อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 788 ลูกศิษย์แต่เพียงในนาม
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 788 ลูกศิษย์แต่เพียงในนาม
ทันทีที่หยวนโจวกลับมา บรรดาลูกค้าที่เข้าแถวต่างก็ตอบสนองเขาอย่างกระวีกระวาดและกระตือรือร้น
“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่หยวน ฉันคิดถึงคุณแทบตายแน่ะ”
“ไปเที่ยวประเทศไทยสนุกไหม? การเดินทางไปที่นั่นของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ เถ้าแก่หยวน?”
“มองทางนี้หน่อยสิ เถ้าแก่หยวน ฉันจะถ่ายรูปของคุณแล้วโพสต์ลงในโมเมนต์นะ อย่าเพิ่งไปไหนอีกเสียล่ะ คุณต้องเปิดร้านแล้วก็หาเงินนะ”
เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังจะถ่ายรูปเขา หยวนโจวจึงยืดหลังตรงตามความเคยชินด้วยสีหน้าที่ยังคงเคร่งขรึมตามเคย นั่นก็คือสไตล์ของเขา
“เถ้าแก่หยวน เถ้าแก่หยวน ไม่คิดว่าผิวคุณไหม้แดดไปหน่อยเหรอ?”
“แต่เขาเป็นแบบนี้ก็หล่อมากเหมือนกันนะ”
“ใช่แล้วล่ะ เถ้าแก่หยวนเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดคนหนึ่งเชียวล่ะ”
เนื่องจากพวกเขาไม่เจอหยวนโจวมาทั้งอาทิตย์แล้ว ลูกค้าหญิงใจกล้าบางคนจึงเริ่มล้อเขาเล่น
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มีกำลังรบมากเท่ากับเจียงฉางซี่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ หยวนโจวเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าและยอมรับคำชมด้วยความเต็มอกเต็มใจ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเข้าร้าน
ในตอนนั้นเอง โจวเจียก็เดินมาหาพวกเขาได้เวลาพอดีแล้วกล่าวว่า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน เวลาอาหารมื้อเช้าเริ่มขึ้นแล้วนะคะ โปรดเข้าร้านและทานให้อร่อยนะคะ” โจวเจียกล่าว
เมื่อเธอกล่าวเช่นนั้นออกมา จู่ๆลูกค้าสองสามคนแรกก็รีบพุ่งตัวเข้าร้านไปในทันที
คนๆนั้นก็คือหม่าจื้อต๋าที่ยืนอยู่หัวแถวในวันนี้ ทันทีที่เขาได้ที่นั่ง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ว้าว แปลกจังวันนี้ฉันมาเป็นแรกเลย ไม่ใช่เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันก็ไม่คาดคิดเลยว่าจนป่านนี้เจ้าคนหน้าไม่อายอู๋ก็ยังไม่กลับมาเลย” ม่านม่านเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ฉันหิวแทบตายแล้ว เจียเจีย ขอก๋วยเตี๋ยวน้ำใสมาให้ฉันสักที่สิ” ลูกค้าที่อยู่ข้างๆกล่าวกับโจวเจีย
“ใช่ ใช่ มาทานกันก่อนเถอะ ขอก๋วยเตี๋ยวน้ำใสให้ฉันที่นึงนะ” ลูกค้าอีกคนก็เริ่มสั่งอาหารของเขาเช่นกัน
“วันนี้ฉันจะทุ่มสุดตัวสักครั้ง นอกจากนี้แล้วฉันก็อยากทานเซ็ตก๋วยเตี๋ยวน้ำใสด้วยล่ะ” ลูกค้าที่ไม่ได้ทานมาเสียนานตัดสินใจที่จะมาละลายทรัพย์เอาวันนี้
เพียงไม่นาน ลูกค้าสิบสิบสองคนแรกก็สั่งอาหารเรียบร้อยและได้แต่รออยู่ที่นั่นด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงน้ำกำลังเดือด ช่างเงียบเหลือเกิน
พวกเขาเหมือนกับเด็กๆที่กำลังรอคอยอาหารอร่อยอยู่เงียบๆ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ทานอาหารมื้อแรกที่หยวนโจวเป็นคนทำหลังจากกลับมา
ในช่วงหลายวันที่หยวนโจวไม่อยู่นั้น เว่ยเว่ยก็ทะเลาะกับบิดาของเธอ และตอนนี้พวกเขาก็ยังคงทำสงครามประสาทกันอยู่
มีคนบอกว่าเรื่องแบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้นหากร้านหยวนโจวเปิด แต่อีกคนกลับบอกว่าร้านหยวนโจวไม่ใช่ศาลเจ้าเสียหน่อยและดูเหมือนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในทุกๆเรื่องด้วย
มันอาจจะเป็นคำพูดที่หยาบคายทว่าก็เป็นเรื่องจริง ร้านหยวนโจวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ชีวิตหาได้มีแค่ร้านหยวนโจวเสียหน่อย
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร้านหยวนโจวเป็นส่วนที่สำคัญมากในชีวิตของบรรดาลูกค้า
ยกตัวอย่างเช่น โจวเจีย
นอกเหนือไปจากหยวนโจวกับโจวเจียที่มาทำงานในร้านแต่เช้าตรู่ก็มีคุณเฉิงที่กำลังศึกษาอย่างขยันขันแข็ง เขายืนอยู่ตรงที่ประจำแล้วมองดูหยวนโจวทำบะหมี่อย่างเอาจริงเอาจัง
ดังนั้นเขาจึงได้รับสมญานามว่าเทพทวารบาลเฉิง
เนื่องจากได้เตรียมของเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว บะหมี่กว่าครึ่งของทั้งสิบสองคนแรกจึงแล้วเสร็จในเวลาไม่เกิน 5 นาที
“เถ้าแก่หยวน นายทำอาหารไวมากเลย” หม่าจื้อต๋าที่ได้รับอาหารเป็นคนแรกถึงกับถอนหายใจ
“แหงอยู่แล้ว เถ้าแก่หยวนว่องไวที่สุดเลยล่ะ” ม่านม่านซดน้ำซุปเข้าไปคำหนึ่งด้วยความอิ่มอกอิ่มใจแล้วกล่าวยืนยัน
แต่เมื่อม่านม่านกล่าวออกมาเช่นนั้น หม่าจื้อต๋าเกือบพ่นน้ำซุปที่เขาเพิ่งจะซดเข้าไปออกมาอยู่แล้ว
“ม่านม่าน เธอจะไปรู้ว่าเถ้าแก่หยวนว่องไวขนาดไหนได้ยังไงกัน? อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดส่งๆนะ” ชายที่อยู่ข้างเธอลืมตาขึ้นทันทีแล้วมองม่านม่านด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้วล่ะ เขาพูดถูก เรื่องจริงไม่สามารถพูดส่งๆได้นะ ในฐานที่เป็นลูกผู้ชาย เขาอาจจะตัวเตี้ยและอาจจะผอมแต่เขาไม่มีทางว่องไวได้หรอก” ลูกค้าอีกคนเปล่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา
นอกจากนี้ยังมีลูกค้าคนอื่นๆที่จ้องมองหยวนโจวแล้วหัวเราะคิกคัก
เมื่อเห็นบรรดาลูกค้าในร้านต่างพากันล้อเธอเล่น ในที่สุดม่านม่านก็เข้าใจความหมายที่พวกเขาต้องการจะสื่อแล้ว ทันใดนั้นเธอก็หน้าแดงแล้วอธิบายให้พวกเขาฟัง
“พวกนายคิดว่ายังไงล่ะ? สิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือเถ้าแก่หยวนทำอาหารได้อร่อยแถมยังรวดเร็วอีกต่างหาก” ม่านม่านกล่าวเสียงดัง
“โอ้ ใช่แล้วล่ะ พวกเรารู้เรื่องนั้นแล้วแหละน่า ยังไงเถ้าแก่หยวนก็ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้วล่ะ” หม่าจื้อต๋าพยักหน้า
เดิมทีหม่าจื้อต๋าก็อยากจะล้อเธอเล่นอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากเขามองหยวนโจวกับก๋วยเตี๋ยวน้ำใสที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็เลิกคิดไป อย่างไรการรกินก็เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยความเชื่อฟัง
ส่วนหยวนโจวนั้น เขาแค่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินการสนทนาพวกนี้แล้วทำบะหมี่ไปเงียบๆ แน่นอนว่าจะน่าเชื่อถือมากกว่านี้หากเขาไม่พยายามที่จะเติมพริกผีลงไปในชามของม่านม่าน
โชคดีที่ม่านม่านเป็นคนที่สองจากสิบสองคนแรกจึงทำให้เธอเริ่มทานก๋วยเตี๋ยวน้ำใสของตัวเองแล้ว
หยวนโจวเชื่อว่าเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรวดเร็วหรือไม่ก็ตามที
มีอาหารมื้อเช้าแค่ 100 ที่เท่านั้น เมื่อเทียบกับอาหารมื้อเที่ยงและมื้อค่ำย่อมสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว และบรรดาลูกค้าที่ได้รับประทานอาหารมื้อเช้าก็จากไปพร้อมความพอใจ
ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารมื้อเช้าต่างก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน ขอแค่เพียงเถ้าแก่หยวนกลับมาแล้วพวกเขาย่อมได้ทานอาหารไม่ช้าก็เร็ว เลวร้ายที่สุดพวกเขาก็แค่ต้องมาเข้าแถวอีกทีตอนเที่ยงวันก็เท่านั้นเอง
นั่นก็คือความคิดของบรรดาลูกค้าคนอื่นๆ
บางทีพวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาทานอาหารที่นี่หรอก พวกเขาจะมีความรู้สึกพึงพอใจตราบเท่าที่ได้เห็นว่าร้านเปิดอยู่ทุกวัน
ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่ได้เห็นร้านหยวนโจวเปิด คนที่ศึกษาเรื่องการทำนายโชคชะตาถึงกับบอกว่าร้านหยวนโจวเป็นกิจการแห่งความโชคดี เขาวิเคราะห์อยู่สักพักและในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าเขาจะมีโชคดีตราบใดที่ยังเปิดร้านอยู่นั่นเอง
เรื่องนี้ยากเกินกว่าที่จะตรวจสอบได้ แม้ว่าความโชคดีจะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วได้หรอก
หลังจากอาหารมื้อเช้าสิ้นสุดลง โจวเจียก็บอกลาหยวนโจวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าในขณะที่คุณเฉิงยังอยู่ต่อ
“มีอะไรงั้นเหรอครับ?” หยวนโจวถามเขาเมื่อเห็นว่าคุณเฉิงยังไม่กลับไป
“อาจารย์หยวนครับ คุณรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นยังไงบ้าง?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าใจดีมีเมตตาและซื่อตรงของคุณเฉิง
“ก็ไม่เลวนะครับ” หยวนโจวนึกถึงอาการปวดท้องที่หายไปสองสามวันแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“เร็วๆนี้จะมีการประชุมสัมมนาด้านอาหารในประเทศเวียดนาม คุณจะไปที่นั่นไหมครับ?” คุณเฉิงถามขึ้น
“ไม่ครับ” หยวนโจวปฏิเสธทันควัน
ตลกสิ้นดี! ท้องของเขาเพิ่งจะฟื้นคืนสู่สภาพปกติ ถ้าตอนนี้เขาไปประเทศที่ไม่มีอาหารอร่อยเลยอีกครั้ง เขาอาจจะรู้สึกแย่ไปตลอดทั้งปีนี้เลยก็ได้
“คุณได้รับคำเชิญมางั้นเหรอครับ?” จู่ๆหยวนโจวก็ถามขึ้นมา
“ใช่ครับ ผมเป็นผู้ตัดสินหลักของการประชุมสัมมนาน่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวด้วยความลำบากใจ
ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกลำบากใจอยู่นิดหน่อยที่ต้องบอกว่าเขาเป็นผู้ตัดสินหลักของการประชุมสัมมนาต่อหน้าหยวนโจว ราวกับกำลังสอนปลาให้ว่ายน้ำอย่างไรอย่างนั้นเลย
อย่างที่ทุกคนต่างทราบกันดี หยวนโจวทำได้ดีกว่าเขาในแง่ของฝีมือและความเข้าใจในวัตถุดิบอาหาร
“ยอดเยี่ยมมากเลยครับ” หยวนโจวพยักหน้า
“ขอบคุณครับ” คุณเฉิงกล่าวขอบคุณเขา
“มันเป็นความสามารถของคุณเองนี่ครับ” หยวนโจวกล่าวอย่างจริงจัง
“คุณสอนผมได้ดีเชียวล่ะครับ ขอบคุณมากเลยครับ” คุณเฉิงดูมีท่าทางค่อนข้างเอาจริงเอาจังเมื่อตอนที่เขากล่าวเช่นนั้นออกมา และเมื่อเขากล่าวขอบคุณแล้ว เขาก็โค้งคำนับลำตัวตั้งฉากอย่างจริงจัง
หยวนโจวหาได้หลบเลี่ยงการโค้งคำนับและการแสดงความรู้สึกขอบคุณของคุณเฉิงแต่อย่างใด เขาสมควรจะได้รับมันอยู่แล้ว
“อืม สองสามวันนี้ยังไม่มีอาหารจานใหม่หรอกนะครับ” จู่ๆหยวนโจวก็กล่าวขึ้นมา
“ขอบคุณครับ อาจารย์หยวน” คุณเฉิงรู้สึกดีใจมากทีเดียว
ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเฉิงลังเลใจว่าเขาจะไปประเทศเวียดนามดีหรือไม่ ถ้าหากเขาไปประเทศเวียดนามแล้วหยวนโจวเกิดเสิร์ฟอาหารจานใหม่ขึ้นมา เขาก็จะได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่เชียวล่ะ
แต่เขาก็ไม่กล้าบอกหยวนโจวเรื่องความกังวลของเขาหรือเรื่องที่เขาสามารถบอกได้ ถึงอย่างไรหยวนโจวก็เคยบอกเขาแล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกมือฝึกหัด แต่ตอนนี้หยวนโจวกลับมาบอกเขาตรงๆว่าช่วงหลายวันนี้จะยังไม่เสิร์ฟอาหารจานใหม่ซึ่งทำให้คุณเฉิงรู้สึกค่อนข้างประทับใจมาก
“เอาล่ะครับ ไปได้แล้วล่ะ” หยวนโจวขมวดคิ้วแล้วโบกมือ
“โอเคครับ ถึงตอนนั้นผมจะซื้อของจากประเทศเวียดนามมาฝากนะครับ” มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าของคุณเฉิง
“ไม่ต้องหรอกครับ แค่เตรียมตัวไปประชุมสัมมนาให้ดีก็พอแล้วล่ะครับ” หยวนโจวกล่าว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ยอมขายหน้าแน่ๆ” คุณเฉิงรับรอง
“อืม” หยวนโจวพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก
“อาจารย์หยวน ช่วงสองสามวันนี้ถ้าคุณอยากออกไปไหนสามารถโทรเรียกให้เขามารับคุณได้เลยนะครับ” คุณเฉิงหยิบเบอร์โทรศัพท์มาวางลงบนโต๊ะ
หยวนโจวมองดูเบอร์โทรศัพท์บนโต๊ะและมองไปที่คุณเฉิงแล้วไม่พูดอะไร
“นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของลูกศิษย์ผมเองครับ ช่วงสองสามวันนี้เขาว่างอยู่พอดี แค่บอกเขาว่าคุณอยากให้เขาขับรถพาคุณไปที่ไหน เขาขับรถค่อนข้างนุ่มเชียวล่ะครับ” คุณเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
“โอเคครับ” หยวนโจวพยักหน้าและไม่ปฏิเสธความหวังดีของเขา
“โอเค งั้นผมไปแล้วนะ ลาก่อนครับ อาจารย์หยวน” คุณเฉิงค่อนข้างมีความสุขมากทีเดียวเมื่อเขาเห็นว่าหยวนโจวไม่ปฏิเสธ
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ” หยวนโจวกล่าว
“โอเคครับ ลาก่อน” คุณเฉิงหันมาโบไม้โบกมือให้หยวนโจวอีกครั้งเมื่อเขาเดินไปถึงประตู
จนกระทั่งคุณเฉิงกลับไปแล้วหยวนโจวจึงหยิบเบอร์โทรศัพท์ขึ้นมาแล้วขึ้นชั้นบนไป
“เขาช่างมีน้ำใจมากเสียจริง” หยวนโจวหย่อนเบอร์โทรศัพท์ลงในลิ้นชักของตู้ข้างเตียงแล้วบ่นพึมพำ
ถึงแม้ว่าหยวนโจวจะไม่โทรเรียกลูกศิษย์ของเขาให้ทำอะไรเลย แต่ท่าทางของคุณเฉิงก็ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว เขาไม่ใช่ลูกมือฝึกหัดของหยวนโจวจริงๆ แต่เขาก็ถือว่าหยวนโจวเป็นอาจารย์ของเขาและเคารพนับถือหยวนโจวจริงๆ