อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 802 ความเอาใจใส่ของหยวนโจว
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 802 ความเอาใจใส่ของหยวนโจว
ยังไม่ดึกดื่นสักเท่าไหร่แต่คืนนี้กลับมีบางอย่างต่างออกไป ร้านหยวนโจวยังเปิดอยู่แถมยังเต็มไปด้วยผู้คนอีกต่างหาก ทีแรกก็มีเพียงแค่ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าจอมอยากรู้อยากเห็นหลายคนเท่านั้น ทว่าต่อมาคนเดินถนนที่เห็นว่ามีคนอยู่ตรงนั้นก็เริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย
คนเรามีนิสัยอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ ลำพังแค่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร้านของเถ้าแก่หยวนก็ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ดังนั้นผู้คนจึงมารวมตัวกันราวกับผลกระทบแบบก้อนหิมะ
แม้จะมีผู้คนอยู่มากมาย ทว่าตอนนี้ร้านกลับตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปที่หยวนโจวกับชามบะหมี่เย็นนึ่งในมือของเขา
คนส่วนใหญ่รู้สึกอึดอัดเมื่อถูกผู้คนมากมายจ้องมอง แต่หยวนโจวเป็นใครกันล่ะ? แน่นอนว่าเขาหาใช่คนไร้ยางอายธรรมดาๆแต่เท่าที่สมาชิกในทีมเข้าใจนั้น เขาเป็นคนไร้ยางอายถึงที่สุดเลยต่างหากเล่า
มีเพียงแค่เสียงเคี้ยวของหยวนโจวให้ได้ยินเท่านั้น จู่ๆหยวนโจวก็พูดขึ้นมาว่า “ผมคาดคะเนผิดไป ความจุกระเพาะอาหารของผมหาใช่สิ่งที่ผมจะคาดเดาได้เลยจริงๆ”
คราวนี้เขาพูดเสียงดังทำลายความหวังของผู้คนที่มั่นใจว่าหยวนโจวย่อมไม่ใช่คนไร้อย่างอายอย่างแน่นอนไปในทันที หยวนโจวเป็นคนไร้ยางอายจริงๆ
“เถ้าแก่หยวน นายกินเยอะไปเกินไปแล้วมั้ง?” เฉินเว่ยถามพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“อืม ฉันก็คิดว่างั้นแหละ” หยวนโจววางชามเปล่าลงเพื่อให้กล้องจับภาพชามได้ชัดเจน
ขณะที่เฉินเว่ยและคนอื่นๆกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ต้าไห่กระแอมไอแล้วกล่าวว่า “แค่ก เอาล่ะ วันนี้พอเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ”
“โอเค ขอบคุณครับทุกคน เหนื่อยหน่อยนะครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วเริ่มเก็บเครื่องใช้สำหรับโต๊ะอาหาร
เมื่อเขาทำเช่นนั้น สมาชิกในทีมก็ตาลุกขึ้นมาทันที
“ฟู่ เสร็จเสียที” ชิวชิวปิดกล้องแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เถ้าแก่หยวนกำลังจะไปเตรียมอาหารอีกอย่างให้เรางั้นหรือ?” ชิวชิวรู้สึกสงสัยขณะที่กำลังเก็บกล้อง
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมาที่นี่ครั้งเดียวแถมยังรู้ว่าหยวนโจวเข้มงวดมาก แต่เขาก็ยังไม่เคยทำงานที่นี่เลย ดังนั้นเขาจึงหวังว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นข้อยกเว้น
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน” เซียวหลงเหรินเริ่มเก็บอุปกรณ์ด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขาเห็นสิ่งที่หยวนโจวกำลังกระทำอยู่ พอเขานึกถึงบะหมี่เย็นนึ่งที่เขาจะได้กินในภายหลังแล้ว เขาก็รู้สึกมีแรงจูงใจที่จะทำงานอย่างไม่น่าเชื่อเลยเชียวล่ะ
“ให้ฉันช่วยนายเถอะ” อาเขิ่นให้ความช่วยเหลือ
สมาชิกในทีมต่างจดจ่ออยู่กับการเก็บอุปกรณ์ พวกเขาแต่ละคนดูเหมือนจะตื่นเต้นและกระตือรือร้นยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงเสียอีก
ถึงอย่างไรท้องที่กำลังร้องของพวกเขาก็เป็นการกระตุ้นให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้นด้วย
ขณะที่พวกเขากำลังยุ่งง่วนอยู่กับการเก็บอุปกรณ์อยู่นั้น หยวนโจวก็กำลังทำความสะอาดเครื่องใช้สำหรับโต๊ะอาหารและมีดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะเก็บกลับให้เข้าที่เข้าทาง เหลือเอาไว้เพียงแค่เขียงที่พวกเขายังต้องใช้ในการถ่ายทำเท่านั้นที่ไม่ถูกแตะต้อง
หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งพักผ่อน ถึงอย่างไรการถ่ายทำก็ต้องใช้ความคิด แม้แต่ตอนที่เขากำลังกินอยู่นั้นก็ยังต้องให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ เป็นที่เข้าใจได้ว่าเขาย่อมอ่อนระโหยโรยแรงเป็นธรรมดา
เมื่อเฉินเว่ยเห็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี ถึงอย่างไรหยวนโจวก็ทำทุกอย่างตามกฎของเขาแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกค่อนข้างกังวลอยู่ดี
“พรุ่งนี้ฉันจะมาสั่งบะหมี่เย็นนึ่งจานนี้ล่ะ” เฉินเว่ยตัดสินใจได้แล้ว
“นายคิดว่าไงล่ะ?” เจียงฉางซี่ถามขึ้นมา
“ต้องอร่อยแหงอยู่แล้ว” ฟางเหิงพยักหน้าพลางจับจ้องไปที่เขียงของหยวนโจว
“นายแน่ใจว่าเป็นสูตรต้นตำหรับหรือเปล่าน่ะ?” เจียงฉางซี่ถามพลางยิ้มกว้าง
“ไม่ แต่อักไม่นานพวกเราก็คงได้รู้กันแหละนะ” ฟางเหิงกล่าวด้วยความแน่ใจ
สิ่งนี้ทำให้เจียงฉางซี่กับเฉินเว่ยรู้สึกสับสน หยวนโจวทำบะหมี่เสร็จแล้ว เขาจะรู้ได้อย่างไรกัน?
หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกในทีมก็เก็บอุปกรณ์เสร็จ พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เคาน์เตอร์ด้วยความคาดหวังเพียงเพื่อจะได้เห็นเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง นอกเหนือไปจากเขียงแล้ว ทุกอย่างล้วนถูกเก็บออกไปจนหมดแล้ว ดูเหมือนหยวนโจวหาได้มีเจตนาจะทำอาหารอีกแต่อย่างใด
สมาชิกในทีมต่างตกตะลึงไปเมื่อเห็นเช่นนี้เข้า พวกเขายืนอยู่ข้างหลังผู้กำกับและเนื่องจากเซียวหลงเหรินไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เขาจึงเริ่มส่งสายตาให้ผู้กำกับ
เขาทำท่าทางให้ผู้กำกับบอกหยวนโจวว่าพวกเขาหิวแล้วอย่างรวดเร็ว
ต้าไห่ค่อนข้างประหม่าเมื่อเขาเห็นว่าหยวนโจวกำลังพักผ่อนอยู่และไม่มีวัตถุดิบที่จะใช้เตรียมอาหารอีกแล้ว
แต่เมื่อเขานึกถึงหน้าตาของบะหมี่เย็นนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้และกลิ่นที่ลอยอวลอยู่ในอากาศแล้วใจที่สงบนิ่งของเขาก็พลันโลดขึ้นมาก่อนที่จะกล่าวว่า “เถ้าแก่หยวน พวกเราเก็บอุปกรณ์เสร็จแล้ว พวกเราหิวมากเลยคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ต้าไห่เป็นคนที่อาศัยพรสวรรค์ของตนเองในการยังชีพ เขาหาใช่คนหนุ่มแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็นชายวัยกลางคนที่รู้วิถีทางแห่งสังคม คนอย่างเขามักจะพูดจาได้ถูกกาลเทศะอยู่เสมอ
ดังนั้นเมื่อจะขอตัวกลับแล้ว เขาจึงบอกหยวนโจวไปว่าพวกเขาหิวแล้ว จริงๆแล้วสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อก็คือในเมื่อพวกเขาจัดการธุระเสร็จสิ้นแล้ว หยวนโจวจะไม่เลี้ยงอาหารพวกเขาเลยเชียวหรือ?
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นย่อมไม่อาจกล่าวออกมาได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่หยวนโจวจะต้องมาเลี้ยงอาหารพวกเขา พวกเขาต่างเสียเวลามาทำงานที่นี่และแม้แต่ค่าเดินทางก็ยังถูกคิดอีกต่างหาก
การเลี้ยงอาหารทีมงานหลังจากถ่ายทำเป็นเพียงแค่มารยาททั่วๆไปเท่านั้น
“งานของเราหนักมากเลยล่ะ พวกเราไม่ได้กินอาหารมื้อค่ำมาเกือบ 10 คืนแล้ว”
“ขอบคุณทุกท่านนะครับ ลำบากพวกคุณแล้ว เดินทางปลอดภัยนะครับ” หยวนโจวลุกขึ้นแล้วกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ยังไงก็ดึกมากแล้วจำไว้ว่าต้องกินข้าวต้มก่อนจะกินอาหารแข็งๆนะครับ แล้วอย่ากินของเผ็ดมากไปด้วยนะครับ”
หยวนโจวทำราวกับว่าเขากำลังบอกให้พวกเขากลับไปได้แล้วอย่างไรอย่างนั้นเลย
แน่นอนว่าหยวนโจวย่อมรู้สึกค่อนข้างละอายใจ ทีแรกเขานึกว่าการถ่ายวิดีโอโปรโมตจะใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่บังเอิญว่าเขาทำบะหมี่เยอะเกินไปจึงทำให้การถ่ายทำยืดเยื้อออกไปกว่า 10 นาทีเพียงเพื่อถ่ายทำการกินของเขาเท่านั้น แม้แต่เวลาอาหารมื้อค่ำก็ยังล่าช้าออกไปด้วยเหตุนี้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หยวนโจวพยายามหาทางออกด้วยการแนะนำให้พวกเขาอย่ากินอาหารรสเผ็ดยามดึกดื่นนั่นเอง
หยวนโจวชื่นชมในความเป็นมืออาชีพและการอุทิศตนเพื่องานของพวกเขาอยู่ในใจจนถึงขนาดละเลยอาหารมื้อค่ำไปเสียได้
ต้าไห่ “…”
“ฉัน…” เซียวหลงเหรินผู้เป็นคนเปิดเผยค่อนข้างสับสนทีเดียว เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับถูกไป๋ลี่ห้ามเอาไว้
“โอ้ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับเถ้าแก่หยวน พวกเราจะกลับแล้วล่ะ” ต้าไห่ที่ยังค่อนข้างงุนงงตอบ
“แล้วเจอกันนะครับ” หยวนโจวพยักหน้าแล้วมองพวกเขาจากไป
สมาชิกในทีมต่างรู้สึกสับสนโดยสิ้นเชิงโดยเฉพาะต้าไห่ “ทำไมเถ้าแก่หยวนถึงได้ทำอะไรที่คนอื่นเขาไม่ทำกันนะ?”
จากประสบการณ์ด้านการเข้าสังคมของต้าไห่ ในสถานการณ์เช่นนั้นหยวนโจวควรจะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาอยู่ต่อ แล้วพวกเขาก็จะพูดคุยเรื่องจิปาถะก่อนที่ทีมงานจะเริ่มกินอาหารที่ร้านหยวนโจวในที่สุด
ทว่าตอนนี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปงั้นหรือ? ต้าไห่ที่ยังคงรู้สึกสับสนหันหลังไปมองที่ประตูร้านหยวนโจว
ในขณะเดียวกันฟางเหิงก็เตรียมที่จะเริ่มจู่โจมมานานแล้ว เขาพุ่งตัวไปที่เคาน์เตอร์ราวกับเสือโหยกระโจนใส่แกะและว่องไวราวกับลิงขโมยลูกท้อแล้วเอื้อมมือไปที่เขียง
ใช่แล้วล่ะ ฟางเหิงกำลังเล็งไปที่บะหมี่เย็นนึ่งเส้นเล็กๆที่หลงเหลืออยู่บนเขียงนั่นเอง