อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 798 เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 798 เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
ก่อนที่จะเริ่มนั้น หยวนโจวหลับตาทำสมาธิเพื่อเริ่มการแสดงที่ดี แต่จู่ๆเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงขึ้นมาได้
เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่ช่างแต่งหน้ากำลังจัดการกับเขาอยู่นั้น เขาหลับตาอยู่แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากมือเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งของเธอ ในตอนนั้นเขารู้สึกประหม่าและประสาทตึงเครียดมาก
หยวนโจวให้กำลังใจตัวเองพลางบอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ เขาเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนและเห็นโลกมามากแล้ว เขาต้องสงบสติอารมณ์เข้าไว้
แต่ถ้าหากเป็นคนที่ “ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน” และ “เห็นโลกมามาก” พวกเขาก็ควรจะชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหยวนโจวสักนิด
หยวนโจวฟังเสียงภายในร้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองจากความประหม่าขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังจัดการกับเขาอยู่ เขาได้แต่รอให้ทีมงานให้เสร็จเท่านั้นแล้ว
เนื่องจากเป็นการถ่ายทำในสถานที่ที่แน่นอนจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์มากเท่าไหร่นักพวกเขาเพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็พอแล้ว
ดังนั้นจึงได้ยินแค่เสียงโครมครามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิวก็ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีในการปรับอุปกรณ์จนเสร็จ ตัวกล้องลดระดับลงเนื่องจากพวกเขาได้เรียนรู้จากการถ่ายวิดีโอทั้งสองครั้งก่อนว่ามือของเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีเทียบได้กับมือของผู้วิเศษ
ส่วนอุปกรณ์จัดแสงค่อนข้างติดตั้งได้ยาก พวกเขาจึงพยายามที่จะติดตั้งเอาไว้หลายๆตำแหน่งแต่ก็ยังหาตำแหน่งที่เหมาะสมไม่ได้เลย
การจัดแสงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากระหว่างการถ่ายทำแม้ว่านี่จะเป็นแค่วิดีโอโปรโมตก็ตามที เซียวหลงเหรินเพิ่งจะเริ่มมองหาตำแหน่งของอุปกรณ์จัดแสงเอาไว้หลายๆแห่งหลังจากคนอื่นๆจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกผู้กำกับต้าไห่ตำหนิเอา
ทำไมช่างควบคุมไฟคนนี้ถึงมีสมญานามว่าเซียวหลงเหรินน่ะเหรอ? ก็เพราะเขามีเขาอยู่บนหัวน่ะสิ หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขามีก้อนเนื้อขนาดเล็กบนหัว อย่างไรเสียต้าไห่ ชิวชิว อาเขิ่น เซียวหลงเหริน ไป๋ลี่และเซียวเต้าก็จัดเตรียมจนแล้วเสร็จได้ในที่สุด
การถ่ายทำกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
หยวนโจวลืมตาแล้วกำจัดความคิดเลื่อนเปื้อนในหัวทิ้งไป ดวงตาของเขาสงบนิ่งและมีสีหน้าเยือกเย็น เขาเหลือบมองไปทางเลนส์กล้องด้วยความสงบนิ่ง
ก่อนหน้านี้ผู้กำกับต้าไห่อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไปก็เห็นหยวนโจวหลับตาลง สิ่งนี้ทำให้เขาถึงถึงกับพูดไม่ออกเนื่องจากลืมสิ่งที่จะพูดไปเสียแล้ว
และเมื่อหยวนโจวลืมตาขึ้นมาด้วยความสงบนิ่งอีกครั้ง ผู้กำกับก็รู้สึกว่าถ้าหากเขายังไม่เริ่มการถ่ายทำในทันทีก็จะเสียบรรยากาศแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลิกพูดแล้วตะโกนใส่ผู้กำกับบทแทน
“เริ่มได้” ต้าไห่ตะโกนออกมา
“บันทึกเชฟ ฉากแรก ช็อตแรก แอคชั่น” ผู้กำกับบทตีแคลปบอร์ดแล้วเริ่มการถ่ายทำในทันที
เนื่องจากจะมีการเพิ่มเทคนิคพิเศษทางภาพและเสียงในขั้นตอนการตัดต่อ นอกเหนือไปจากเสียงกล้องที่ขยับไปมาแล้ว ตัวร้านจะตกอยู่ในความเงียบโดยสมบูรณ์
หยวนโจวเหลือบมองกล้องเพียงแวบเดียวก่อนที่จะก้มหัวลงแล้วเริ่มทำงาน
การถ่ายทำดำเนินไปในสภาพแวดล้อมอันเข้มงวดจนถึงจุดที่มีผลต่อผู้อื่นและทำให้บรรดาลูกค้าที่มาดื่มเหล้าต่างกลั้นหายใจเอาไว้ระหว่างที่กำลังมองดู ส่วนต้าไห่เขากำลังมองดูผ่านหน้ากล้องอยู่
สีหน้าของหยวนโจวยามที่อยู่หน้าจอหาได้เข้มงวดอีกต่อไป แต่กลับดูผ่อนคลาย คิ้วของเขาคลายออกจากกันทว่ามือไม้ของเขากลับไม่หยุดขยับเลยสักนิด
“ลดมุมกล้องลงแล้วเล็งไปที่มือของเขา” ต้าไห่บอกชิวชิวที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้อง
แน่นอนว่ายังมีคนอื่นคอยช่วยงานชิวชิวเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าชิวชิวจะเป็นที่รู้จักกันในฐานที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ แต่นี่คือทีมงานถ่ายวิดีโอโปรโมต ทีมงานเพียงน้อยนิดกลับมีงานที่คาบเกี่ยวกันอยู่มากมาย ดังนั้นชิวขิวจึงต้องทำหน้าที่เป็นตากล้องด้วย ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่เขามาทำงานนี้ก็เพราะเข้าขากับต้าไห่ได้ดีนั่นเอง
ทันทีที่เขาได้ยินคำสั่งของต้าไห่ ชิวชิวก็ปรับมุมกล้องให้โฟกัสไปที่มือของหยวนโจว
ทั้งเจ็ดคนต่างสาละวนอยู่กับการทำงานของตัวเอง
เนื่องจากดำเนินการถ่ายทำช่วงกลางคืน หยวนโจวจึงเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ถึงอย่างไรเมล็ดข้าวที่นำมาใช้ก็ต้องแช่เอาไว้ทั้งวันอยู่ดีก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ได้
ดังนั้นหยวนโจวจึงหยิบชามกระเบื้องที่ใส่น้ำสะอาดและเมล็ดข้าวเอาไว้ถึงร้อยละ 80 ของชาม
เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดเป็นสีขาวสะอาดและมันวาว เมล็ดข้าวที่ขยายตัวจากการที่ถูกแช่เอาไว้มีลักษณะขาวอวบ
ตุ้บ หยวนโจวหยิบหินลับมีดออกมาจากใต้เคาน์เตอร์ หินลับมีดมีสีเขียวแต่ในขณะเดียวกันก็ดูประณีตมากทีเดียว ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีอุปกรณ์ขนาดเล็กอยู่ข้างใต้ หินลับมีดก็คงจะดูเหมือนหยกเนื้อดีมากกว่านี้ไปแล้ว
“จึ๊ เถ้าแก่หยวนเอาหินลับมีดก้อนใหม่ออกมาอีกแล้ว เขาจะเปลี่ยนหินลับมีดอีกสักกี่ครั้งถึงจะพอใจกัน?” เฉินเว่ยบ่นพึมพำ
“นายนี่ก็ความจำดีเสียจริง นี่คือหินลับมีดก้อนที่ห้าของเขาแล้ว หินลับมีดแต่ละก้อนจะมีขนาดและสีสันที่แตกต่างกันไปบ้าง หินลับมีดก่อนหน้านี้เป็นสีเหลืองน่ะ” เจียงฉางซี่ตอบอย่างแจ่มแจ้ง
“ว้าว เธอกลับมีความจำดีกว่าฉันเสียอีก” เฉินเว่ยเหลือบมองเจียงฉางซี่
เจ้าคนผู้นี้ถือโอกาสล้อเลียนเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าพักนี้เฉินเว่ยชักจะใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ทุกวันนี้เขาถึงกับกล้าที่จะคุยเสียงดังกับเจียงฉางซี่แล้ว
ขณะที่บรรดาลูกค้าต่างสนทนากันอยู่นั้น พวกเขาต่างผ่อนระดับเสียงของตัวเองเอาไว้ ดังนั้นงานของวิศวกรเสียงจึงไม่ถูกพวกเขาขัดจังหวะเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาลูกค้าจะพูดคุยกันก็ต่อเมื่อมีการหยุดพักเล็กน้อยระหว่างถ่ายทำ ดังนั้นผู้กำกับจึงไม่ได้สนใจผู้ชมที่อยู่ข้างๆพวกนี้เลย
“มือของเถ้าแก่หยวนสวยจัง” เจียงฉางซี่กล่าวด้วยความประหลาดใจ เธอกำลังให้ความสนใจกับมือของหยวนโจวขณะที่กล้องกำลังเล็งไปที่มือของเขาอยู่ตลอด
“อืม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่มีมือสวยขนาดนี้มาก่อนเลยนะ” เฉินเว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
แม้แต่ต้าไห่ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ว่าเชฟคนอื่นๆที่เขาพบเห็นต่างมีมือสวยเหมือนกัน ทว่ากลับไม่มีใครมือสวยได้เท่าหยวนโจวเลยสักคน
ถึงอย่างไรเชฟพวกนั้นก็มีอายุราวๆ 50 หรือ 60 ปีแล้วนี่นา แม้แต่ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดของพวกเขาก็มีอายุถึง 46 ปีแล้ว ส่วนหยวนโจวเขามีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเอง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่มือของเขาจะสวยกว่า
นิ้วมือของหยวนโจวมีความยาวพอเหมาะพอดีเมื่อเทียบกับขนาดฝ่ามือของเขา และความหนาของเนื้อบนมือของเขาก็มีขนาดพอเหมาะพอดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเล็บมือของเขาก็ทั้งสั้นและเป็นระเบียบด้วย เมื่อตอนที่เขาถือหินลับมีดอยู่นั้นก็สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อบนแขนของเขาได้อย่างชัดเจน อันที่จริงแล้วตอนนี้เขาดาวกับเจ้าชายรูปงามจริงๆเชียวล่ะ
การเปิดเผยให้เห็นเฉพาะมืออย่างเดียวอาจจะมีความเหมาะสมในฐานที่เป็นการแฟนเซอร์วิสให้แฟนๆของเขา
ตอนนี้หยวนโจวกำลังจัดการกับหินลับมีดอยู่ เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การบดน้ำนมข้าวออกจากเมล็ดข้าว เขาจะเติมน้ำลงไปบ้างเป็นบางครั้ง ทุกคนต่างพากันจดจ่ออยู่กับการมองดูหยวนโจวทำงาน
“ฉันไม่คิดว่าการมองดูคนเตรียมอาหารจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานเช่นนั้นได้” สิ่งเหล่านี้คือความคิดที่อยู่ภายในใจของทุกคนในทีมงานถ่ายทำ ก่อนหน้านี้ตอนที่ถ่ายทำเชฟคนอื่นๆความรู้สึกของพวกเขายังไม่รุนแรงเท่านี้เลย
ส่วนบรรดาลูกค้าทั้งหลายนั้น พวกเขาคุ้นเคยกับเรื่องนี้มานานแล้วเนื่องจากเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่ เนื่องจากทีมงานถ่ายทำเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาจึงพากันมองดูด้วยความสนใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ทำไมนายเงียบไปล่ะ? ปกตินายออกจะช่างจ้อจะตายไป” เฉินเว่ยถามฟางเหิงที่เอาแต่เงียบอยู่เป็นนาน
ใช่แล้วล่ะ ฟางเหิงจ้องมองหยวนโจวอยู่เงียบๆตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ
“ฉันไม่มีทางช่างจ้อได้ขนาดนายหรอกน่า” ฟางเหิงโต้ตอบโดยอัตโนมัติ
“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดล่ะก็วันนี้เถ้าแก่หยวนจะต้องทำบะหมี่เย็นนึ่งแน่ๆ” ฟางเหิงกล่าวขึ้นมา
ทุกคนต่างจ้องมองไปทางฟางเหิง ในสถานการณ์เช่นนี้มักจะมีข่าวแปลกๆออกมาอยู่เสมอ คราวนี้ฟางเหิงดูเหมือนพอจะคาดเดาเรื่องนั้นได้
“บะหมี่เย็นนึ่งงั้นเหรอ? ฉันเคยได้ยินชื่อบะหมี่เย็นมาก่อนนะ พวกมันมีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องถนนของเฉิงตูเลยล่ะ แต่ว่าอะไรคือบะหมี่เย็นนึ่งกันล่ะเนี่ย?”
“บะหมี่เย็นนึ่งได้ด้วยเหรอ?”
บะหมี่เย็นเป็นของว่างที่พบได้ทั่วไป ทุกคนที่นี่ย่อมเคยได้ยินชื่อของว่างชนิดนี้มาก่อนอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักดีว่าบะหมี่เย็นที่เก็บรักษา ณ อุณหภูมิห้องเพื่อยืดเวลาให้มากขึ้นจะเริ่มละลาย ถ้าเป็นเช่นนั้นจะนึ่งบะหมี่เย็นได้อย่างไรกันเล่า?
แน่นอนว่าหลังจากผ่านการนึ่งแล้วรสชาติย่อมต้องแย่มากเป็นแน่
“นายจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก บะหมี่เย็นนึ่งเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองกวางหยวนบ้านเกิดของฉันเอง นอกจากนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าบะหมี่เย็นจักรพรรดินี ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียนมาด้วยล่ะ แต่ฉันไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับรายละเอียดที่แท้จริงสักเท่าไหร่นักหรอกนะ” ฟางเหิงมาจากเมืองกวางหยวน ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะไม่ค่อยได้กลับไปสักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ยังรู้เรื่องของว่างที่เขาเคยกินมาจนโต
ฟางเหิงไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญมากเกินไปนอกเสียจากคำแนะนำของเขา สิ่งที่เขาจะกล่าวต่อไปก็คือประเด็นสำคัญ
“ฉันไม่คิดว่าเถ้าแก่หยวนจะสามารถทำบะหมี่เย็นนึ่งได้หรอกนะ” ในภาษาจีนเซียวหลงเหรินมีความหมายว่ามังกรน้อยนั่นเอง