อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 763
สิ่งที่หลงหลืออยู่จากเจ้านายคนก่อน
จะว่าไปแล้วอาหารที่หลิวจางสั่งมาก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมากนักยกเว้นแต่หมั่นโถวไหมพันเส้น มีเพียงอาหารจานนั้นเท่านั้นแหละที่มีวิธีการทำที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน
“เขาช่างกินเก่งจริงๆเลยเชียว” หยวนโจวรับออเดอร์มาแล้วแอบกล่าวในใจ
ถูกต้องแล้วล่ะ หยวนโจวยอมรับความตั้งใจของหลิวจางในการสั่งอาหารจานนี้อย่างแท้จริง แต่เขากลับไม่มีความคิดอื่นใดเลยจึงได้แต่เริ่มทำงานต่อไป
“ก่อนอื่นฉันต้องนวดแป้งเอาไว้ก่อนแล้วค่อยไปทำอย่างอื่น” เขาสรุปแนวทางการจัดการที่เหมาะสมแล้วค่อยเริ่มลงมือทำ
หมั่นโถวมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ในประวัติศาสตร์จีนมีบันทึกเรื่องราวเอาไว้ค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างเช่น หมั่นโถวที่มีการยัดไส้เอาไว้ข้างในตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของสังคม
ผู้คนต่างเรียกอาหารที่ปรุงขึ้นจากข้าวสาลีที่ไม่มีการยัดไส้เอาไว้ข้างในประเภทนี้ว่าหมั่นโถวและพวกที่มีการยัดไส้อยู่ข้างในเป็นซาลาเปา
แน่นอนว่าสิ่งที่หลิวจางสั่งย่อมเป็นหมั่นโถวที่ไม่มีการยัดไส้เอาไว้ข้างใน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหมั่นโถวที่สลับซับซ้อนอีกประเภทหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในภายหลังด้วย
แป้งที่นำมาใช้ทำหมั่นโถวไหมพันเส้นค่อนข้างแตกต่างไปจากแป้งชนิดอื่นๆ
เนื่องจากหมั่นโถวไหมพันเส้นเป็นสีค่อนข้างเหลืองมากกว่าที่จะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ หยวนโจวจึงเลือกใช้แป้งบดหินซึ่งต่างไปจากแป้งที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวน้ำใสและห่อเกี๊ยวน้ำ
“ครืด ครืด” หยวนโจวไสเครื่องบดด้วยความเร็วสม่ำเสมอด้วยมือข้างเดียวขณะที่จัดการวัตถุดิบอื่นด้วยมืออีกข้าง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหยวนโจวเลย ถึงอย่างไรทุกวันนี้ก็มีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆและหยวนโจวก็ต้องทำสิ่งที่แตกต่างกันด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเองอยู่ดี
โชคดีที่กยวนโจวไม่ต้องทำอะไรด้วยมือซ้ายเว้นแต่ต้องไสเครื่องบดด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอซึ่งไม่ได้ต้องการทักษะมากนักจึงไม่ส่งผลกระทบต่อมือขวาของเขาที่กำลังทำอย่างอื่นอยู่
“ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษจริงๆเลยที่ได้มาเห็นเถ้าแก่หยวนใช้มือทั้งสองข้างทำสิ่งต่างๆไปพร้อมๆกัน” คุณเฉิงถอนหายใจแล้วกล่าวออกมา
จะว่าไปแล้วเขาก็ใช้สองมือไปพร้อมๆกัน บางทีเขาก็ยังทำอาหารสองอย่างที่แตกต่างกันไปพร้อมๆกันตอนยุ่งๆอีกด้วย แต่ขณะที่ต้องทอดอยู่นั้นอีกข้างหนึ่งก็จะทำอาหารได้ช้าลง
ส่วนการทำสองสิ่งที่แตกต่างกันไปพร้อมๆกันด้วยมือสองข้างอย่างหยวนโจว เขาบอกได้เลยว่าเขาเองก็ไม่สามารถทำได้หรอกนะ
“คล้ายกับนางเอกที่วาดรูปวงกลมด้วยมือซ้ายและวาดรูปสี่เหลี่ยมด้วยมือขวาในละครโทรทัศน์เลย” ลูกค้าที่อยู่ข้างๆพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น
“เป็นแป้งที่เพิ่งจะบดใหม่จริงๆด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะโชคดีที่ได้มากินของดีๆเสียแล้ว” หลิวจางค่อนข้างมีความสุขที่เห็นหยวนโจวทำเช่นนั้นและตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ลิ้มรสฝีมือของเขา
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่อาหารของเถ้าแก่หยวนก็ยังอร่อยมากอยู่ดีนั่นแหละ ดูเหมือนว่าจะใช้มือซ้ายหรือมือขวาก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย” จู่ๆก็มีลูกค้าคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาทันที
“ไม่ต่างงั้นเหรอ? เอาล่ะ วันนี้ถ้าเธอสามารถกินข้าวผัดไข่ถ้วยนึงได้ด้วยมือซ้าย ฉันจะเลี้ยงเธอเอง” คุณเฉิงหันกลับไปมองคนที่เพิ่งจะคุยกันแล้วกล่าวไปเรื่อยเปื่อย
“อะไรก็ได้ที่ฉันอยากกินงั้นเหรอ?” คนที่พูดอยู่ตอนนี้เป็นหญิงสาวที่สะสวยและมีผมสั้นเรียบแปล้ เมื่อได้ยินคำพูดของคุณเฉิงแล้ว เธอก็ตาเป็นประกายแล้วกล่าวขึ้นมาทันที
“แหงอยู่แล้ว อะไรก็ได้ที่เธออยากกินขอแค่เธอสามารถกินไหว” คุณเฉิงพยักหน้ายืนยัน
“เยี่ยมไปเลย งั้นดูให้ดีล่ะ! ถึงฉันจะไม่ถนัดซ้าย ฉันก็ใช้ช้อนตอนกินข้าวผัดไข่ได้แหละน่า” หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์และหยิบช้อนบนโต๊ะขึ้นมาด้วยมือซ้าย
“ก็ลองดูสิ” คุณเฉิงกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“งั้นก็ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะ เถ้าแก่หยวนมีอาหารอยู่มากมายหลายอย่างที่ฉันอยากจะชิมในร้านอยู่พอดี” หญิงสาวกล่าวพลางอมยิ้ม
จู่ๆหญิงสาวที่ดูธรรมดาคนหนึ่งก็ดูซุกซนและน่ารักขึ้นมาทันตาเห็นเพราะรอยยิ้มเดียว
“ด้วยความยินดี ทันทีที่เธอทำสำเร็จก็มารับรางวัลไปได้เลย” คุณเฉิงพยักหน้า
หญิงสาวทำไม้ทำมือแสดงท่าทาง “ตกลง” แล้วเธอก็หยิบช้อนขึ้นมาเริ่มกิน
ตอนนี้คุณเฉิงไม่ห่วงแต่ดูหยวนโจวอีกต่อไป แต่เขากลับหันไปดูหญิงสาวที่กำลังใช้มือซ้ายทานอาหาร แม้แต่บรรดาลูกค้าที่อยู่ข้างๆก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอกินแล้วปรึกษาหารือกันเสียงเบา
“นายคิดว่าเธอจะทำได้ไหม?”
“ฉันก็ไม่รู้อ่ะ แต่ฉันไม่สามารถใช้ตะเกียบคีบอาหารด้วยมือซ้ายได้หรอกนะ”
“แต่เธอใช้ช้อนนี่หว่า ใช้ช้อนน่าจะง่ายกว่านะ”
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก ฉันเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้นะถึงจะเขียนได้ช้าก็เถอะ”
“งั้นนายก็ต้องฝึกเรื่องแบบนั้นเข้าไว้นะ ตัดสินจากวิธีการใช้ช้อนของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยฝึกเรื่องแบบนั้นมาเลยด้วยซ้ำไป”
“ฟังดูมีเหตุผลทีเดียว งั้นก็มารอดูคุณเฉิงเลี้ยงอาหารเธอกันเถอะ”
บรรดาลูกค้าต่างปรึกษาหารือกันเสียงเบา แต่คุณเฉิงกลับดูไม่รีบร้อนและไม่เป็นกังวลเรื่องนั้นเลยสักนิด
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เป็นกังวลอยู่แล้วล่ะ เพราะเขาเองก็เป็นผู้ที่ฝึกการใช้มือซ้ายมาเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเขาก็ต้องพยายามมาอย่างหนักกว่าจะได้เรียนรู้จากหยวนโจว
ไม่ว่าใครก็คงแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างตอนที่ใช้มือซ้ายและมือขวาด้วยกัน แต่ถ้าใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวก็จะรู้ได้ทันทีว่าถนัดมือซ้าย
ถ้าหากไม่เคยฝึกทักษะด้านนี้มาเป็นพิเศษก็คงไม่สามารถกินข้าวผัดไข่ด้วยมือซ้ายได้เลยถึงจะใช้ช้อนก็เถอะ
เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์ฝึกเช่นนั้นเป็นการส่วนตัวมาแล้ว แน่นอนว่าคุณเฉิงย่อมรับรู้ถึงความยากลำบากได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประทับใจในตัวหยวนโจวมากที่สามารถใช้มือซ้ายและมือขวาได้อย่างแท้จริงไปพร้อมๆกันหรือคนละครั้ง เพราะแบบนั้นเอง เขาจึงกล้าท้าเดิมพันกับหญิงสาวคนนี้อย่างไรเล่า
นอกจากนี้เขาก็อยากให้ลูกค้าคนอื่นๆรู้อ้อมๆอีกด้วยว่าคุณหยวนเจ๋งขนาดไหน และนั่นก็คือจุดประสงค์ของคุณเฉิงนั่นเอง
“อา ง่ายจังเลย” หญิงสาวกลืนข้าวผัดไข่ที่เธอตักด้วยมือซ้ายลงไปแล้วกล่าวพลางอมยิ้ม
“เชิญเลย” คุณเฉิงโบกมือให้สัญญาณแก่เธอ
“ยิ่งนานมันก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆล่ะ” คุณเฉิงแอบพูดในใจ
นั่นเป็นเรื่องจริง เมื่อข้าวผัดไข่ยังอยู่ในขั้นก่อนหน้านี้ก็ไม่จำเป็นต้องจงใจควบคุมมือซ้าย แต่เมื่อข้าวผัดน้อยลงในขั้นถัดไป แน่นอนว่าย่อมจำเป็นที่จะต้องควบคุมมือซ้ายอย่างระมัดระวังเพื่อตักข้าวขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็จะสังเกตความแตกต่างระหว่างมือซ้ายและมือขวาได้ชัดเจน
ตอนที่คุณเฉิงท้าเดิมพันกับหญิงสาวอยู่นั้น หยวนโจวก็บดข้าวสาลีให้เป็นแป้งอยู่เลย แป้งสาลีเป็นสีค่อนข้างเหลืองแต่กลิ่นข้าวสาลีกลับรุนแรงมากทีเดียว
“เยี่ยมไปเลย แป้งสาลีที่เจ้าระบบจัดหามาให้สุดยอดไปลยจริงๆ” หยวนโจวเผยรอยยิ้มภายใต้หน้ากากอนามัยออกมา
เนื่องจากแป้งสาลีเพิ่งจะถูกบดด้วยเครื่องบดจึงยังร้อนอยู่นิดหน่อย หลังจากนั้นก็ต้องปล่อยเย็นให้ตัวลงหมดเสียก่อนหยวนโจวจึงจะสามารถเริ่มนวดแป้งได้
ระหว่างที่ว่างอยู่นี้ หยวนโจวก็เริ่มล้างมือตัวเอง
เขาล้างมือไปทั้งหมดสี่ครั้ง หลังจากนั้นชำระล้างแล้วหยวนโจวก็เช็ดมือให้แห้งและเตรียมนวดแป้ง
นอกเหนือไปจากแป้งสาลีและน้ำมันหมูแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่จำเป็นต่อการทำหมั่นโถวไหมพันเส้นอีกแล้ว แม้แต่น้ำก็ยังใช้น้อยมากๆเลยด้วย นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว อาหารจานนี้จะขึ้นอยู่ฝีมือเป็นหลัก
ดังนั้นขั้นตอนต่างๆของการนวดแป้งและการหมักจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมไม่ยอมละเลยแม้เพียงนิด
“คราวนี้ฉันจะใช้แป้งอันเดิม” หยวนโจวค่อนข้างคาดหวังกับเรื่องนั้นไว้มากทีเดียว
คราวที่แล้วตอนที่เขาทำหมั่นโถวน้ำพุ หยวนโจวละทิ้งกลิ่นพิเศษของแป้งอันเดิมไปเนื่องจากเขาต้องใช้รสชาติสดใหม่และหวานหอมของน้ำพุ แต่คราวนี้กลับต่างออกไป ด้วยการหมักแป้งอันเดิมจะทำให้หมั่นโถวไหมพันเส้นสมบูรณ์มากที่สุดและอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดอีกด้วย
“เจ้าระบบจะจัดหาแป้งพันปีมาให้หรือเปล่านะ?” จู่ๆหยวนโจวก็นึกถึงแป้งซูหานในการ์ตูนอนิเมะเรื่องยอดกุ๊กแดนมังกรขึ้นมาได้ทันที
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวก็ดูการ์ตูนอนิเมะเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากพวกสาวๆติดการ์ตูนเรื่องนี้กันมากทีเดียว เขาจึงค้นหาการ์ตูนอนิเมะเรื่องนี้ทางอินเตอร์เน็ตมาดูเป็นพิเศษ
แล้วหยวนโจวก็ลองเตรียมอาหารทุกอย่างในการ์ตูนอนิเมะเรื่องนั้นเพื่อดูซิว่าจะอร่อยจริงๆหรือไม่
เจ้าระบบแสดงผลว่า “สิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือสิ่งที่ดีที่สุด”
“งั้นก็หมายความว่าแกไม่มีแป้งพันปีน่ะสิ” หยวนโจวตอบสนองในทันที
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “นี่คือแป้งอันเดิมที่ผลิตขึ้นมาจากแป้งบดหินที่หลงเหลือจากเจ้านายหลายคนก่อนหน้านี้”
“เจ้านายหลายคนก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?” หยวนโจวรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีแล้วเขาก็มุ่งความสนใจไปที่แป้งอันเดิมที่เพิ่งจะหยิบออกมา
แป้งอันเดิมมีสีสันเหมือนกับแป้งสาลีสดใหม่ โดยมีสีค่อนข้างเหลืองและมีขนาดครึ่งฝ่ามือ
หยวนโจวลองบีบดูและรู้สึกว่ามันค่อนข้างนุ่มมากทีเดียว เมื่อนำเข้ามาใกล้ๆก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งสาลีหมักตลอดจนรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างจากแป้งอันเดิมมากนัก
“จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างนะ?” หยวนโจวใส่มันลงในแป้งสาลีด้วยความคาดหวังแล้วเริ่มนวดแป้ง