อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 795 รางวัลสำหรับภารกิจงั้นเหรอ?
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 795 รางวัลสำหรับภารกิจงั้นเหรอ?
เมื่อได้รับคำรับรองว่าหยวนโจวจะไม่ขอลาหนุด บรรดาลูกค้าทุกคนต่างรู้สึกโล่งอกโล่งใจและเตรียมตัวเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
แน่นอนว่ายังมีลูกค้าอีกหลายคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยวิดีโอการทำอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีของหยวนโจว ถึงอย่างไรหลิงหงก็บอกแล้วว่าประธานโจวจะต้องตอบตกลงให้หยวนโจวอย่างแน่นอน
บรรดาลูกค้าพวกนี้อยากเห็นหยวนโจวออกทีวีมากซึ่งมีความน่าดึงดูดใจมากกว่าการถ่ายทำการทำอาหารที่จัดทำขึ้นอย่างคร่าวๆเสียอีก
อย่างน้อยหยวนโจวก็ไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษระหว่างการถ่ายทำ เขาคงไม่ยอมให้อาหารดีๆกลายเป็นอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์ชุดพิเศษอย่างเคเอฟซีเป็นแน่
แต่หลังจากปล่อยวิดีโอของจี้อี้ออกมาแล้ว เวลาอาหารกลางวันที่แต่เดิมก็สั้นอยู่แล้วก็ยิ่งสั้นลงไปอีก
ดังนั้นใช้เวลาเพียงสักพักหนึ่งเวลาอาหารกลางวันก็สิ้นสุดลงหลังจากคำพูดปิดท้ายตามความเคยชินของหยวนโจว
“เวลาอาหารกลางวันสิ้นสุดลงแล้ว ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะทุกคน” หยวนโจวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ตัวยาวมองลูกค้าของเขาแล้วกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
ทันทีที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น บรรดาลูกค้าต่างก็ทยอยออกไปกันทีละคนๆ ไม่นานหลังจากนั้นก็เหลือโจวเจียแค่เพียงคนเดียวกับหยวนโจวอยู่ในร้าน
“ไว้เจอกันตอนค่ำนะคะเถ้าแก่” โจวเจียกล่าวพลางยิ้ม
“อืม ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” หยวนโจวพยักหน้า
จากนั้นโจวเจียก็หันหลังเดินจากไป ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้อีกแล้วนอกจากรอให้ถึงช่วงเวลาอาหารค่ำ
แต่หลังจากโจวเจียจากไปแล้วก็เหลือหยวนโจวอยู่เพียงคนเดียวในร้าน
“เวลาต้องกล่าวอำลาใครสักคนรู้สึกอึดอัดชะมัดเลย” หยวนโจวมองไปยังตำแหน่งที่คุณเฉิงยืนอยู่ในยามปกติแล้วจู่ๆก็กล่าวขึ้นมา
หยวนโจวอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้ไปล้างมือในทันทีเพื่อเตรียมที่จะแกะสลักในช่วงกลางวัน แต่เขากลับแหงนมองขึ้นไปที่ชั้นสองของตึกฝั่งตรงข้ามถนนแทน หน้าต่างปิดสนิทอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย
“ฉันไม่คาดว่าเจ้าบ้านี่จะกลับมาช้ากว่าฉันเสียอีก” แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมหมายถึงอู๋ไห่
ใช่แล้วล่ะ คุณเฉิงออกเดินทางไปเวียดนามแล้ว ส่วนอู๋ไห่ที่ออกเดินทางราวๆเวลาเดียวกันกับเมื่อตอนที่หยวนโจวออกเดินทางไปประเทศไทยยังไม่กลับมาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาได้สองสามวันแล้วก็ตามที
แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมไม่เป็นห่วงเจ้าคนหน้าไม่อายอย่างอู๋ไห่หรอก ในเมื่อเจิ้งเจียเว่ยไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากเขาก็แสดงว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ถึงอย่างไรเจิ้งเจียเว่ยก็เป็นห่วงอู๋ไห่มากทีเดียว
“ลืมมันไปเสียเถอะ ขอฉันดูหน่อยซิว่ามีภารกิจใหม่ๆอะไรบ้างนะ” หยวนโจวเหม่อมองไปสักพักแล้วจู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตรวจสอบภารกิจตำแหน่งเลย
“เจ้าระบบ ฉันขอรับภารกิจตำแหน่งก็แล้วกัน” หยวนโจวกล่าวในใจ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “รับภารกิจเรียบร้อยแล้ว โปรดตรวจสอบด้วยตัวเอง”
[ภารกิจตำแหน่ง] กลายเป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีขั้นกลาง
(เคล็ดลับในการทำภารกิจ: สุดยอดเชฟที่ไม่อยากเป็นสุดยอดเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีไม่มีคู่ควรที่จะเป็นสุดยอดเชฟหรอกนะ ไปซะเจ้าหนุ่ม ประกาศให้โลกรู้เสียเลยสิว่าคุณคือเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี)
[รางวัลในการทำภารกิจ] เลื่อนระดับเป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีขั้นกลาง
(เคล็ดลับในการได้รางวัล: ตำแหน่งเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีขั้นกลางเพียงพอสำหรับเชฟขั้นกลางอย่างคุณแล้วล่ะ ไปซะแล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะเจ้าหนุ่ม)
ภารกิจระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ทว่าหยวนโจวกลับยังคลางแคลงใจในระดับภาษาจีนของตนเองเมื่อเขาได้อ่านภารกิจที่เจ้าระบบแสดงออกมา แต่สืบเนื่องจากความมั่นใจในตัวเองของเขา หยวนโจวก็ยังคลางแคลงใจในความสามารถของเจ้าระบบที่แสดงออกมาด้วย
เนื่องจากหยวนโจวอ่านแล้วแต่กลับไม่เข้าใจสักนิด
“หมายความว่าไม่มีรางวัลที่สามารถจับต้องได้เลยงั้นเหรอ?” หยวนโจวสูดหายใจลึกๆแล้วตัดสินใจที่จะถามออกไปก่อน
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “จะมีการเลื่อนตำแหน่ง”
“อืม แล้วไงล่ะ?” หยวนโจวถามต่อ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “อาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีทั้งหมดที่เชฟขั้นกลางสามารถทำได้ควรจะอยู่ในระดับเชฟ”
“อืม ฉันหมายถึงประโยคนั้นแหละ หมายความว่ายังไงกัน?” หยวนโจวกล่าว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คุณจะได้รู้ความหมายหลังจากบรรลุภารกิจแล้วนั่นแหละ”
“โฮ่โฮ่ ขอฉันสบถหน่อยได้ไหม?” หยวนโจวหัวเราะพลางแสยะยิ้ม
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ภาษาที่สุภาพเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมีในการกลายเป็นสุดยอดเชฟ”
“พูดเสียเป็นเรื่องเป็นราวเชียวนะ” หยวนโจวกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เปล่านะ”
“เอาล่ะ ถ้าไม่ให้ฉันสบถออกมา ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ” หยวนโจวยักไหล่ เขาเคยชินกับการหลอกเป็นบางครั้งบางคราวของเจ้าระบบเสียแล้วล่ะ
ในฐานที่เป็นสุดยอดเชฟ เขาต้องอดทนเข้าไว้ แน่นอนว่าเงื่อนไขเบื้องต้นก็คือเจ้าระบบจะไม่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มิฉะนั้นเขาก็ไม่สามารถรับรองได้เลยว่าดาบใหญ่ขนาดความยาว 40 เมตรจะไม่หล่นใส่เจ้าระบบ
เยี่ยมไปเลย เขามันช่างเป็นเจ้านายที่มีความอดทนแถมยังพูดจาสุภาพอีกต่างหาก
หลังจากระบายอารมณ์เสร็จแล้ว หยวนโจวก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ คราวที่แล้วเวลาเปิดร้านเกิดการเปลี่ยนแปลงตอนที่เขาได้รับตำแหน่งเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีขั้นต้น เขาไม่แน่ใจว่าคราวนี้เวลาเปิดร้านจะเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่หลังจากเขาเลื่อนขั้นเป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีขั้นกลาง
“เจ้าระบบ เวลาเปิดร้านจะเปลี่ยนแปลงหลังจากเลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า?” หยวนโจวถามตามตรง
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คุณจะได้รู้เนื้อหาหลังจากได้ตำแหน่งมาแล้ว”
“ก็ได้ๆ” เจ้าระบบไม่ตอบเขาและหยวนโจวก็ไม่ถามอะไรต่อไปอีก เขาหยุดคิดเรื่องวิธีการบรรลุภารกิจ
จะว่าไปแล้วความประทับใจแรกที่หยวนโจวหลงเหลือไว้ให้กับลูกค้าก็คือเขาเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมมากแถมยังทำอาหารอร่อยมากอีกต่างหาก ส่วนความประทับใจอื่นๆก็คือเขาเป็นเจ้าชายรูปงาม แต่กลับไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นจากข้าวสาลีเลยสักคนเดียว
แต่อันที่จริงแล้วหยวนโจวก็เป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีด้วย
ฉันไม่อยากให้พวกเขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตัวฉันเลยจริงๆ ถ้าเพียงแต่พวกเขารู้ว่าฉันไม่เพียงเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมแต่ยังเป็นเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีอีกด้วย หยวนโจวลูบคางตัวเองแล้วนึกถึงเรื่องนั้นอย่างจริงจังมาก
เมื่อนึกถึงอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีแล้ว หยวนโจวก็แทบจะนึกถึงเรื่องวิดีโอที่จี้อี้เอ่ยถึงเมื่อตอนกลางวันได้ในทันทีขณะที่เจ้าระบบแสดงภารกิจตำแหน่งออกมา
“เจ้าระบบดูเหมือนว่าแกจะแสดงภารกิจออกมาในเวลาที่แน่นอนไปเสียทุกครั้งเลยนะ” หยวนโจวถามด้วยความสงสัย
ถูกต้องแล้วล่ะ ส่วนมากการบรรลุภารกิจที่เจ้าระบบแสดงออกมาไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เงื่อนไขเสร็จสมบูรณ์ เจ้าระบบก็จะแสดงภารกิจบางอย่างเกี่ยวกับฝีมือการทำอาหารออกมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “.”
“เจ้าระบบ แกพังไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงได้มีแค่เครื่องหมายจุดเองเสียเล่า?” หยวนโจวมองเครื่องหมายจุดเดี่ยวๆที่เจ้าระบบแสดงออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ หรือเป็นเพราะช็อตไปแล้ว? แกอยากให้ฉันส่งแกไปซ่อมไหม?” เมื่อหยวนโจวพบว่าเจ้าระบบไม่ตอบอยู่เป็นนาน เขาก็ถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เขาไม่อาจปล่อยโอกาสเช่นนั้นให้หลุดมือไปได้เป็นอันขาด
แต่เจ้าระบบก็ยังคงเงียบและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
“ในเมื่อเจ้าสิ่งนี้ไม่ตอบสนองอยู่ตั้งนาน มันก็คงจะพังไปแล้วล่ะ” หยวนโจวนึกถึงข้อสรุปที่ดูสมเหตุสมผล
ตอนที่หยวนโจวคาดเดาถึงปฏิกิริยาตอบสนองโดยกะทันหันของเจ้าระบบในทุกทางที่พอเป็นไปได้และได้ข้อสรุปที่ไม่น่าเชื่อถือต่างๆ แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เป็นสายที่มาจากประธานโจวนั่นเอง
หยวนโจวรับสายทันที “ท่านประธาน”
“หยวนน้อย ทำงานอยู่งั้นเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าโจวซื่อเจี๋ยคำนวณเวลาเอาไว้แล้วค่อยโทรมาหา
“อืม” หยวนโจวพยักหน้า
“ผมคุยกับซาลาเปาจี้แล้วให้เขามาถ่ายวิดีโอในตอนค่ำ แบบนี้เขาจะได้ไม่รบกวนการดำเนินธุรกิจของคุณด้วย” โจวซื่อเจี๋ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“โอเค ขอบคุณครับ ท่านประธาน” หยวนโจวตอบ
“ไม่เป็นไร ยังไงเสียคุณก็เป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในบรรดาคนรุ่นเดียวกันและเป็นความภาคภูมิใจของวงการเราด้วย ดังนั้นอย่าไปคิดเรื่องเหลวไหลไร้สาระพรรค์นั้นให้มากนักเลย เป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมของคุณต่างหากล่ะที่วิเคราะห์ฝีมือการทำอาหารได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน” โจวซื่อเจี๋ยพูดกับหยวนโจวอย่างตรงไปตรงมาซึ่งทำให้หยวนโจวรู้สึกขวยเขินนิดหน่อย
“อืม ได้ครับ” หยวนโจวตอบสนองต่อคำชมของโจวซื่อเจี๋ยด้วยการพยักหน้า
“แต่ก็อย่ากดดันตัวเองเกินไปล่ะ ถ้าหากคุณก้าวหน้าเร็วเกินไปจนเหนือกว่าเราแล้ว ผมก็ไม่มีตำแหน่งเหมาะๆให้คุณหรอกนะ ผมคงทำได้แต่ยกตำแหน่งของผมให้คุณเสียแล้วล่ะ” โจวซื่อเจี๋ยล้อเขาเล่นพลางอมยิ้ม
“คงอีกนานเลยล่ะครับ” หยวนโจวตอบอย่างถ่อมตัว
“เอาล่ะ ไม่ต้องมาถ่อมตัวหรอกน่า ฝีมือการทำอาหารของคุณเกือบจะเหนือกว่าผมอยู่แล้ว คนรุ่นใหม่เก่งกว่าคนรุ่นเก่าเสียอีก” โจวซื่อเจี๋ยกล่าว