อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 784 ข้ามกำแพง
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 784 ข้ามกำแพง
“โอ้…” เสี่ยวซิ่งถึงกับพูดไม่ออกไปแล้ว สิ่งที่หยวนโจวกล่าวออกมาฟังดูมีเหตุผลมากเสียจนเขาก็ไม่มีทางต่อว่าได้เลย
“ไปกันเถอะครับ” หยวนโจวตะโกนเรียกเมื่อเห็นว่าเสี่ยวซิ่งยังงงงันอยู่
“ได้ครับ” เสี่ยวซิ่งเดินไปหาหยวนโจว
“แต่ยอดเชฟหยวนครับ ทำไมคุณถึงทานจนเกลี้ยงทั้งๆที่รสชาติออกจะแย่เสียขนาดนั้นได้ล่ะ?” เสี่ยวซิ่งถามด้วยความอยากรู้
เป็ดมันเกินไปแถมไม่ได้ดูน่าทานอย่างอาหารของหยวนโจวเลย
เสี่ยวซิ่งนึกคำที่ดีไปกว่า “น่าทาน” เพื่ออธิบายความรู้สึกยามที่เขากำลังทานอาหารของหยวนโจวไม่ออกเลย
หลังจากทานอาหารของหยวนโจว สำหรับเสี่ยวซิ่งแล้วเป็ดย่างมื้อนี้ก็มีรสชาติไม่ต่างอะไรกับขี้ผึ้งเลย เขาแค่ทานข้าวขาวธรรมดากับอาหารไม่กี่อย่างแถมยังไม่อิ่มเลยด้วย
อาหารมื้อค่ำส่วนใหญ่ถูกหยวนโจวฟาดจนเรียบเพียงคนเดียว เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่หยวนโจวทานอาหารรสชาติแย่เป็นจำนวนมากเมื่อสองสามวันก่อน เสี่ยวซิ่งก็ต้องตกตะลึงกับต่อมรับรสของหยวนโจว
“คงไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้รสหรอกใช่ไหมครับ?” เสี่ยวซิ่งมองหยวนโจวด้วยความประหลาดใจ
“ต่อมรับรสของผมยังเฉียบคมอยู่ครับ” หยวนโจวล่วงรู้ถึงสิ่งที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะคิดและกำลังจะกล่าวออกมา
“งั้น…” เสี่ยวซิ่งหยั่งเชิง
“ผมก็แค่ใช้จุดแข็งของคนอื่นมาชดเชยจุดอ่อนของตัวเองก็เท่านั้นเอง” หยวนโจวให้คำอธิบายสั้นๆ
“แต่จะมีจุดแข็งได้ยังไงกันในเมื่อรสชาติออกจะแย่เสียขนาดนี้?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกสับสน
“ไปกันเถอะครับ” หยวนโจวเดินออกมาแล้วไม่ตอบคำถามของเสี่ยวซิ่ง
เท่าที่หยวนโจวเข้าใจ ถึงแม้ว่าอาหารจะรสชาติแย่ขนาดไหน แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เรียนรู้จากมันได้
“คุณจะให้ผมพากลับเลยหรือว่าคุณอยากจะไปที่อื่นต่อครับ?” เสี่ยวซิ่งถาม
“ไปเดินเล่นแถวนั้นกันเถอะครับ” หยวนโจวชี้ไปยังตรอกซอกซอยไกลลับตาอันแสนพลุกพล่าน
“โอเคครับ แต่ของส่วนใหญ่ที่ขายแถวนั้นจะเป็นสินค้าขายส่งและผลไม้บางอย่างนะครับ” เสี่ยวซิ่งกลาสว
“ขายส่งวัตถุดิบในการทำอาหารงั้นเหรอครับ?” หยวนโจวถามขึ้น
“ครับ” เสี่ยวซิ่งพยักหน้ารัวๆ
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวซิ่งมีความหวังว่าหยวนโจวจะซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารและทำอาหารบางอย่างด้วย แบบนั้นเขาก็จะมีข้ออ้างที่จะได้ทานอาหารของหยวนโจวอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นหยวนโจวก็เข้าใจเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วกล่าวว่า “ผมแค่มาเดินดูเฉยๆเอง ไม่ได้ซื้ออะไรหรอกครับ”
“โอ้” เสี่ยวซิ่งรู้สึกท้อใจ แต่เขาก็ยังนำทางไปที่นั่นอย่างเอาจริงเอาจัง
ตรอกแห่งนั้นอยู่ทางขวาตรงกลางไชน่าทาวน์ เนื่องจากมีผู้คนพลุกพล่าน กว่าพวกเขาจะสามารถเข้าตรอกนั้นไปได้ก็ต้องใช้เวลาเดินถึง 10 นาที
เมื่อพวกเขามาถึง เสียงของผู้คนที่กำลังเร่ขายของดังระเบ็งเซ็งแซ่ บางครั้งก็จะได้ยินเสียงพูดภาษาจีน ส่วนใหญ่พวกเขาจะตะโกนราคาหรือสินค้าที่จำหน่ายออกมา
ตรงทางเข้าตรอกมีผลไม้วางจำหน่ายอยู่ หยวนโจวย่อมไม่เสียเวลาไปกับผลไม้เพราะเมื่อสองสามวันก่อนเขาทานผลไม้มาเยอะแล้ว เขาจึงรีบมุ่งไปยังแผนกขายส่งทันที
แผงขายส่งแห่งแรกจำหน่ายของแห้งพร้อมกุ้งแห้งหลายกองและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลอื่นที่จัดเรียงเอาไว้ตรงนั้น จู่ๆหยวนโจวก็พูดขึ้นมา
“กุ้งแห้งพวกนี้พอนำไปผัดกับใบกุยช่ายกับพริกจะให้รสชาติดีมากเชียวล่ะครับ” หยวนโจวอธิบายอย่างจริงจังด้วยการพูดเสียงดังพอที่จะให้เสี่ยวซิ่งได้ยิน
“เมื่อทานเข้าไปแล้ว คุณก็จะสามารถลิ้มรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารทะเลได้ นี่คือรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นผ่านการผสมผสานของกระเทียมและกุ้งแห้ง ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเจ้าพวกนี้เป็นกุ้งแห้งก็ย่อมเคี้ยวหนึบมากเช่นกันครับ” หยวนโจวพูดต่อ
“คุณมาบอกเรื่องนี้กับผมทำไมล่ะครับ ยอดเชฟหยวน?” เสี่ยวซิ่งถามขึ้นหลังจากกลืนน้ำลายลงไปแล้ว
“ผมแค่กำลังจะบอกวิธีการที่ผมใช้ปรุงวัตถุดิบพวกนี้ให้คุณได้รู้ก็เท่านั้นเองครับ” หยวนโจวกล่าว
“โอ้” เสี่ยวซิ่งลูบท้องที่กำลังร้องแล้วพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ก่อนที่จะเงียบไป
ต่อมาหยวนโจวก็ยังคงอธิบายวิธีการทำอาหารอีกสามจานต่อไป เสี่ยวซิ่งน้ำลายไหลไม่หยุดเมื่อฟังหยวนโจวอธิบายพลางลอบสงสัยว่าเขาควรจะเลิกติดต่อกับหยวนโจวไปเลยดีหรือไม่
“เถ้าแก่หยวนครับ ผมคิดว่าผมน่าจะพาคุณกลับไปส่งที่โรงแรม ที่จริงแล้วยามค่ำคืนในกรุงเทพไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่นักหรอก แถมคุณยังไม่ใช่คนท้องถิ่นอีกต่างหาก” เสี่ยวซิ่งกล่าวอย่างจริงจัง
“ได้ครับ” หยวนโจวพยักหน้าหลังจากมองท้องฟ้าและเวลาดูแล้ว
“โอเคครับ งั้นก็กลับกันเถอะครับ นี่เป็นทางลัด” เสี่ยวซิ่งกล่าวพลางชี้ไปที่ถนน
เสี่ยวซิ่งไม่เต็มใจที่จะเดินกลับไปทางเดิมนัก ถึงอย่างไรหากหยวนโจวเริ่มอธิบายวิธีการทำอาหารอีกครั้ง เสี่ยวซิ่งก็อาจจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเริ่มเคี้ยววัตถุดิบเข้าไปเลยก็ได้
“ได้เลยครับ” หยวนโจวพยักหน้า
พวกเขาเดินกันอย่างเงียบเชียบอยู่แบบนั้น จู่ๆเสี่ยวซิ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ผมไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะพูดเก่งขนาดนี้เลย หยวนน้อย”
เสี่ยวซิ่งพูดไปพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปพลาง มาบอกเขาจะมีประโยชน์อะไรกันเล่าหากหยวนโจวไม่ไปทำอาหาร?
“ผมก็คิดว่าไม่แย่เท่าไหร่นักหรอกครับ” หยวนโจวตอบ
หยวนโจวสาบานได้เลยว่าเขาไม่มีนัยซ่อนเร้นกับสิ่งที่เพิ่งจะทำลงไปแต่อย่างใดเลย เขาเพียงแค่กำลังพยายามทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุดิบในการทำอาหารของตัวเองเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พยายามที่จะไปกระตุ้นความอยากอาหารของเสี่ยวซิ่งเป็นแน่
ขากลับค่อนข้างราบรื่นทีเดียวเนื่องจากการจราจรไม่ติดขัด หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโรงแรมของหยวนโจว
“ลาก่อนนะครับ” หยวนโจวกล่าว
“คุณจะไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยเหรอครับ? ยังมีอีกตั้งหลายที่ที่คุณสามารถไปเยือนได้” เสี่ยวซิ่งกล่าว
“ไม่ล่ะครับ พอแล้ว” หยวนโจวส่ายหน้า
“รีบกลับเถอะครับ อยู่ข้างนอกดึกๆดื่นๆมันไม่ปลอดภัยเลยนะครับ” หยวนโจวกล่าวขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เสี่ยวซิ่งบอกเขาเมื่อก่อนหน้านี้ได้
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่สนามบินนะครับ” เสี่ยวซิ่งกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเราเลย ลาก่อนนะครับ” หยวนโจวส่วยหน้าแล้วโบกมือให้ก่อนจะหันหลังเดินเข้าโรงแรมไป
“ลาก่อนครับ” เสี่ยวซิ่งโบกมือให้เมื่อเห็นว่าหยวนโจวไม่พูดอะไรออกมาอีก
หลังจากกลับบ้านไปแล้ว เสี่ยวซิ่งก็ทำโจ๊กให้ตัวเอง แต่สิ่งที่เขาทำสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า “อาหารสองที่” เพียงเท่านั้น
พูดง่ายๆก็คือสิ่งที่เขาทำไร้รสชาติเกินไปแถมน้ำยังใสเกินไปอีกต่างหาก เห็นได้ชัดเลยว่าเขาสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองบนถ้วยระหว่างที่กินได้เลยจึงทำให้เกิดคำอธิบายว่า “อาหารสองที่” สำหรับโจ๊กที่เขาทำชามนี้นั่นเอง เขาส่ายหน้าเนื่องจากโจ๊กช่างไร้รสชาติโดยสิ้นเชิงและกลิ่นหอมของเมล็ดข้าวหายไปไหนก็สุดที่จะรู้ได้
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง อาหารของหยวนน้อยอร่อยมากย่อมเป็นเพราะเขาเป็นเชฟชื่อดังไงล่ะ” จู่ๆเสี่ยวซิ่งก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ถึงอย่างไรอาหารของหยวนโจวก็ดีกว่าร้านที่ได้คะแนนจากมิชลินที่เขาเคยลองชิมมาแหละนะ
ดังนั้นเสี่ยวซิ่งจึงเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหยวนโจวด้วยเว็บที่ช่วยในการค้นหาของประเทศไทย เมื่อไม่พบสิ่งใดเลย เขาก็ถึงกับตะลึงงัน
“ฉันไม่เจออะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย? เขาเป็นเชฟจริงๆหรือเปล่า? พวกเชฟชาวจีนนี่มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลยงั้นเหรอ?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาดูเหมือนจะกลับหัวกลับทางเข้าเสียแล้ว เขายังคงรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่นานก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าในเมื่อหยวนโจวมาจากประเทศจีน เขาก็น่าจะมีชื่อเสียงในประเทศจีน
ดังนั้นเสี่ยวซิ่งจึงใช้เวลาอยู่นานในการสอบถามจากเพื่อนร่วมงานและเพื่อนฝูงของเขาก่อนที่จะเลือกใช้เว็บที่ช่วยในการค้นหาของจีน จากนั้นเขาก็เริ่มทำการค้นหาเรื่องของหยวนโจว และผลลัพธ์ของการค้นหาของเขาก็คือ …
“การไล่ตามหยวนโจวเชฟยอดอัจฉริยะของประเทศจีนสู่คุณภาพของวัตถุดิบทั้งหลาย”
“การดำรงอยู่อันเป็นเอกลักษณ์ของวงการอาหาร ใครว่าร้านของเชฟชื่อดังต้องหรูหราและใหญ่โตกันเล่า? วันนี้เราจะเข้าไปในร้านเล็กๆของเชฟชื่อดังอันเป็นโลกอีกใบของหยวนโจวกัน”
“น่าตกใจมากเลย! นี่คือเหตุผลที่ทำให้หยวนโจวเชฟยอดอัจฉริยะไม่อนุญาตให้มีการนำอาหารออกจากร้านของเขาล่ะ!”
“หยวนโจว: ทำไมผมถึงมาเป็นเชฟงั้นเหรอครับ? ทีแรกก็เพราะเหตุผลธรรมดาๆแหละครับ ผมทำเพื่อดำรงชีพ ผมเริ่มรู้สึกว่านี่เป็นอาชีพที่น่าสนใจมากทีเดียวและตกหลุมรักมันทีละนิดๆ ที่สุดแล้วผมก็ไม่อาจสะกดความเร่าร้อนไว้ได้อีกต่อไปจึงขอสาบานว่าจะต้องประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ผมเลือกด้วยตัวเองสายนี้ให้จงได้เลยล่ะครับ”
เสี่ยวซิ่งเจอบทความเกี่ยวกับหยวนโจวอีกมากมาย จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านอย่างละเอียด