อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 773
ขี่ช้าง
เที่ยงนั้นหยวนโจวไม่มีความสุขกับอาหารกลางวันเอาเสียเลย เขาหมดเงินไปกว่า 100,000 หยวนกับอาหารมื้อนี้ แต่เมื่อเทียบกับเงินทุนสำหรับอาหารก็เป็นเพียงน้ำหยดเดียวในมหาสมุทรเท่านั้น
“เป็นเพราะฉันไม่ได้ทำให้ถูกขั้นตอนแหงๆเลย” หยวนโจวพึมพำกับตัวเอง ถึงอย่างไรเขาก็เคยได้ยินลูกค้าคนอื่นๆพูดถึงมาสองครั้งแล้วว่าอาหารไทยรสชาติอร่อยมากทีเดียว
หยวนโจวรู้ว่าตัวเองเป็นเข้มงวดเรื่องอาหารมาก มันอาจจะอร่อยเพียงแต่อาจจะไม่อร่อยเท่าที่เขาคิดก็ได้ แต่ก็คงไม่แย่นักหรอก ดังนั้นหยวนโจวจึงครุ่นคิดอยู่สักพักและจะถามทันทีหากเขามาผิดทาง
เขาสงบสติอารมณ์ลง ถึงอย่างไรหยวนโจวก็จองขี่ช้างจากโรงแรมในยามบ่ายเอาไว้แล้ว เจ้าระบบจอมงกก็ยังปฏิเสธที่จะจ่ายเงินถึงแม้ว่าเขาจะหาข้อแก้ตัวด้วยการบอกว่าแค่อารมณ์ดีเขาก็เลยสามารถทานอาหารอร่อยได้มากขึ้นเท่านั้นเอง การขี่ช้างจึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมเพื่อทำให้ตัวเขารู้สึกดีขึ้นนั่นเอง
แต่เดิมเขาอยากปรึกษาหารือกับเจ้าระบบ แต่คำพูดของหยวนโจวกลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจใดๆได้เลยแถมเจ้าระบบก็ได้แต่เงียบไปอีกต่างหาก ดังนั้นหยวนโจวจึงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากจ่ายเงินเอง คนละ 80 หยวนน่าจะทำให้หยวนโจวอารมณ์เสียได้เลยเพราะต้องเสียเงินถึง 80 หยวน
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะพูดภาษาไทยไม่ได้ โรงแรมส่งเขาตรงไปยังจุดหมายปลายทางด้วยรสบัสและจะขับมาส่งในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ครึ่งชั่วโมงต่อมา หยวนโจวก็มาถึงสถานที่ที่เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะมา เขาเดินไปรอบๆอยู่สักครู่แล้วพบบางสิ่งบางอย่างเข้า
“ดูเหมือนว่าบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยกิจกรรมบันเทิงเลยล่ะ” หยวนโจวเดินลงไปตามเนินลาด
พอรู้ตัวอีกทีหยวนโจวก็ได้กลิ่นเครื่องเทศอันแสนคุ้นเคย ใช่แล้วล่ะ มีร้านที่เสิร์ฟอาหารไทยอยู่ตรงข้างๆเนินลาด ยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมทั้งหลายของที่นี่ก็ยังไม่พบในสวนสนุกแบบดั้งเดิมอีกด้วย โดยที่กิจกรรมบันเทิงจะประกอบไปด้วย การแข่งรถโกคาร์ต การยิงเป้า การแสดงละครสัตว์และการขี่ช้าง
กิจกรรมเหล่านี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว หยวนโจวเดินผ่านสถานที่แข่งรถโกคาร์ตและเดินหน้าต่อไปก่อนที่จะได้กลิ่น พนักงานต้อนรับของโรงแรมบอกว่ามีช้างที่เลี้ยงเอาไว้ที่นี่ 7 หรือ 8 ตัว แน่นอนว่าย่อมมีกลิ่นเหม็นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรขี้ช้างพวกนี้ก็ส่งกลิ่นที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“มีกลิ่นเครื่องเทศฉุนเสียขนาดนั้นพร้อมๆกับกลิ่นที่แย่มากพุ่งเข้าจมูกของฉันไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าจมูกของฉันกำลังจะมีปัญหา” ในที่สุดหยวนโจวก็รู้ว่าทำไมชอลิ้วเฮียง* ถึงได้ชอบลูบจมูกตัวเองนัก
จะว่าไปแล้วเขาก็รู้สึกโชคดีที่อาศัยอยู่ในโรงแรมระดับห้าดาว และในโรงแรมใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะห่คนที่พูดภาษาจีนได้
ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ก็กลับกลายเป็นว่ากลิ่นก็ยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่อันที่จริงแล้วสัตว์ชนิดแรกที่หยวนโจวเห็นหลับเป็นเสือแทนที่จะเป็นช้าง มันเป็นเสือตัวจริงเสียงจริงถึงแม้ว่ามันจะกำลังนอนหมอบอยู่บนโขดหินเงียบๆในขณะที่มีใครสักคนล่ามมันเอาไว้ด้วยโซ่เหล็กก็ตามที
มันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดหรอก ประเด็นสำคัญก็คือหยวนโจวเพียงแค่เดินผ่านสถานที่แห่งนี้ แต่คนข้างในก็ยังลากหยวนโจวเข้าไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาไทย แต่เขาก็พอจะเข้าใจความหมายคร่าวๆได้ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะบอกราคาในการถ่ายภาพหมู่กับเสือ
หยวนโจวไม่ได้กลัวเสือจริงๆหรอก เขาเพียงแค่รู้สึกว่าเสือไม่เห็นจะน่าดึงดูดใจตรงไหนเลย เมื่อเทียบกันแล้ว เขาชอบช้างมากกว่า ดังนั้นเขาจึงเร่งฝีเท้าออกจากบริเวณนี้ไป
จากนั้นเขาก็เห็นช้างอยู่ในสระเล็กๆ เช่นเดียวกับเสือนั่นแหละ ยังมีคนที่ยืนอยู่ด้านข้างและลูกค้าที่ถูกคิดเงินค่าบริการถ่ายภาพหมู่ และตรงทางด้านข้างของช้างก็ยังมีนกฮูกอยู่ตัวหนึ่งด้วย ไม่ว่าใครก็สามารถถ่ายภาพหมู่ได้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าพวกเขาต้องชำระค่าบริการ ส่วนเจ้าหน้าที่ก็กระตือรือร้นมากทีเดียวในการดึงตัวคุณเข้ามาถ่ายภาพ
หยวนโจวไม่ชอบถ่ายภาพ เขาจึงก้าวถอยหลังไปดูพวกชาวต่างชาติถ่ายภาพกัน โชคดีที่มีไกด์ทัวร์ที่พูดภาษาจีนได้อยู่ข้างๆและนักท่องเที่ยวที่ตามเธอไปก็เป็นชาวจีนเช่นเดียวกัน
ตามที่ไกด์ทัวร์บอกมา พวกเขาสามารถถ่ายภาพกับช้างได้ฟรีๆหากซื้ออาหารตะกร้าหนึ่งตรงแผงข้างเคียงเพื่อให้อาหารมัน โดยตะกร้าขนาดเท่าลูกแตงโมที่หนักพอสมควรมีกล้วยอยู่ด้านบนและมันเทศอยู่ด้านล่าง เนื่องจากมีราคาไม่แพง หยวนโจวจึงซื้อผลไม้มาตะกร้าหนึ่ง
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบถ่ายภาพ แต่เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามและถ่ายภาพกับช้างสิในเมื่อฉันได้มาประเทศไทยแล้วทั้งที” หยวนโจวหยิบกล้วยออกมาป้อนช้างน้อย มันยื่นงวงออกมารับกล้วยแล้วยัดเข้าปาก การกระทำช่างรวดเร็วมากเสียจนหยวนโจวไม่ทันได้ถ่ายภาพเลย
กล้วยด้านบนของตะกร้าถูกเจ้าช้างกินจนเกลี้ยงในไม่ช้า แต่หยวนโจวก็ยังหาโอกาสที่จะถ่ายภาพไม่ได้เลย
คงต้องเปลี่ยนวิธีป้อนอาหาร หยวนโจวเหลือบมองมันเทศที่เหลือในตะกร้าและทำท่าทางกวักมือเรียกโดยหวังว่าเจ้าช้างจะมาทางนี้ก่อนเพื่อให้เขาสามารถถ่ายภาพก่อนให้อาหารอีกครั้ง แต่เมื่อไม่มีอะไรอยู่ในมือ เจ้าช้างก็ไม่มาหาเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังหันก้นใส่เขาอีกต่างหาก
“กล้าดียังไงกัน! เจ้าช้างตัวนี้กล้าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานจริงๆ” หยวนโจวหยิบมันเทศออกมาแล้วจงใจเอามาหลอกล่อเจ้าช้าง เขาเปิดกล้องด้วยมืออีกข้างและเตรียมที่จะถ่ายภาพทุกเมื่อ
แต่มีบางอย่างที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เจ้าช้างมองไปที่มันเทศในมือแล้วหันหน้ากลับไปราวกับไม่สนใจพวกมัน
“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?” ความน่าจะเป็นทั้งหลายแวบผ่านสมองของหยวนโจวขึ้นมาทันที สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือช้างตัวนั้นไม่กินมันเทศ
ไกด์ทัวร์ที่อยู่ข้างอธิบายให้เขาฟังอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจว่า “ช้างจะกินมันเทศถ้าหากไม่มีอะไรจะกิน แต่มันชอบกินกล้วยมากกว่านะ”
เรื่องมากชะมัดเลย!!! หยวนโจวเหลือบมองเจ้าช้างน้อยในสระ ยังมีนักท่องเที่ยวอีกมากมายอยู่แถวนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ชอบซื้อของในขณะที่ชาวจีนชอบซื้อแล้วก็ซื้อเมื่อตอนที่พวกเขาเดินทาง ดังนั้นผู้คนมากมายจึงพากันให้อาหารช้างด้วยกล้วยและเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ช้างจะไม่เข้ามากินมันเทศของเขา
“ฉันไม่คิดว่าแกจะเป็นช้างแบบนั้นเลยนะ”
เขาไม่อาจเสียเงินให้กับผลไม้ตะกร้าหนึ่งอย่างเปล่าประโยชน์ได้ ดังนั้นหยวนโจวจึงตัดสินใจที่จะซื้อผลไม้อีกตะกร้า โดนกัดเพียงครั้งก็จะอายไปสองครั้ง เมื่อได้รับประสบการณ์จากเรื่องนั้นแล้ว หยวนโจวก็หลอกล่อให้เจ้าช้างมาหาเขาด้วยกล้วยเสียก่อนแล้วค่อยถ่ายภาพรัวๆด้วยมืออีกข้าง
ตะกร้าผลไม้ทั้งสองใบจะต้องถูกนำมาใช้แลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่าง หลังจากนั้นยี่สิบนาทีหยวนโจวก็เก็บโทรศัพท์ของเขาลงด้วยความพึงพอใจ ในขณะเดียวกัน กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนก็มุ่งหน้าไปที่ต่อไปเพื่อขี่ช้าง
หยวนโจวแอบตามพวกเขาไป นี่คือทักษะในตำนาน “การใช้ประโยชน์จากไกด์ทัวร์ของคนอื่น” นั่นเอง
มีเก้าอี้อยู่บนหลังช้าง ส่วนควาญช้างนั่งอยู่ตรงส่วนหัวขณะที่บรรดานักท่องเที่ยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตัวเก้าอี้นั้นไม่ได้ใหญ่มากนักและสามารถรับน้ำหนักได้อย่างมากสองคนเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ว่ามีอีกคน เขาก็จะสามารถนั่งคนเดียวได้เลย
เขาเข้าแถวตามที่ได้รับการร้องขอแล้วรอช้าง
ก็เหมือนกับที่คำโบราณว่าไว้ว่าเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เขารออยู่ไม่ทันถึงสิบนาทีจู่ๆฝนก็เทลงมา จนสามารถได้ยินเสียงน้ำฝนตกลงใบไม้
“วันนี้มันวันซวยหรือไงวะ?” หยวนโจวหยิบร่มออกมาจากเป้ใบเล็กของตัวเอง เขามีนิสัยชอบพกร่มตอนออกไปข้างนอก และเขาก็เป็นคนเดียวที่ถือร่มอยู่ในแถว อีกไม่นานทุกคนก็จะตัวเปียกชุ่มยกเว้นแต่เขาคนเดียวเท่านั้น
หยวนโจวนึกถึงปัญหาอีกอย่างหนึ่ง ในเมื่อฝนกำลังตกอยู่เขาจะขี่ช้างได้อยู่อีกเหรอ? แต่ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ทำให้เขามั่นใจขึ้นมาได้ ทุกคนสามารถขี่ช้างได้นานเท่าที่พวกเขาต้องการเลยเชียวล่ะ
แต่นักท่องเที่ยวหลายคนตรงหน้าเขาต่างปฏิเสธข้อเสนอและบ่นกับอีกคน
“ในเมื่อฝนตกเสียหนักขนาดนี้พวกเราจะขี่ได้ยังไงกันเล่า? ไว้ฉันค่อยมาทีหลังดีกว่า”
“ใช่แล้วล่ะ ที่หลบฝนยังไม่สามารถกันฝนได้เลย รอสักครู่เถอะ”
“ฝนตกหนักจริงๆ เปียกไปหมดเลย เอาไว้ฉันค่อยมาขี่เอาทีหลังดีกว่า”
แต่หยวนโจวกลับมองไปที่เจ้าช้างแล้วตรวจสอบเวลา จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะขี่มันตอนนี้เลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ขี่ช่างก่อนกำหนดเนื่องจากผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างเลือกที่จะมาขี่เอาทีหลัง
“ช่างรู้สึกเยี่ยมไปเลยที่ได้มาขี่ช้างท่ามกลางสายฝน เจ้าช้างเองเดินให้ช้าหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ” หยวนโจวขึ้นขี่ช้างและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ใหม่
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวบอกทางโรงแรมให้มารับเขาในอีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ถ้าเขาไม่ขี่ตอนนี้ก็คงจะไม่มีเวลามากพอตอนที่ฝนหยุดตกแล้วล่ะ
และหยวนโจวก็เป็นคนที่ยึดติดกับแผนที่วางเอาไว้มากทีเดียว
——————
ชอลิ้วเฮียง(楚留香) เป็นพระเอกในนวนิยายกำลังภายในของโกวเล้ง เขามีวิชาตัวเบาและขโมยสมบัติล้ำค้ามาได้มากมาย