อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 783 เป็ดปักกิ่งของประเทศไทย
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 783 เป็ดปักกิ่งของประเทศไทย
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงขณะที่ผู้คนบนถนนเริ่มเยอะขึ้น หยวนโจวเพิ่งจะทานข้าวเหนียวมะม่วงที่ซื้อมาก่อนหน้านี้หมด
“เป็นยังไงบ้างครับ?” เสี่ยวซิ่งถามด้วยความอยากรู้
“มีการเติมน้ำตาลลงไปด้วย หวานไปหน่อยครับ” หยวนโจวประเมินตามตรง
“ผมก็คิดว่างั้นแหละ แต่ข้าวไม่หอมเท่าโจ๊กที่คุณทำหรอกครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางจ้องมองข้าวเหนียวมะม่วงในมือตัวเอง
“ไปร้านเป็ดย่างกันเถอะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปตรงสี่แยกถนน
“โอเคครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้าซ้ำๆ ในขณะที่หยวนโจวไม่ได้สนใจ เขาก็โยนข้าวเหนียวมะม่วงของตัวเองทิ้งไป
หยวนโจวกำลังเดินนำหน้าอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงของบางอย่างถูกโยนลงถังขยะ เขาก็หาได้กล่าวสิ่งใดออกมาและเดินต่อไป
พวกเขาไม่ได้อยู่ในร้านของตัวเองฉะนั้นหยวนโจวจึงได้แต่ทำให้แน่ใจว่าเขารักษาวินัยของตนเองอย่างเคร่งครัดแล้ว ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่อร่อย แต่เขาก็ยังคงกินจนหมด มีเพียงทำเป็นตัวอย่างเท่านั้นเขาจึงจะสามารถรักษากฎในร้านของตัวเองเอาไว้ได้
ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคาดหวังว่าไกด์ทัวร์จะปฏิบัติตามกฏเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ลูกค้าของหยวนโจวนี่นา
ร้านเป็ดย่างใหญ่โตมากและบนป้ายเขียนตัวอักษรสีทองว่าเป็ดปักกิ่ง บริกรรูปร่างกำยำสองคนยืนอยู่ตรงทางเข้าและต้อนรับหยวนโจวกับไกด์ทัวร์ตอนที่พวกเขามาถึง
“สวัสดีครับ” ทั้งสองคนทักทายเป็นภาษาไทยแล้วพาพวกเขาเข้าไปข้างใน
ทันทีที่พวกเขานั่งลง ก่อนที่เสี่ยวซิ่งจะยื่นเมนูให้หยวนโจว เขาก็พูดขึ้นมา
“เป็ดย่างจานกับอาหารจานเด็ดอย่างละที่ ไม่เอารังนกกับหูฉลามนะครับ” หยวนโจวกล่าว
“โอเค งั้นขอผมถามก่อนนะครับว่าอาหารจานเด็ดคืออะไร” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า
“ให้พวกเขาเสิร์ฟเป็ดย่างก่อนก็ได้ครับ” หยวนโจวตัดสินใจที่จะทานเป็ดย่างก่อน
“ได้ครับ” เสี่ยวซิ่งเริ่มคุยกับบริกรทันทีที่คุยกับหยวนโจวแล้ว
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมพูดภาษาไทย หลังจากสนทนากันแล้ว เสี่ยวซิ่งก็แปลให้หยวนโจวฟัง
ที่จริงแล้วหยวนโจวไม่เคยไปปักกิ่งเหมือนกัน เขาแค่เคยลงเครื่องที่นั่นครั้งหนึ่งเพื่อต่อเครื่องก็เท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยลองชิมเป็ดปักกิ่งสูตรต้นตำหรับเช่นกัน
หลังจากนั้น หยวนโจวก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ทานเป็ดย่างของที่นี่
ร้านเฉวียนจวี้เต๋อที่จำหน่ายเป็ดปักกิ่งนั้นหยวนโจวต้องจองที่นั่งล่วงหน้าถึงสามเดือนถ้าอยากจะมาทานที่นั่น ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องชำระเงินค่าบริการล่วงหน้าอีกต่างหาก แถมไม่ใช่ค่าเป็ดย่าง แต่กลับเป็นค่าอาหารของเป็ดระหว่างช่วงที่กำลังรอสามเดือน
ไม่ว่าใครก็คงพอที่จะจินตนาการได้ว่าเป็ดที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษเสียขนาดนี้จะอร่อยสักเพียงใด
“ฉันสงสัยจังเลยว่าเป็ดของที่นี่จะดีกว่าที่เฉิงตูไหมนะ” หยวนโจวรู้สึกข้องใจ
ตึก ตึก ตึก บริกรหญิงมาถึงพร้อมถาด บนถาดเป็นซอสและเครื่องเคียงอย่าง หอม แตงกวา พริกหยวกและขนมใบบัว
“ไวมากเลย” หยวนโจวกล่าวพลางจ้องมองไปที่เครื่องเคียง
“กิจการของร้านนี้ค่อนข้างเชียวล่ะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
บริกรอีกคนมาถึงพร้อมถาดอีกใบ
บนถาดเป็นจานสีขาวที่มีเป็ดหั่นเป็นชิ้นๆจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
“ยอดเชฟหยวน เป็ดมาแล้ว ลองชิมดูสิครับ” เสี่ยวซิ่งเชื้อเชิญให้หยวนโจวลองชิมดู
แต่เมื่อเสี่ยวซิ่งหันไปมองหยวนโจว เขาก็พบว่าหยวนโจวกำลังจ้องมองเป็ดด้วยสายตาแปลกๆ
“เป็ดหั่นเป็นชิ้นๆงั้นเหรอครับ?” หยวนโจวถามพลางขมวดคิ้ว
“ครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้าขณะที่มองหยวนโจวด้วยความสับสน
“มีแต่หนังเป็ดงั้นเหรอครับ?” หยวนโจวถามอีกครั้ง
ใช่แล้วล่ะ จานที่บริกรยกมาเสิร์ฟเต็มไปด้วยหนังเป็ดที่จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนหนังออกสีทองและมันแผล็บไปด้วยน้ำมัน โดยไม่มีเนื้อหลงเหลืออยู่บนหนังเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณทานมันด้วยการห่อเข้าด้วยกันได้เลยครับ” เสี่ยวซิ่งอธิบาย
“เนื้ออยู่ที่ไหนล่ะครับ?” หยวนโจวถาม
“คุณหมายถึงกระดูกงั้นเหรอครับ? พวกเขาจะเอาไปทอดก่อนจะนำมาเสิร์ฟน่ะครับ” เสี่ยวซิ่งดูเมนูแล้วกล่าวโดยไม่แปลกใจเลยสักนิด
หยวนโจวดูจะขัดอกขัดใจมากทีเดียว ใครมันจะไปกินหนังเป็ดกับขนมใบบัวกันเล่า? นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว หรือหนังเป็ดจะมีอะไรพิเศษ?
เนื่องจากหยวนโจวไม่กิน เสี่ยวซิ่งก็เลยไม่กินเช่นกัน เขาจิบน้ำผลไม้ไปอย่างเงียบๆ
“ลืมมันไปเสียเถอะ ฉันจะทำอย่างที่ชาวบ้านเค้าทำกันและลองชิมดูก็แล้วกัน ” หยวนโจวตัดสินใจที่จะกินหลังจากลังเลใจอยู่บ้าง
ขณะที่กำลังกินอยู่นั่นเอง หยวนโจวก็ต้องรู้สึกผิดหวังกับเครื่องเคียงเพราะพวกเขาเสิร์ฟหอมแทนต้นหอม
หอมถูกหั่นให้มีความยาวขนาดนิ้วมือและถูกจัดเรียงอยู่ในจานรอง หยวนโจวตัดสินใจที่จะเลิกลังเลและเริ่มกินด้วยมือเปล่า
ถูกต้องแล้ว ตอนที่ทานเป็ดปักกิ่ง รสชาติจะยิ่งอร่อยถ้าได้ห่อด้วยตัวเองเท่านั้นแหละ หยวนโจวไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้ววางหนังเป็ดชิ้นหนึ่งลงบนขนมใบบัวก่อนจะเติมซอส หอมและพริกหยวกลงไป จากนั้นเขาก็พับขนมใบบัวแล้วยัดเข้าปาก
เมื่อกัดคำแรก หยวนโจวก็รู้สึกได้ถึงความกรุบกรองของหนัง
ทันทีที่เคี้ยว น้ำมันในหนังก็หลั่งไหลออกมา เนื่องจากไม่มีเนื้อไว้คอยดูดซับน้ำมัน กลิ่นหอมจึงกระจายไปทั่วปาก ทำให้รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งปากของเขาเต็มไปด้วยน้ำมัน
“นี่เป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างแปลกใหม่เชียวล่ะ เสี่ยวซิ่ง ลองทานดูสิ” หยวนโจวกล่าวหลังจากกลืนลงไปแล้ว
“ครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้า
เสี่ยวซิ่งจะมาเยือนไชน่าทาวน์กับแฟนสาวเป็นบางครั้งบางคราวและเคยเข้าร้านนี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกว่าการกินแค่หนังเป็ดจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่แต่อย่างใด
ก็อย่างที่เคยนั่นแหละ เสี่ยวซิ่งจะเติมหอมและซอสใส่หนังเยอะเป็นพิเศษก่อนที่จะพับขึ้นแล้วยัดเข้าปาก
“ฟู่ มันแผล็บเลย” เสี่ยวซิ่งขมวดคิ้วทันทีที่เริ่มเคี้ยว
เขาเพิ่งจะทานอาหารของหยวนโจวมาเมื่อตอนเที่ยงแล้วตอนนี้ เขายังต้องมาทานอะไรแบบนี้อีก นับว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณมากจริงๆ
ถึงแม้ข้าวเหนียวมะม่วงเมื่อก่อนหน้านี้จะไม่น่ากลัวเท่านี้ แต่ถึงอย่างไรข้าวเหนียวมะม่วงก็เป็นแค่ของว่างเท่านั้น ในขณะที่หนังเป็ดจานนี้กลับเป็นอาหารมื้อค่ำของพวกเขาเสียได้
ไม่สำคัญหรอกว่าของว่างจะรสชาติเฝื่อนฝาดหรือไม่ แต่ทำไมเป็ดย่างที่เคยรสชาติอร่อยล้ำเสียขนาดนั้นกลับรสชาติแย่ลงได้ขนาดนี้กันเล่า?
“คุณคิดว่ายังไงครับ?” หยวนโจวถามพลางขมวดคิ้ว
ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เกรงว่าตัวเองจะรู้สึกไปเพียงคนเดียวว่าเป็ดไม่อร่อยเพราะไม่ถูกปากเขาเลย แล้วถ้าเป็นคนท้องถิ่นล่ะจะชอบรสชาติแบบนี้หรือเปล่า?
“รสชาติแย่มากเลย อาหารของคุณยังดีกว่าเสียอีกนะครับ เถ้าแก่หยวน” เสี่ยวซิ่งกล่าวโดยไม่ลังเล
“โอเคครับ” หยวนโจวพยักหน้าพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทั้งสองคนเริ่มกินและอาหารที่พวกเขาสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟทีละจาน หยวนโจวฟาดอาหารพวกทั้งหมดจนเรียบเพื่อใช้เงินทุนสำหรับอาหารที่เจ้าระบบจัดหามาให้หมด
เสี่ยวซิ่งที่อยู่ข้างๆมีสีหน้าทุกข์ระทมขมขื่นราวกับเขากำลังได้รับความทรมานบางอย่าง
อาหารที่นี่รสชาติเฝื่อนฝาดมากทีเดียว ดูเหมือนอาหารกลางวันของเขายังรสชาติอร่อยกว่าเสียอีก
เสี่ยวซิ่งบ่นไปพลางกินไปพลาง แต่เมื่อเขาเห็นว่าหยวนโจวกำลังกินอย่างคร่ำเคร่ง เขาก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวเข้าอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เป็นถึงคนที่สามารถทำอาหารได้อร่อยทว่ากลับเต็มใจที่จะทานอาหารรสชาติแย่ๆแบบนี้
“เมื่อก่อนนี้ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยนะว่าเป็ดปักกิ่งจะรสชาติแย่ได้มากขนาดนี้?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกกังขา
อาหารค่ำมื้อนี้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้หยวนโจวและสอนให้เสี่ยวซิ่งรู้ว่าเป็ดปักกิ่งของที่นี่รสชาติสุดจะบรรยายเพียงใด
“บางทีเมื่อก่อนต่อมรับรสของผมอาจจะเพี้ยนก็ได้ครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว
“ผิดแล้วล่ะครับ คุณไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเพราะตอนนั้นคุณยังไม่รู้จักผมไงล่ะ” หยวนโจวกล่าวด้วยความสงบนิ่ง “ถ้าคุณเจอผมก่อน ต่อมรับรสของคุณก็คงจะเพี้ยนไปนานแล้วล่ะครับ”