อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 785 ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 785 ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า
อินเตอร์เน็ตเต็มไปด้วยข้อมูลของหยวนโจว แต่เสี่ยวซิ่งกลับอ่านข้อมูลได้ช้ามากเนื่องจากเขาไม่ค่อยถนัดภาษาจีน
มีข่าวซุบซิบ วิดีโอสัมภาษณ์ บทความที่กล่าวเกินจริงจนน่าเหลือเชื่อและอื่นๆบนอินเตอร์เน็ต คล้ายกับว่าหยวนโจวเป็นคนดังแทนที่จะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงอย่างที่เสี่ยวซิ่งคาดเอาไว้
“นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนดังจริงๆ” เสี่ยวซิ่งรำพึง
เสี่ยวซิ่งกำลังรำพึงรำพันเพราะเขารู้สึกได้ว่าหยวนโจวเป็นคนดีมากจริงๆและไม่ทะนงตนเลยแม้แต่น้อย ถึงภายนอกจะดูเย็นชาทว่าภายในกลับอุ่นอุ่น
เขาเลื่อนเมาส์ไปทั่วขณะที่ยังคงอ่านข้อมูลต่อไป ยิ่งเขาได้เห็นเขาก็ยิ่งตกตะลึง เมื่อเขาเห็นราคาอาหารที่ร้านหยวนโจว เขารู้สึกสะดุ้งตกใจเสียจนลูกตาแทบพลัดออกจากเบ้าอยู่แล้ว
“นั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจมากเลยทีเดียว หยวนน้อยช่างเป็นนักธุรกิจที่ไร้ศีลธรรมจริงๆ” เสี่ยวซิ่งทาบอกด้วยความตกใจ
เขารู้สึกตกใจเนื่องจากราคาอาหารในประเทศไทยโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20 บาทซึ่งหลังจากแปลงสกุลเงินแล้วได้ประมาณ 2 หรือ 3 หยวน ถึงแม้ว่าเสี่ยวซิ่งจะใช้ชีวิตสบายๆ แต่เขาก็ยังจ่ายเงินค่าอาหารมื้อละไม่เกิน 100 บาทอยู่ดี
เขาเองก็เคยทานข้าวผัดมาก่อนจึงนึกไม่ออกเลยว่าข้าวผัดที่มีราคาเกือบ 1,000 บาทจะมีรสชาติเป็นอย่างไร
จู่ๆเสี่ยวซิ่งก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ อันที่จริงแล้วอาหารกลางวันที่เขาทานถือว่าเป็นกำไรอันมหาศาลแก่ตัวเขาเองเชียวล่ะ
“โจ๊กสามถ้วย เนื้อหนึ่งจาน ผักหนึ่งจาน จากที่เห็นคงจะเป็นอาหารจานใหม่เพราะไม่พบอยู่ในเมนูของเขาเลย” เสี่ยวซิ่งเริ่มคำนวณในใจ
“เวรเอ้ย ฉันรู้สึกเหมือนกินเงินเดือนทั้งเดือนของตัวเองเข้าไปเลย” เสี่ยวซิ่งเริ่มปวดหัวจากการคำนวณเสียแล้ว เขากำลังดีใจที่หยวนโจวไม่ได้คิดค่าอาหารกับเขา มิฉะนั้น เขาจะทำงานไปเพื่ออะไรกันเล่า
“ฝีมือของหยวนโจวคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ไม่แปลกใจเลยที่กิจการของเขาถึงไปได้สวยขนาดนี้ ถ้าเพียงแค่ฉันสามารถเรียนรู้จากเขาได้ล่ะก็นะ” เสี่ยวซิ่งอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้นอันเผยให้เห็นสีหน้าท่าทางหลงใหลได้ปลื้ม
ทางที่ดีต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีแรกเสี่ยวซิ่งเจอแค่ข้อมูลของหยวนโจวเท่านั้น ต่อมาจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง เขาได้พบวิดีโอสตรีมของเมิ่งเมิ่งเข้า
เป็นที่กล่าวขวัญกันว่านับตั้งแต่เมิ่งเมิ่งเริ่มสตรีมร้านของหยวนโจว ความนิยมของเธอก็ดีขึ้นมากขณะที่อุปกรณ์ที่ใช้สตรีมของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยเพื่อเพิ่มคุณภาพสตรีมของเธอให้มากขึ้นนั่นเอง
ภาพชัดแจ๋วของอาหารอร่อยของหยวนโจวผ่านสตรีมคุณภาพสูง เมิ่งเมิ่งที่กำลังกินโดยไม่เกรงใจและหน้าตาของอาหารที่ยั่วน้ำลายกำลังกระตุ้นความอยากอาหารของเสี่ยวซิ่งเข้าอย่างจัง
ราวกับเสี่ยวซิ่งได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่จนทำให้เขาถึงกับลืมเวลาไปเลย
วันรุ่งขึ้น
เสี่ยวซิ่งมาถึงล็อบบี้ในโรงแรมด้วยขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า
หยวนโจวไม่ได้จองทริปไปสนามบินกับเขา ดังนั้นเสี่ยวซิ่งจึงต้องมาก่อนเพื่อมิให้คลาดกับหยวนโจว
หยวนโจวเก็บของเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อเขาได้รับสายของเสี่ยวซิ่ง เขาจึงไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ตอนที่ลากกระเป๋าออกมา เขาก็เห็นขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าของเสี่ยวซิ่งในทันทีที่ขึ้นรถ
“เมื่อคืนคุณไปทำ… อะไรมางั้นเหรอครับ?” หยวนโจวอยากจะบอกเสี่ยวซิ่งว่าเขาควรจะลดการเที่ยวกลางคืนในฐานชายหนุ่มลงเสียบ้าง แต่เขากลับสะกดกลั้นเอาไว้แล้วเปลี่ยนคำถามแทน
เสี่ยวซิ่งโบกมือดูเหมือนว่าจะไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา “เมื่อคืนผมดูวิดีโอเสียจนลืมเวลาน่ะสิ”
“คุณขยันจังเลยนะครับ” หยวนโจวตอบ
เสี่ยวซิ่งอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ลังเลเนื่องจากเขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนออกมา
“หยวนน้อย คุณต้องไม่รู้แหงๆเลยว่าห้องน้ำแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ปูชนียบุคคล” เสี่ยวซิ่งเริ่มคุยระหว่างขับรถ
เยี่ยมไปเลย สร้างห้องน้ำเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ปูชนียบุคคล หยวนโจวรู้สึกสับสนในบางเรื่อง เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าเมื่อตอนที่พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ก่อนเสด็จสวรรคตไปก็จะมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ติดอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ทำไมพวกเขาจึงทำเช่นเดียวกันกับพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ด้วยเล่า?
จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
รถบึ่งไปตามทางไปสนามบิน
ในกรุงเทพมหานครมีสนามบินอยู่สองแห่ง แห่งแรกเป็นสนามบินแห่งใหม่ส่วนอีกแห่งเป็นสนามบินแห่งเก่า เที่ยวบินระหว่างประเทศส่วนใหญ่จะถูกระบุเอาไว้ที่สนามบินแห่งใหม่ขณะที่สนามบินแห่งเก่าจะถูกนำมาใช้กับเที่ยวบินภายในประเทศ
เมื่อหยวนโจวมาถึงกรุงเทพมหานคร เขาก็ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิอันเป็นสนามบินแห่งใหม่ หยวนโจวไม่ทราบความหมายของคำว่าสุวรรณภูมิหรอก เขาทราบแต่ว่านี่คือสนามบินขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นสนามบินที่ใช้เวลานานที่สุดกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งยังเป็นสิ่งปลูกสร้างระหว่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานครอีกด้วย
มันมีขนาดใหญ่มากที่สุดและใช้เวลานานที่สุดกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของคนไทยเลยก็ว่าได้
หลังจากหยวนโจวได้ยินคำแนะนำแล้ว เขาก็พึมพำขึ้นมาว่า “มันก็สมกับความภาคภูมิของสนามบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจริงๆแหละนะ แต่ว่าเรื่องที่ใช้เวลานานที่สุดกว่าจะเสร็จสมบูรณ์นี่มันอะไรกัน? ทำไมเรื่องแบบนั้นถึงถึงได้น่าภาคภูมิใจได้เล่า? นั่นมิเท่ากับพิสูจน์ให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพของการก่อสร้างหรอกหรือไง?”
“คุณคิดว่าสุวรรณภูมิฟังกูแปลกๆไหมครับ? ในภาษาไทย…”
เสี่ยวซิ่งให้คำแนะนำรายละเอียดและคำอธิบายเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างขับรถ แม้คำอธิบายเกี่ยวกับสนามบินจะยาวและมีรายละเอียดมากเท่าใดก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้อธิบายจนจบก็ถูกหยวนโจวขัดขึ้นมา หลังจากเงินทุนสำหรับอาหารหมดลงแล้ว หยวนโจวก็ไม่สนใจอะไรในประเทศไทยอีกแล้ว เขาไม่ตั้งใจที่จะซื้อของฝากกลับไปด้วย
“คุณจะไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยเหรอครับ? ยังมีอีกตั้งหลายที่ที่คุณยังไม่ได้ไปเยือนเลย” เสี่ยวซิ่งกล่าวคำถามนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งแล้ว
หยวนโจวไม่สะทกสะท้าน กว่าเขาจะรอดพ้นจากการเดินทางในครั้งนี้มาได้ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นขนาดไหน เขาจะไปเต็มอกเต็มใจอยู่ต่อได้อย่างไรกันเล่า?
เมื่อเสี่ยวซิ่งเห็นท่าทีตอบสนองของหยวนโจวแล้ว เขาก็ถามด้วยความคาดหวังขึ้นมาว่า “เถ้าแก่หยวน เมื่อไหร่คุณจะมาเปิดสาขาในประเทศไทยบ้างล่ะครับ?”
“ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ” หยวนโจวตอบตามตรง
การเปิดสาขาหรือแฟรนไชส์เป็นเรื่องที่ร้านอาหารส่วนใหญ่เสาะแสวงหา แต่กลับไม่ใช่กับหยวนโจว ลูกค้าขาประจำของเขาอย่าง อู๋ไห่ เจียงฉางซี่ หลิงหง เว่ยเว่ยกับบิดา และคนอื่นๆมาเยือบร้านของเขาก็เพราะฝีมือการทำอาหารของเขา ถ้าหากเชฟเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าเขาจะสอยทุกอย่างให้เชฟแล้ว แต่ลูกค้าขาประจำก็อาจจะเลิกมาร้านของเขาก็ได้
“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ หยวนน้อย คุณสอนผมได้นะ ผมจะตีตลาดเมืองไทยด้วยอาหารจีนแทนคุณเอง” เสี่ยวซิ่งรู้สึกว่าเขาต้องรุกเสียบ้างแล้ว
“ผมไม่รับศิษย์หรอกครับ” หยวนโจวกล่าว
เขาไม่แม้แต่จะรับคุณเฉิงเป็นศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวซิ่งยังเป็นคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำอาหารอีกต่างหาก
เสี่ยวซิ่งมองกระเป๋าเดินทางของหยวนโจวแล้วกล่าวว่า “ไม่รับศิษย์งั้นเหรอ? เอางี้นะ คุณซ่อนผมเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางก็ได้ ยังไงก็ตามผมอยากไปประเทศจีนครับ”
หยวนโจวเหลือบมองเขา “คุณจะทิ้งแฟนงั้นเหรอครับ?”
“คุณสามารถพาทั้งผมกับแฟนไปด้วยได้นี่ครับ พวกเราจะไปช่วยงานในร้านของคุณเอง พวกเราไม่ต้องการเงินเดือนหรอกครับ คุณแค่จัดหาที่พักกับอาหารให้เราก็พอแล้วล่ะ” เสี่ยวซิ่งยื่นข้อเสนอ
“ว้าว คุณมีเงื่อนไขเยอะทีเดียวเลยนะครับ” หยวนโจวตอบ
“?” เสี่ยวซิ่งรู้สึกมึนงงด้วยความสับสน
ถ้าหากหยวนโจวจัดหาที่พักกับอาหารให้จริงๆ ลำพังแค่อาหารอย่างเดียวก็ปาเข้าไปมื้อละ 376 หยวนแล้วถึงแม้ว่าเขาจะจัดหาให้เพียงแค่ข้าวผัดไข่ก็เถอะนะ เงินเดือนพร้อมอาหารวันละสองมื้อของบริกรคนนี้ก็จะได้ถึงห้าหลักแล้ว
“งั้นแค่จัดหาอาหารอย่างเดียวไม่ต้องมีที่พักก็ได้เป็นยังไงครับ?” เสี่ยวซิ่งลดราคาลง
หยวนโจวส่ายหน้า “ตอนนี้ผมยังไม่อยากจ้างคนเพิ่มน่ะครับ”
“เอาล่ะ ผมต้องขึ้นเครื่องแล้วครับ” หยวนโจวโบกมือ
เสี่ยวซิ่งชำเลืองมองแผ่นหลังที่ห่างออกไปของหยวนโจว สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความถวิลหา เขาอยากจะทานอาหารของหยวนโจวอีกสักครั้ง
“ช้าก่อนนะ หยวนน้อย อยู่ตรงนั้นก่อน”
เสี่ยวซิ่งตะโกนขณะที่ไล่ตามหยวนโจวมา หยวนโจวจึงหยุดเดินแล้วหันไปมองเขา เขาพยายามที่จะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย?
“หยวนน้อย ร้านของคุณอยู่ที่ไหน? คุณส่งพิกัดมาให้ผมทางวีแชทได้ไหมครับ? จู่ๆผมก็นึกขึ้นได้ว่าเดือนหน้าผมจะไปทำงานที่ประเทศจีน” เสี่ยวซิ่งกล่าว
หยวนโจวส่งที่อยู่ให้เขาแล้วคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่จะจากไป
ในที่สุดทุกอย่างเรียบร้อยเสียที ยังไงเขาก็ไม่อยากพานักชิมกลับประเทศจีนไปกับเขาด้วยหรอกนะ