อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 766
แบ่งปันและลองชิม
วันนี้ทุกอย่างที่ผับบนร้านหยวนโจวเป็นไปตามปกติ มีลูกค้าไม่มากเท่าไหร่นักรวมเซินหมินเข้าไปแล้วก็มีทั้งหมดแค่หกคนเท่านั้น
โต๊ะหนึ่งเป็นนักเขียนนิยายที่มักจะมาคนเดียวอยู่เสมอ อีกโต๊ะคือเฉินเว่ยกับเสิ่นซีเพื่อนของเขา ส่วนโต๊ะสุดท้ายคือเจียงฉางซี่กับญินยา
เจียงฉางซี่จะเลี้ยงเครื่องดื่มใครสักคนเป็นบางครั้งบางคราว วันนี้ญินยาเป็นคนที่เธอเลี้ยง สตรีจากสองสาขาอาชีพแลกเปลี่ยนหัวข้อสนทนามากมาย แต่ญินยากลับไม่ช่างจ้อเท่าเจียงฉางซี่
คืนนี้อู๋ไห่ไม่ได้มาที่นี่ เมื่อมีกลิ่นอันคลุมเครือลอยขึ้นมา นักเขียนนิยายที่นั่งอยู่ใกล้กับสนามที่สุดเป็นคนแรกที่ได้กลิ่น
“ได้กลิ่นอะไรไหม?” นักเขียนนิยายถามด้วยความสงสัยขณะถือขวดเหล้าด้วยมือข้างเดียว
“กลิ่นอะไรงั้นเหรอ? นายจะเลี้ยงเครื่องดื่มฉันใช่ไหมล่ะ?” เฉินเว่ยถามขึ้น
“ไอ้โง่เอ้ย เขาถามว่านายได้กลิ่นอะไรเป็นพิเศษไหมต่างหากเล่า” เสิ่นซีกล่าวพลางมองเฉินเว่ยด้วยความดูหมิ่นดูแคลน
“ไม่นี่ เฮ้อ มีเหล้าแค่เนี้ย” เฉินเว่ยกล่าวกล่าวขณะที่เขาส่ายหน้าระทวยหลังจากจิบเหล้าในแก้วของตัวเอง
“ฉันคิดว่าฉันเองก็ได้กลิ่นเหมือนกันนะ กลิ่นหอมมากเสียด้วยสิ” ญินยาสูดจมูกฟุดฟิดแล้วกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“มีกลิ่นจริงๆด้วย แถมยังเป็นกลิ่นเนื้ออีกต่างหาก” เจียงฉางซี่กล่าว
“หรือจะเป็นของขบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของเหล้ากันนะ? กลิ่นเหมือนบางอย่างที่เข้ากันได้ดีกับเหล้าเลย” เสิ่นซีกล่าว
เฉินเว่ยสูดหายใจแรงๆและในที่สุดก็สังเกตได้ว่ามีกลิ่นบางอย่างอยู่ในอากาศจริงๆด้วย นี่คือกลิ่นที่กระตุ้นความอยากอาหารเอามากๆเชียวล่ะ
“ใช่ กลิ่นหอมมากเลย เออนี่ ในเมื่อนายเลิกดื่มไปแล้ว นายรู้ได้ยังไงล่ะว่าอาหารจานนี้เข้ากันได้ดีกับเหล้ากันล่ะ?” เฉินเว่ยเห็นด้วยกับญินยาก่อนที่จะถามเสิ่นซี
“เพราะฉันคุ้นเคยกับการดื่มน่ะสิ” เสิ่นซีตอบ
ถูกต้องแล้วล่ะ เสิ่นซีเป็นคนที่เลิกดื่มแล้ว เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาดื่มแต่แค่มาทานขนมเท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เฉินเว่ยยินดีที่จะพาเสิ่นซีมาที่นี่แทนตงตงผู้แข็งแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพราะถ้าหากเสิ่นซีมาด้วย เขาก็ไม่ต้องต่อสู้แย่งชิงเหล้าพวกนั้นกับเขา ถึงแม้ว่าจะมีขนมให้กินไม่กี่อย่างก็ยังดีกว่าได้กินเหล้าน้อยลงแหละนะ
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆเลยว่ามันคืออะไรกันแน่นะ แค่ได้กลิ่นฉันก็น้ำลายแทบหกอยู่แล้ว” นักเขียนนิยายพึมพำหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ
“หมินหมิน วันนี้เถ้าแก่ของเธอทำอาหารอะไรงั้นเหรอ? เขาทำเอาทั้งสนามเต็มไปด้วยกลิ่นแล้วนะ” เจียงฉางซี่ถามเซินหมิน
“พี่เจียง ฉันไม่มีเบาะแสเลยค่ะ” เซินหมินส่ายหน้าด้วยความไม่แน่ใจ
เซินหมินรู้ว่าหยวนโจวจะทำอาหารกินเองในครัวเป็นบางครั้งบางคราว แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่กลิ่นอาหารที่เขาทำกระจายมาถึงที่นี่
“ลงไปดูทีสิ” เจียงฉางซี่แนะนำ
“ได้ค่ะ” เซินหมินพยักหน้า
เซินหมินเองก็ค่อนข้างอยากรู้มากทีเดียวเธอจึงลงไปทันทีที่เจียงฉางซี่แนะนำให้เธอทำเช่นนั้น
ตึก ตึก ตึก เซินหมินเดินลงข้างล่างอย่างช้าๆในขณะที่เจียงฉางซี่ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็ไปดูกันเถอะ”
“อืม ไปโลด” ญินยาเป็นคนแรกที่เห็นด้วย
เมื่อบุรุษสามคนเห็นสตรีสองคนเดินไปทางด้านข้าง พวกเขาก็ตามไปดูเช่นเดียวกัน
ผับของหยวนโจวอยู่บนชั้นสองโดยมีผนังทางด้านข้างที่ถูกแทนที่ด้วยกำแพงไม้ไผ่ มีเพียงต้องมองผ่านรอยแยกเพื่อมองไปที่สนามด้านล่างให้ชัดเจนเท่านั้น
มีทางเดินเล็กๆอยู่ในสนามและมีโคมดอกบัวสองอันอยู่คนละด้านของทางเดิน นอกเหนือไปจากโคมไฟพวกนี้ก็ยังมีดอกไม้นานาชนิดขึ้นอยู่ตามทางเดินเช่นเดียวกัน และมีดอกไม้บางชนิดที่เบ่งบานตามฤดูกาลแล้ว
หยวนโจวนั่งอยู่ใต้ชายคา มีโต๊ะตั้งอยู่และมีโคมดอกบัวงามประณีตแขวนอยู่บนชายคาที่กำลังส่องแสงไปบนโต๊ะ
บนโต๊ะคือเหล้าไหหนึ่ง ตะเกียบคู่หนึ่งถ้วยเปล่าใบหนึ่งและอาหารไม่กี่จาน
นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขามองเห็นเมื่อมองลงไปที่สนาม ด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ภาพนี้ช่างดูมีเสน่ห์เสียจริงๆ
“ในฐานที่เป็นเชฟ เขาย่อมทำอาหารได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงต้องแสดงท่าทีกรีดกรายเสียขนาดนั้นด้วยเล่า?” ญินยาพึมพำอยู่ในใจแต่กลับหน้าแดงเช่นกัน
แม้แต่เจียงฉางซี่ก็ยังต้องร้องอุทานด้วยความชื่นชมเมื่อเห็นภาพนี้เข้า
“เถ้าแก่หยวนกำลังทานอาหารอยู่คนเดียว!” นี่เป็นสิ่งเดียวที่เฉินเว่ยสังเกตเห็น
เถ้าแก่หยวนไม่แบ่งใครเลย
“โอ้…” สิ่งนี้ทำให้เจียงฉางซี่ถึงกับพูดไม่ออกไปเลย
ญินยาระเบิดหัวเราะออกมาในขณะที่เสิ่นซีที่อยู่ข้างๆมีสีหน้าจนปัญญา ส่วนนักเขียนนิยายยังคงรักษาความสงบนิ่งของเขาเอาไว้แล้วมุ่งความสนใจไปที่อาหารบนโต๊ะที่มีไอกรุ่นออกมา
ในตอนนี้เซินหมินมาถึงข้างโต๊ะของหยวนโจวแล้ว พวกเขาเริ่มคุยกันแต่คนที่อยู่ชั้นบนกลับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
เจียงฉางซี่รออยู่สักครู่ก่อนที่จะตะโกนออกไปว่า “เถ้าแก่หยวน ดื่มคนเดียวน่าเบื่อออกนะ ขึ้นมาดื่มด้วยกันสิ”
“ยกอาหารที่นายขึ้นมากินด้วยนะ” เจียงฉางซี่กล่าวเสริมพร้อมยิ้มเมื่อหยวนโจวเงยหน้ามองเธอ
เฉินเว่ยเห็นด้วยขึ้นมาทันทีว่า “ใช่ ใช่ เถ้าแก่หยวน ขึ้นมาเถอะน่า พวกเรามาดื่มกัน พอดื่มแล้วก็มากินมื้อเย็นกันเถอะนะ”
“ยกอาหารจานใหม่ของนายขึ้นมาด้วยล่ะ” นักเขียนนิยายกล่าว
“พวกนายอยากลองชิมอาหารจานใหม่งั้นเหรอ?” หยวนโจวถาม
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไงเท่านั้นแหละ” เฉินเว่ยกล่าวพร้อมหัวเราะคิกคักพลางลูบหัวไปด้วย
“เถ้าแก่หยวน ขึ้นมาเถอะน่า ฉันมีขนมอย่างอื่นด้วยนะ” เจียงฉางซี่กล่าว
หยวนโจวมองไปทางพวกเขาก่อนจะบอกเซินหมินว่า “ขึ้นไปกันเถอะ ยกจานมาด้วยนะ”
“ได้ค่ะ เถ้าแก่หยวน” เซินหมินพยักหน้า
เซินหมินหยิบถาดออกมาแล้วเริ่มยกอาหารบนโต๊ะวางลงไปก่อนที่จะเดินขึ้นชั้นบน
ส่วนหยวนโจวนั้น เขายกโต๊ะเก้าอี้มุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นสองด้วย
เจ้าระบบจัดหาโต๊ะเก้าอี้มาให้สามตัวเท่านั้น ดังนั้นถ้าหากเขาอยากจะนั่งชั้นบน เขาก็ต้องนำโต๊ะเก้าอี้ไปเอง
“พวกเราน่าจะรักษาสายสัมพันธ์ให้กลมเกลียวแล้วค่อยมาแบ่งอาหารกันในตอนหลังนะ” เฉินเว่ยบอกคนอื่นๆ
“นายมันจอมฉกเหล้า” นักเขียนนิยายกล่าว
“ใช่แล้วล่ะ อย่าเที่ยวฉกเหล้าไปทั่วสิ มาดูอาหารจานใหม่ของเถ้าแก่หยวนกันดีกว่า” เจียงฉางซี่พยักหน้า
“ใช่เลย ฉันสงสัยจังว่าคราวนี้อาหารจานเด็ดของเถ้าแก่หยวนจะเป็นอะไรกันนะ ดูเหมือนจะเป็นของขบเคี้ยวบางอย่างที่เข้ากับเหล้าได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ” ญินยากล่าว
“พวกเราจะรู้เองตอนที่พวกเขาขึ้นมานั่นแหละ” เสิ่นซีกล่าว
เซินหมินมาพร้อมกับถาดอาหารในขณะที่หยวนโจวมาพร้อมกับโต๊ะเก้าอี้ เจียงฉางซี่กับเฉินเว่ยให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างอบอุ่นและไม่นานนัก หยวนโจวก็ได้ที่นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะทั้งสามตัว
ทันทีที่หยวนโจวนั่งลง เฉินเว่ยก็ชี้ไปที่หางไก่ย่างเห็ดแล้วกล่าวว่า “เถ้าแก่หยวน อาหารจานใหม่นี้คืออะไรงั้นเหรอ? ใช่ของขบเคี้ยวที่มีเหล้าเป็นส่วนผสมหรือเปล่า?”
“มันเป็นของขบเคี้ยวที่มีเหล้าเป็นส่วนผสมชนิดหนึ่ง แต่ก็สามารถทานเป็นอาหารตามปกติได้เช่นกัน” หยวนโจวพยักหน้า
“ที่จริงแล้วมันเป็นรูปหัวใจนี่นา ดูน่าดีมากเชียวล่ะ” ญินยากล่าวด้วยความอยากรู้
“เถ้าแก่หยวน นี่คือหางไก่ใช่ไหม?” นักเขียนนิยายกับเสิ่นซีถามขึ้นพร้อมกัน นักเขียนนิยายขมวดคิ้วในขณะที่เสิ่นซีกลับอยากรู้อยากเห็น
“นี่คืออาหารจานใหม่ หางไก่ย่างเห็ด” หยวนโจวกล่าว
“อะไรนะหางไก่งั้นเหรอ? หางของไก่เหรอ?” ญินยาถามขึ้น
“หรือที่รู้จักกันว่าตูดไก่นั่นแหละ” เสิ่นซีกล่าว
“แค่ก แค่ก อะไรนะ?” ญินยาสำลักลมหายใจของตัวเองขึ้นมาทันที ทั้งยังรู้สึกเหมือนกลิ่นในอากาศไม่น่าดึงดูดอีกต่อไปแล้ว
“ฉันเคยได้ยินมาว่าเจ้าสิ่งนี้เข้ากันได้ดีกับเหล้ามากเลยล่ะ เถ้าแก่หยวนแบ่งให้เรากินด้วยสิ” เฉินเว่ยรู้สึกสนใจมากทีเดียว
แม้แต่เจียงฉางซี่เองก็สนใจเช่นกัน
หยวนโจวพิจารณาปฏิกิริยาตอบสนองของแต่ละคนที่พร้อมสำหรับปฏิกิริยาตอบสนองแบบที่เขาจะได้รับเมื่อวางจำหน่ายอาหารในวันพรุ่งนี้