อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 787 ภารกิจระดับประเทศ
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 787 ภารกิจระดับประเทศ
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ หยวนโจวก็มุ่งความสนใจไปที่รางวัลรวมอีกครั้งหนึ่ง
“โอเค งั้นมาเริ่มสุ่มกันเลยเถอะ” หยวนโจวพูดด้วยท่าทีไม่แยแสอย่างเห็นได้ชัด เขาคร้านจะหันหน้าไปเพื่อเริ่มการสุ่มเสียด้วยซ้ำ
ด้วยการหมุนเร็วจี๋และทันใดนั้นเองก็เกิดภาพเบลอ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่หยวนโจวจะเดาออกว่าลูกศรจะไปหยุดอยู่ตรงไหน เขาจึงสุ่มเรียกให้หยุดแล้วการหมุนก็เริ่มช้าลง
หลังจากนั้นไม่นานลูกศรก็หยุดอยู่ตรงเป็ดปักกิ่งอย่างที่หยวนโจวกล่าวเอาไว้เลย ภาพของเป็ดปักกิ่งที่เสิร์ฟแค่หนังปรากฏขึ้นในหัวของเขา
เยี่ยมไปเลย นี่จะต้องเป็นอะไรสักอย่างที่เจ้าระบบทำขึ้นมาแน่ๆเลย
“โอเค ก็ยังดีกว่าไม่อะไรเลยแหละนะ” หยวนโจวกล่าวขึ้นหลังจากชำเลืองมองรางวัลเพียงแวบเดียวเท่านั้น
หลังจากหยวนโจวรับรางวัลไปแล้ว เจ้าระบบก็พูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ขอแสดงความยินดีที่ได้รับอาหารไทยด้วยนะ เจ้านาย”
หยวนโจวไม่ตอบ เจ้าระบบจึงพูดต่อไป
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เนื่องจากเจ้านายเกิดความเข้าใจในอาหารจีน ฝรั่งเศส เดนมาร์ก สวีเดนและไทยแล้ว ด้วยเหตุนี้ภารกิจระดับประเทศจึงถูกปลดล็อคแล้ว”
“อะไรนะ? ภารกิจระดับประเทศงั้นเหรอ? อะไรกันล่ะนั่น?” หยวนโจวถามด้วยความประหลาดใจ
เจ้าระบบอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า “เจ้านายจะได้รู้เองหลังจากภารกิจประกาศออกมาแล้ว”
“งั้นฉันจะต้องไปเยือนประเทศพวกนี้สำหรับภารกิจในอนาคตด้วยงั้นเหรอ?” หยวนโจวคาดเดา
แต่เจ้าระบบกลับเอาแต่เงียบและปฏิเสธที่จะเปิดเผยความลับใดๆไม่ว่าหยวนโจวจะขอร้องสักขนาดไหนก็ตาม
ขณะที่หยวนโจวพรั่งพรูคำถามมากมายใส่เจ้าระบบอยู่นั้น เครื่องบินก็มาถึงจุดต่อเครื่อง หยวนโจวผ่านจุดตรวจแล้วขึ้นเครื่องไปเฉิงตูได้อย่างง่ายดาย
ใช่แล้วล่ะ เพื่อให้ได้ขึ้นเครื่องของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ระหว่างเที่ยวบินขากลับ หยวนโจวจึงเต็มใจที่จะต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ก่อนที่จะกลับเฉิงตู
การเดินทางขากลับเป็นไปด้วยความราบรื่น เมื่อเขามาถึงเฉิงตู ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย หยวนโจวจึงเรียกรถที่จองไว้ล่วงหน้า
“ฉันกลับมาแล้ว!” หยวนโจวตะโกนพลางสูดลมหนาวของเฉิงตู
ในขณะที่เขากำลังตะโกนอยู่นั้น คนขับก็โทรหาเขา
หยวนโจวรับสายหลังจากประสานงานกันเรียบร้อยแล้ว หยวนโจวก็เจอคนขับ เขาวางกระเป๋าเดินทางเอาไว้ในกระโปรงหลังรถก่อนที่จะขึ้นรถไป จากนั้นคนขับก็เหยียบคันเร่งแล้วรถก็พุ่งทะยานออกไป
มีคำกล่าวเอาไว้ว่า “แค่มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง ฉันก็จะปรากฏตัวบนเวทีภายใต้สายตาของผู้คนอย่างเจิดจรัส”
แต่สำหรับหยวนโจวนั้นกลับกลายเป็น “ถึงแม้จะไม่มีเสียงปรบมือดังกึกก้องและไม่ได้อยู่ภายใต้สายตาของผู้คน แต่เขาก็ยังคงปรากฏตัวอยู่บนเวทีอยู่ดี”
เมื่อเขามาถึงถนนเถ่าซือก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว ในขณะที่ร้านหยวนโจวปิดร้านอยู่นั้น ยามค่ำคืนของถนนเถ่าซือกลับเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง ปกติแล้วตอนนี้น่าจะเป็นเวลาที่ผับของเขาจะเปิดอยู่ นอกจากนี้ยังมีแผงขายเนื้อย่างบาร์บีคิวตามท้องถนนด้วย
ผู้คนมากมายยังคงเดินเอ้อระเหยกินบาร์บีคิวและดื่มเบียร์เพราะพวกเขาต่างได้กลิ่นของเหล้าอยู่ในอากาศแม้ว่าจะไม่ได้เอามาด้วยก็ตามที
หยวนโจวคิดจะขยับตัวให้เงียบและเบา แน่นอนว่าหาใช่เพราะเขากลัวว่าจะถูกพบเข้าแล้วโดนทำร้านหรอก ที่สำคัญเขาเกรงว่าจะทำให้เกิดเสียงดังมากเกินไปจนรบกวนการนอนหลับของคนอื่นๆได้ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไปแล้วเพราะถนนสายนี้ช่างร้างไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง
“ฉันแค่ใช้ทางลัดแล้วเข้าทางประตูหน้า ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ที่นี่กันเลยเล่า?” หยวนโจวบ่นพึมพำ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะโคมไฟที่แขวนอยู่หน้าร้านทั้งหลาย หยวนโจวก็คงคิดว่าตัวเองมาผิดที่เสียแล้วล่ะ
“จะเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาหญิงสาวที่ต้องเดินทางผ่านถนนสายนี้กันเล่า?” จู่ๆหยวนโจวก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ในเมื่อถนนเงียบเชียบออกขนาดนี้ บรรดาหญิงสาวจะไม่กลัวแย่เลยเหรอเมื่อพวกพวกเธอต้องผ่านมาทางนี้คนเดียว?
นอกเหนือไปจากกระดาษ A4 ที่เขาแปะเอาไว้แล้วก็ยังมีกระดาษ A4 และสติกเกอร์อีกหลายแผ่นแปะเอาไว้บนประตู
“หา?”
อะไรกันล่ะนี่? มันมืดเกินไปจนเขามองไม่ชัดเอาเสียเลย เขาจึงต้องดึงพวกมันออกจากประตูก่อนที่จะเข้าไปแล้วปิดประตู
“บ้านแสนสุข” หยวนโจวยืดเส้นยืดสายพลางวิเคราะห์ร้านไปด้วยว่าต้องขอบคุณเจ้าระบบที่คอยทำความสะอาดให้จนเอี่ยมอ่องขนาดนี้
หยวนโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและตัดสินใจว่าจะทำความสะอาดพรุ่งนี้เช้าก่อนที่จะขึ้นห้องไป
เขาไม่อยู่แค่อาทิตย์เดียวแต่รู้สึกราวกับผ่านไปเป็นปีๆ ดังนั้นระหว่างเสื้อผ้า อาหาร ที่พักและเครื่องบินโดยสาร อาหารย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เสื้อผ้าหลายๆชุดของเขาเอาจากประเทศจีนไปประเทศไทยส่วนที่พักและเครื่องบินโดยสารล้วนมีคุณภาพชั้นยอดเนื่องถูกเจ้าระบบหลอกเอามา
ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายเนื่องจากอาหารอยู่ดี จากสิ่งนี้ก็จะเห็นได้ว่าอาหารมีความสำคัญขนาดไหน จู่ๆหยวนโจวก็รู้สึกราวกับว่าเขามีความสำคัญมากในฐานเชฟ เพื่อผู้คนในแผ่นดินเกิดแล้ว เขาตัดสินใจที่จะไม่พักผ่อนและเปิดร้านมันวันพรุ่งนี้เสียเลย
หลังจากมาถึงห้องตัวเองแล้ว เขาก็หยิบกระดาษที่ดึงออกมาก่อนหน้านี้แล้วเริ่มอ่าน
[เถ้าแก่หยวน จิตสำนึกของคุณอยู่ที่ไหนกัน? ทำไมถึงได้ออกไปพักร้อนยาวขนาดนั้นเล่า?]
[เถ้าแก่หยวนหายตัวไปงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกแปลกๆหลังจากไม่ได้ทานอาหารของเถ้าแก่หยวนมาหลายวัน]
[นายลาหยุดไปแค่เจ็ดวันเองนะ เจ้าเข็มทิศ นายคงไม่กล้าพักนานเกินไปหรอกนะ ไม่งั้นถ้าฉันไม่ตีนายให้ตายก็นับว่าโชคดีแล้ว]
หยวนโจวตัวสั่นเทาด้วยความกลัวแล้วโยนกระดาษลงถังขยะ พวกมันน่ากลัวเกินไปแล้ว
[กรุณาเปิดร้านด้วย เถ้าแก่หยวน ถ้าคุณเปิดร้านอีกครั้ง ฉันจะยอมเป็นแฟนคุณก็ได้เลยเอ้า ฉันมีหน้าอกใหญ่และขาเรียวยาวด้วยนะ ได้โปรดเถอะ!]
นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง! หยวนโจวตบโต๊ะดังปัง ใครสักคนแปะสิ่งชี้นำพวกนี้ลงบนประตูได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าใครก็คงไม่ลืมหรอกว่าหยวนโจวเป็นคนที่สุภาพ ขยันขันแข็งและสัตย์ซื่อที่รักแผ่นดินเกิดเป็นอย่างยิ่ง!
คนพวกนี้พยายามที่จะทำให้เขาลังเลใจด้วยสิ่งนี้งั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หยวนโจวรู้สึกรำคาญมากขึ้นไปอีกก็คือไม่มีเบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลติดต่อทางวีแชททิ้งไว้บนกระดาษเลย หยวนโจววิเคราะห์กระดาษอย่างละเอียดถี่ถ้วนและบ่นไม่รู้จักหยุดจักหย่อน คนพวกนี้จะไม่ทิ้งวิธีติดต่อเอาไว้บนกระดาษกันเสียหน่อยหรือไง? หยวนโจววิเคราะห์กระดาษอย่างเอาเป็นเอาตายจนเขาแทบจะแทงทะลุกระดาษด้วยสายตาเพียงอย่างเดียวก่อนที่จะยอมแพ้อย่างหมดปัญญาในที่สุด จากนั้นเขาก็วางกระดาษลงบนโต๊ะ
ส่วนกระดาษแผ่นอื่นๆที่ต่อว่าต่อขานเขายกใหญ่ ของพวกนี้หาใช่สิ่งสลักสำคัญอะไร หยวนโจวจึงโยนพวกมันลงถังขยะไปจนหมด
ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะไม่ใช่คนที่สามารถหลับได้เฉพาะบนเตียงของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจดีขึ้นมากเมื่อกลับเข้าห้องไปแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงบนเตียงแล้วหลับไปไม่นานหลังจากนั้น
หยวนโจวไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเพราะเขามีนาฬิกาชีวภาพที่แม่นยำมากอยู่แล้ว พอถึงเวลาตีห้าครึ่งเป๊ะ เขาก็ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว เขาไม่ได้ออกไปวิ่งจ็อกกิ้งตามปกติ แต่เขากลับใช้เวลาไปกับการทำความสะอาดครัว ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเจ้าระบบได้จัดการทำความสะอาดทุกอย่างไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอย่างไรก็ต้องทำความสะอาดครัวด้วยตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ
ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้เขาไปทำอยู่ หลังจากทำความสะอาดครัวแล้ว เขาก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารมื้อเช้า
ร้านเปิดในที่สุด
วันนี้เมนูอาหารมื้อเช้าคือก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ทันทีที่เขาเปิดประตูหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูอยู่นั้นก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นนอกร้าน
“เถ้าแก่หยวนเปิดร้าน! ร้านเปิดจริงๆด้วย!”
“หลีกหน่อย! ฉันต้องได้ทานอาหารมื้อเช้าเป็นคนแรกหลังจากเถ้าแก่หยวนกลับมา!”
“ไสหัวไปเลยนะ! ทำไมนายต้องเป็นคนแรกด้วยเล่า?”
“เร็วเข้า ถ่ายรูปแล้วแชร์เลย นี่เป็นเรื่องใหญ่เชียวนะ!”
“ฉันกำลังวางแผนที่จะประหยัดเงินเอาไว้ไปซื้อเครื่องสำอางแต่ตอนนี้เถ้าแก่หยวนกลับมาแล้ว งั้นเรื่องนั้นพักไว้ก่อนแล้วกัน เรื่องกินสำคัญกว่า”
“ซาลาเปา วันนี้ขอให้เป็นซาลาเปาเถอะนะ ถ้าเป็นซาลาเปาจริงล่ะก็ฉันจะรวบรวมความกล้าไปสารภาพรักกับแม่เทพธิดาของฉันเลยล่ะ!”
วันนี้เป็นวันที่แปดนับตั้งแต่หยวนโจวลาหยุดไป ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าร้านน่าจะเปิดวันนี้ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดีเมื่อได้เห็นร้านกำลังเปิด
และทันใดนั้นเองก็มีแถวยาวเหยียดตั้งอยู่หน้าร้าน แถวตั้งได้เร็วมากเสียจนหยวนโจวยังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองอะไรเลย
มีคนจะมาสารภาพรักหากวันนี้เสิร์ฟซาลาเปางั้นเหรอ? รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของหยวนโจวขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า “อาหารมื้อเช้าวันนี้คือก๋วยเตี๋ยวน้ำใสและเซ็ตก๋วยเตี๋ยวน้ำใส”
สารภาพงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะน่า!