อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 777
ทุเรียนย่าง
จะสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้งั้นเหรอ? หยวนโจวตาเป็นประกายเนื่องจากถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมาในทันที มีเชฟอยู่น้อยคนที่จะสามารถพลิกแพลงให้เข้ากับการทำอาหารแบบนี้ได้ แม้แต่หยวนโจวที่รู้วิธีทำโต๊ะจีนปลาก็พบว่ายากที่จะทำแบบนั้นได้
“อาหารที่นั่นอร่อยไหมครับ?” หยวนโจวพยายามที่จะสอบถามเผื่อว่าไกด์ทัวร์จะเคยไปทานมาก่อนแล้ว
ซิ่งน้อยตอบว่า “รสชาติไม่เลวทีเดียวครับ ผมเคยไปที่นั่นมาครั้งนึงแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หยวนโจวก็รู้สึกโล่งใจและตัดสินใจเลือกร้านแห่งนั้น พวกเขาจึงเริ่มมุ่งหน้าไปที่นั่น
ตอนนี้ไม่นับว่าเร็วเกินไปสักนิดที่จะเริ่มมุ่งหน้าไปที่นั่น ถ้าหากพวกเขาจะไปทานอาหารที่ร้านปลาสามตัว ถึงอย่างไรร้านก็อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของเมืองจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ พวกเขายังต้องเดินทางอีกไกลเชียวล่ะ
ระหว่างทางหยวนโจวเริ่มลูบท้องที่กำลังปวดเมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามขึ้นมาว่า “ร้านปลาสามตัวใช้ปลาน้ำเค็มหรือว่าปลาน้ำจืดในอาหารพวกนั้นเหรอครับ?”
“ผมคิดว่าพวกเขาใช้ทั้งสองอย่างเลยนะ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นปลาน้ำจืดครับ” ซิ่งน้อยตอบอย่างไม่แน่ใจหลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย
ปลาน้ำจืดน่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ หยวนโจวเตรียมตัวที่จะไปทานอาหารที่นั่นแล้ว
ตอนที่อยู่บนรถนั้น หยวนโจวกำลังสงสัยว่าร้านจะสามารถสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้อย่างไรกัน ความต้องการอาทิเช่น รสเผ็ด กลมกล่อมหรือหวานก็คงจะสนองได้ง่ายแต่ถ้าเป็นความต้องการยากๆเล่าจะเป็นอย่างไร?
หยวนโจวตัดสินใจที่จะดูว่าร้านแห่งนั้นจะสนองความต้องการในเรื่องนี้ได้อย่างไร
พวกเขาใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ตลอดทั้งช่วงเย็น ตอนที่พวกเขาไปถึงที่นั่น ฟ้าก็มืดแล้ว สาธารณูปโภคในประเทศไทยพร้อมจริงๆ หลายๆส่วนของถนนยังมืดอยู่เลย โชคดีที่พวกเขากำลังจะไปบางแห่งที่มีแสงสาดส่องร้านอาหารที่อยู่บนชั้นสองของตึกนั่นเอง
ในเมื่อซิ่งน้อยก็อยากกินเช่นเดียวกัน หยวนโจวจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงซิ่งน้อยในมื้อนี้ เขาตรวจกับเจ้าระบบดูแล้ว เขาสามารถใช้เงินทุนเพื่อเลี้ยงซิ่งน้อยได้เช่นกัน
ศาสนาพุทธมีอิทธิพลกับประเทศไทยมากกว่าประเทศจีนเสียอีก ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในร้านก็เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พระพุทธรูปมีใบหน้ากลม คิ้วโก่งและคางแหลมที่ส่องสว่างด้วยโคมดอกบัว
หยวนโจวเป็นพวกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เนื่องจากบิดามารดาเป็นชาวพุทธ เขาจึงรู้จักศาสนาพุทธอยู่นิดหน่อย นี่ก็คือพระพุทธรูปจากสมัยโบราณนั่นเอง หยวนโจวมองดูสักครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาไป ด้วยเหตุผลบางประการ อารมณ์ของเขาเริ่มจมดิ่งลงเสียแล้ว
เมื่อตามบริกรหญิงไปแล้ว พวกเขาก็นั่งลงที่โต๊ะว่างๆตัวหนึ่ง หยวนโจวไม่เข้าใจคำที่บริกรหญิงกล่าวมาเลยสักนิด เนื่องจากร้านนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม บรรดาลูกค้าจึงต้องเข้าคิวเพื่อให้ได้ที่นั่งของที่นี่ โชคดีที่หยวนโจวกับซิ่งน้อยมาถึวก่อนเลยได้ที่นั่งก่อน
“เอาล่ะ คุณอยากทานอะไรดีครับ?” หยวนโจวทำไม้ทำมือให้บริกรหญิงเพื่อขอเมนูสองที่ จากนั้นเขาก็ยื่นเมนูให้ไกด์ทัวร์ก่อนที่จะถามว่าเขาอยากทานอะไร
ตามที่ไกด์ทัวร์บอกไว้ ร้านแห่งนี้มักจะจัดเตรียมปลาสามตัวตามรสนิยมของลูกค้า ในเมื่อเป็นแบบนั้น เมนูก็คงไร้ประโยชน์แล้ว หยวนโจวเปิดเมนูไปพลางนึกอยู่ในใจแล้วก็รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เห็นขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่เขาก็สามารถเดาสิ่งที่อยู่บนเมนูจากรูปภาพได้ ที่เรียกกันว่าปลาสามตัวก็เพราะเป็นร้านที่มีความเชี่ยวชาญด้านปลามากเป็นพิเศษ บนเมนู ปลาชนิดต่างๆจะถูกจัดให้มีรสชาติที่แตกต่างกันไป เช่น รสเผ็ดและเค็ม ทั้งยังต่างไปจากสิ่งที่หยวนโจวจินตนาการเอาไว้โดยสิ้นเชิงอีกต่างหาก
สิ่งที่หยวนโจวจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้คือร้านที่เขาสามารถร้องขอสิ่งที่ต้องการได้ตามใจ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากลูกค้าอยากทานอาหารรสชาติอ่อนๆ เชฟก็จะทำปลารสชาติอ่อนๆมาให้ หยวนโจวบอกให้ไกด์ทัวร์แปลเมนูให้ฟังก่อนที่เขาจะสั่งผัดเผ็ดปลาย่างจากเมนู
เนื่องจากซิ่งน้อยเคยมาที่นี่ก่อนแล้ว เขาจึงไม่ต้องใช้เวลามากนักในการตัดสินใจว่าจะทานอะไร ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะรู้สึกผิดหวังก็เถอะ แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งกับร้านแห่งนี้สำหรับความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหารทุกอย่างด้วยปลาสามตัว หยวนโจวตัดสินใจที่จะค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องนี้ สักวันหนึ่งถ้าหากเขาวางจำหน่ายปลาสามตัวในร้านตัวเองหรือแม้แต่อาหารจำพวกปลาสักจาน เขาจะทำอาหารที่ลูกค้าของเขาสามารถร้องขอรสชาติที่ต้องการได้ตามใจเลยล่ะ
ปลาสามตัวดูเหมือนจะเยอะ แต่อันที่จริงแล้วก็เยอะนั่นแหละ ปลาแต่ละตัวมีน้ำหนักราวๆสองชั่ง พวกเขาจะให้ลูกค้ากินให้ตายหรือไงกัน?
หยวนโจวต้องใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทานอาหารที่สั่งมาให้หมด น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีกระเพาะอย่างอู๋ไห่ หยวนโจวถึงกับทอดถอนใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เมื่อหยวนโจวมองไปทางซิ่งน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆก็ต้องตาเบิกกว้างทันที
“ทำไมปลาของคุณถึงได้น้อยกว่าของผมล่ะครับ?” หยวนโจวถามขึ้นพลางจับจ้องไปที่ปลาแต่ละตัวของซิ่งน้อยที่มีขนาดราวๆครึ่งชั่ง ต่างกันเกินไปแล้ว
“ผมคิดว่าผัดเผ็ดปลาย่างมีขนาดมาตรฐานอยู่แล้วนะครับ” ซิ่งน้อยกล่าวอย่างไม่แน่ใจนัก เขาสั่งอาหารแบบเดียวกับที่เคยสั่งมาเมื่อคราวก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่เอะใจสักนิด
“งั้นไม่เป็นไรครับ” หยวนโจวพยักหน้า เขาลุกขึ้นแล้วไปจ่ายบิลค่าอาหารอย่างไม่เร่งร้อน
หลังจากอาหารมื้อนั้น พวกเขาก็เดินลงไปดูสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่พวกเขามาถึง มันทั้งมืดและไม่ค่อยจะมีผู้คนอยู่แถวนี้เลย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยแผงขายขนมยาวเหยียด
ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะอิ่มมากแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังเดินหน้าไปที่แผงลอยยาวเหยียดด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เขาจะต้องทานอาหารอร่อยให้ได้เลย
หยวนโจวจำได้ว่าของว่างที่ประเทศจีนใช่ว่าจะมีรสชาติอร่อยสักเท่าไหร่นักแต่ก็ยังมีความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เขาคิดว่าถ้าอยากจะเข้าใจสถานีที่ใดสักแห่งให้มากขึ้น การทานของว่างจากแผงลอยในท้องถิ่นก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้นหยวนโจวจึงต้องทานของว่างที่นี่
“ไปกันเถอะ ซิ่งน้อย ผมจะเลี้ยงขนมคุณเองครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นขณะที่เขาพาซิ่งน้อยไปที่แผงลอยริมถนน
“พี่หยวนครับ พี่หยวน ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่คุณก็ใจดีเกินไปแล้ว” ซิ่งน้อยกล่าวพลางโบกไม้โบกมือ
หยวนโจวไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด “มาเถอะน่า ปลาสามตัวไม่นับเป็นอะไรได้เลย คุณจะอิ่มได้ยังไงกันเล่า? ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มากินกันเถอะ”
เพราะแบบนั้นซิ่งน้อยจึงถูกหยวนโจวฉุดกระชากลากถูไปตามแผงลอยริมถนน ในประเทศไทย ของว่างที่แผงลอยริมถนนขายจะเป็นอาหารจำพวกปิ้งย่างและอาหารทะเลเสียส่วนใหญ่
อันที่จริงแล้วของก็ดูธรรมดามากทีเดียว น่าจะเป็นกุ้งหรือปูย่างที่โรยเครื่องปรุงลงไป หยวนโจวลองชิมดูและถึงแม้ว่าจะรสชาติไม่เลวเลย แต่เขาก็ไม่สามารถออกปากชื่นชมออกมาได้อีกแล้วในเมื่อเขาเป็นที่เลือกกินมากทีเดียว
ราวๆครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น จู่ๆซิ่งน้อยก็สกัดหยวนโจวเอาไว้
หยวนโจวมองซิ่งน้อยด้วยความสงสัยแล้วมองสีหน้าเอาจริงเอาจังของซิ่งน้อยขณะที่ที่เขาพูดขึ้นมาว่า “พี่หยวนครับ ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมไม่ใช่คนสุภาพอะไรนัก แต่ผมทานไม่ไหวแล้วจริงๆครับ” ซิ่งน้อยรู้สึกราวกับว่าอีกไม่นานท้องจวนจะระเบิดอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ฝืนใจคุณหรอก” หยวนโจวพยักหน้า
เมื่อตัดสินจากการทานของอร่อยในวันนี้ หยวนโจวก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินไปตามท้องถนนเพื่อลองชิมของว่างที่เขาพบเจอ จนทำให้ซิ่งน้อยต้องมองหยวนโจวที่ทานทุกสิ่งอย่างจากฝั่งหนึ่งของถนนไปยังอีกฝั่ง ซิ่งน้อยรู้สึกว่าแค่มองหยวนโจวกินก็อิ่มเสียแล้ว
จู่ๆหยวนโจวก็เจอสิ่งที่เขาไม่กล้าลองชิมเข้าแล้ว
เขาเจอทุเรียนย่างเข้าน่ะสิ
ของอย่างทุเรียนสามารถเอามาย่างได้ด้วยงั้นเหรอ?
เมื่อหยวนโจวเจอสถานการณ์นี้เข้าไป เขาก็นึกถึงคำถามที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตขึ้นมาได้คือ ระหว่างรสชาติราวกับอึของช็อคโกแล็ตกับช็อคโกแล็ตรสชาติราวกับอึ คุณจะเลือกกินอันไหนดีล่ะ?