ด้วยความยินดีครับ” อู๋ไห่กล่าวแล้วหายตัวไป
จากท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าจู่ๆเขาก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันทีจึงต้องรีบกลับไปวาดภาพเสียก่อน
“นั่นซินะ คนรอบตัวเถ้าแก่หยวนเป็นพวกที่มีพรสวรรค์กันทั้งนั้นเลย” หลิวจางรำพึง
โชคดีที่หยวนโจวไม่ได้ยินเรื่องนี้ มิฉะนั้นเขาคงต้องคัดค้านเป็นแน่ เขาคิดว่าพรสวรรค์ของอู๋ไห่ก็คือเรื่องกินอันเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเขาโดยสิ้นเชิง
“การทำอาหารทั้งหมดด้วยตัวเองทว่ายังสามารถสร้างสรรค์อาหารง่ายๆและซับซ้อนต่างๆได้อีกมากมาย เขาช่างเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” หลิวจางรู้ว่าหยวนโจวยอดเยี่ยมมากเพียงใดได้ด้วยการมองไปที่เมนู
ถึงอย่างไรแล้วนอกเหนือไปจากอาหารตำหรับเสฉวนก็ยังมีของว่างจินหลิง อาหารจินหลิงและอาหารชนิดอื่นๆอยู่บนเมนูด้วย
เมื่อเขาเห็นว่าหยวนโจวเตรียมทุกอย่างด้วยตัวเองในครัวก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหยวนโจวรู้จักหลายๆสิ่งหลายๆอย่างและเข้าใจวัตถุดิบพวกนั้นเป็นอย่างดี
“หญ้าจินหลิง หมูสองไฟ ข้าวขาวธรรมดาแล้วก็หมั่นโถวไหมพันเส้นอย่างละที่ครับ” หลิวจางสั่ง
“หมั่นโถวไหมพันเส้นเป็นหนึ่งในหมั่นโถวร้อยอย่าง ผมสามารถสั่งได้ไหมครับ?” หลิวจางถาม
“ได้ค่ะ วันนี้มีขนมด้วยนะคะ” โจวเจียพยักหน้า
“เยี่ยมไปเลยครับ แค่นั้นแหละ” หลิวจางพยักหน้า
ตอนที่สั่งอาหารนั้นหลิวจางจะเป็นคนที่พิถีพิถันมาก ดังนั้นเขาจึงสั่งอาหารอย่างละที่โดยของว่างที่เขาสั่งเป็นอาหารว่างจานเด็ดของชนเผ่าในประเทศ