อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 806 ผลงานแกะสลักน้ำแข็ง
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 806 ผลงานแกะสลักน้ำแข็ง
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระหว่างเปิดร้านสามารถเติมเบียร์สดได้ไม่อั้นเลยเชียวล่ะ”
“ไม่อั้นงั้นเลยงั้นรึ? เป็นงี้นี่เอง” หยวนโจวเข้าใจแล้ว
“ราคาเท่าไหร่กันล่ะ?” หยวนโจวถามต่อ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เบียร์สดราคาแก้วละ 302 หยวน”
“บ้าไปแล้ว! เจ้าระบบ ปกติราคาจะลงท้ายด้วย 6 หรือ 8 ไม่ใช่เหรอไง? ทำไมคราวนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็น 2 เสียได้กันเล่า?” เมื่อเห็นราคา หยวนโจวก็พบปัญหานี้เข้าแล้ว
แต่เนื่องจากเป็นคำถามของหยวนโจว เจ้าระบบจึงไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด
หลังจากเขาตรวจสอบเบียร์ดูแล้ว หยวนโจวก็ยกถังเบียร์ขึ้นชั้นสองโดยง่าย ถึงอย่างไรเขาก็ทะนงตนมากเกินไปที่ให้เซินหมินยกถังหนักๆขนาดนี้ ถังเบียร์มีน้ำหนักอย่างน้อย 30กก.และเมื่อรวมเข้ากับตัวถังแล้วก็จะมีน้ำหนักเกือบ 35กก.
ทันทีที่เขาขึ้นชั้นบนมา หยวนโจวก็เห็นถ้วยแก้วแถวหนึ่งที่เพิ่งจะวางไว้บนเคาน์เตอร์ พวกมันต่างมีส่วนล่างแคบและมีส่วนปากกว้าง มันเป็นแก้วรูปทรงสูงและเรียวยาวที่สามารถจุได้ถึง 600มล.
“แก้วเบียร์ค่อนข้างประณีตทีเดียว” หยวนโจววางถังเบียร์ลงแล้วยกแก้วขึ้นอย่างระมัดระวัง
ถ้วยในมือของหยวนโจวมีขนาดไม่เล็ก ทว่าเป็นเพียงแก้วแบบนี้กลับสามารถแสดงรสชาติและฟองเบียร์ตลอดจนกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดีที่สุด
แต่แก้วแบบนี้มีขนาดใหญ่มากจริงๆ ความจุ 600มล.มีขนาดใหญ่กว่าขวดใบใหญ่ๆเสียอีก
“ราคาแก้วละ 302 หยวนพร้อมเติมได้ไม่อั้น ดูเหมือนว่าฉันต้องขอคิดดูสักครู่ก่อนนะ” หยวนโจววางถ้วยแก้วลงเบาๆแล้วกลับเข้าครัวไป
เนื่องจากเขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ เช้านี้หยวนโจวก็เลยไม่ได้แกะสลักเลย แต่เขากลับเก็บกวาดพื้นของผับจนเอี่ยมอ่อง แม้ว่าเจ้าระบบจะทำความสะอาดฝุ่นไปแล้วเมื่อตอนที่ได้เสนอรางวัลให้ แต่หยวนโจวก็ยังทำความสะอาดห้องอีกครั้งเพราะเกรงว่าจะมีสิ่งสกปรกหรือสิ่งปลอมปน
ขณะที่หยวนโจวกำลังทำความสะอาดอยู่นั้นยามเช้าก็ผ่านพ้นไป ยามเที่ยงก็มาถึงและสิ้นสุดลง เมื่อถึงยามบ่าย หยวนโจวก็นำเอาก้อนน้ำแข็งที่เตรียมไว้เมื่อคืนก่อนออกมาแล้วเตรียมที่จะแกะสลัก
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวเตรียมที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็งต่อเนื่องจากสามารถพัฒนาฝีมือการแกะสลักของเขาได้
เพื่อที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็งให้ออกมาได้สวยงาม พักนี้หยวนโจวดูวิดีโอของผู้มีพรสวรรค์และผลงานแกะสลักน้ำแข็งของพวกเขาไปมากมายโดยหวังว่าจะได้รับแรงบันดาลใจ
เขาไม่ได้รับแรงบันดาลใจเลย แต่กลับพบอย่างอื่นแทน
ก่อนอื่นเลย วิดีโอส่วนใหญ่ที่หยวนโจวสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ตล้วนแล้วแต่มาจากต่างประเทศ นอกเหนือไปจากนั้น ตัวเอกของวิดีโอการแกะสลักน้ำแข็งพวกนี้ต่างก็ไม่ใช่เชฟ แถมพวกเขายังปิดบังอาชีพต่างๆอันได้แก่ จิตรกร ช่างแกะสลัก บาร์เทนเดอร์และอาชีพอื่นๆเอาไว้อีกต่างหาก
บางคนมีฝีมือแกะสลักยอดเยี่ยมในขณะที่บางคนมีฝีมือยอดแย่ แต่ไม่มีสักคนที่สามารถแกะสลักด้วยมีดทำครัวอย่างที่หยวนโจวทำได้
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวเปลี่ยนจากการใช้มีดแกะสลักแบบมืออาชีพกลับไปสู่การใช้มีดทำครัว แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นบุปผาประหลาดในวงการแกะสลักน้ำแข็งอยู่แล้ว
กลับเข้าเรื่องกันต่อเถอะ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้มีพรสวรรค์จากประเทศจีนในวงการนี้เสียเมื่อไหร่กันเล่า พูดให้ถูกก็คือเดิมทีการแกะสลักน้ำแข็งก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถหาวิดีโอของช่างแกะสลักชาวจีนได้เลยก็อาจจะเป็นเพราะผู้มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่จะชอบปิดบังอำพรางความสามารถเอาไว้และไม่แสดงออกมาให้ผู้อ่านได้เห็น
หยวนโจวสามารถจดจำได้อย่างชัดเจนว่าชายชราที่ขับรถลากเคยเล่าเรื่องผู้ที่สามารถแกะสลักมังกรได้ด้วย
ผู้เฒ่ามังกรน้ำแข็งได้รับการกล่าวขวัญว่าครองแชมป์ในการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งถึงสองครั้ง แต่เขากลับลังเลที่จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นแม้ว่าเขาจะกำลังอดอยากก็ตามที
คงไม่มีใครล่วงรู้ถึงปัญหาได้หรอกหากไม่ได้ลองทำดูด้วยตัวเอง หลังจากการฝึกหนักเมื่อเร็วๆนี้ หยวนโจวก็เข้าใจถึงความยากในการแกะสลักมังกรน้ำแข็งให้สมบูรณ์
“ในฐานที่เป็นแชมป์ย่อมต้องเก็บไพ่ตายเอาไว้งั้นสินะ? ราวกับกำลังรั้งหมัดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย” หยวนโจวบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่เขาก็เลิกคิดเรื่องนี้ไปทันที
ไม่ต้องนึกถึงเรื่องรั้งหมัดเอาไว้เลย สิ่งดีๆมากมายไม่สามารถสืบทอดจากคนรุ่นก่อนได้ก็เพราะความคิดพสรรนั้นนั่นแหละ
ความคิดของหยวนโจวอาจจะสุดโต่งไปบ้าง เขาเชื่อว่าสำหรับเรื่องฝีมือแล้ว การทำให้พวกมันเป็นที่รู้จักของทุกคนย่อมดีกว่าการฝังพวกมันลงดินไปเสียเปล่าๆปลี้ๆ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ออกจะเว่อร์ไปหน่อย เนื่องจากปัญหาทางด้านฝีมืออาจจะทำให้ไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างน้อยการให้ผู้คนได้รับรู้ก็ยังดีกว่ามิใช่หรือไงกัน?
“ที่สุดแล้วผลงานแกะสลักน้ำแข็งก็สามารถนำมาแสดงให้ผู้อื่นได้เห็นอยู่ดีนั่นแหละน่า”
ในขณะที่หยวนโจวกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น เขาก็เริ่มทำงานแล้ว ก้อนน้ำแข็งขนาดเท่ากะละมังค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละเล็กทีละน้อยภานใต้มีดทำครัวของหยวนโจว
เทคนิคสำหรับการแกะสลักน้ำแข็งค่อนข้างแตกต่างไปจากการแกะสลักผัก โดยที่การแกะสลักผักนั้นจะต้องมี “ความละเอียดรอบคอบ ตวามประณีตและความช่างประดิษฐ์” เป็นพิเศษทั้งยังต้องใช้ความชำนาญมากอีกด้วย
“แต่การแกะสลักน้ำแข็งกลับต้องมี “ความแน่วแน่ ความแม่นยำและความอดทน” หยวนโจวยกมีดทำครัวในมือขึ้นมาเล็กน้อยแล้วยั้งแรงตรงตำแหน่งที่จะลงมีดเอาไว้ร้อยละ 70 จากนั้นดวงตาอันคมกล้าของเสือก็พลันบังเกิดขึ้น
การแกะสลักผักต้องอาศัยความชำนาญในขณะที่การแกะสลักน้ำแข็งกลับต้องใช้ความอดทน น้ำแข็งที่แกะสลักไม่สำเร็จอยู่หลายต่อหลายครั้งเป็นผลมาจากแรงที่มากเกินไปจากช่างแกะสลักมากกว่าแรงไม่พอ
ถ้ามีการจัดอันดับช่างแกะสลักน้ำแข็งแล้วล่ะก็ผู้ที่สามารถแกะสลักกวางจะอยู่ในขั้นต้นขณะที่ผู้ที่สามารถแกะสลักหัวมังกรจะอยู่ในขั้นที่สูงกว่า อย่างที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ถ้าหากผู้ใดสามารถแกะสลักมังกรได้สมบูรณ์ก็จะถูกเรียกว่า “ยอดฝีมือ”
หยวนโจวเองก็มีความสามารถในขั้นสูงหลังจากฝึกแกะสลักหัวผักกาดหรือผักมาอย่างหนัก แม้ว่าจะต้องมีฝีมือการแกะสลักที่แตกต่างกันออกไป แต่เขาก็มีความรู้พื้นฐานที่แน่นมากทีเดียว ดังนั้นหลังจากฝึกหนักมาสักพัก ฝีมือการแกะสลักของเขายอดเยี่ยมมากเชียวล่ะ
การแกะสลักน้ำแข็งในครั้งแรกหาใช่มีเพียงแค่จี้อี้เท่านั้นที่เห็นแต่ลูกค้าคนอื่นๆก็เห็นด้วย ในตอนนั้นพวกเขาต่างเห็นผลงานแกะสลักที่ล้มเหลวกันทั้งนั้น ดังนั้นหยวนโจวจึงคิดวางแผนอยู่นานเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของตนเอง
เขาจำได้ชัดว่าพวกเขาเป็นใคร นอกเหนือไปจากจี้อี้กับหลิวจางแล้ว ยังมีลูกค้าอีกห้าคนที่เห็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ล้มเหลวในครั้งแรกของเขาด้วย อย่างไรเสียเขาก็จะรอจนกว่าลูกค้าทั้งห้าคนจะปรากฏตัวในร้าน
เขาต้องลบคำสบประมาทให้ได้
ดังนั้นหยวนโจวก็เลยซื้อน้ำแข็งก้อนใหญ่มา เขากำลังจะแกะสลักให้เป็นรูป “มังกรคู่ไล่กวดไข่มุก” ซึ่งมีความยากมากที่สุด
ความยากของสิ่งนี้หาใช่เพียงฝีมือการแกะสลักเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงแนวคิดทางด้านศิลปะของ “การไล่กวด” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ มังกรที่เขากำลังจะแกะสลักต้องมีความเสมือนจริงมาก
หยวนโจวยกก้อนน้ำแข็งขึ้นมาบนโต๊ะแล้วหยิบมีดทำครัวออกมาโดยสังเกตให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วมองหาตำแหน่งที่จะเริ่มแกะสลัก
ในขณะเดียวกัน ผู้ชมทางด้านข้างก็อดที่จะสนทนากันไม่ได้
“ถ้างั้นเถ้าแก่หยวนอยากจะทำผลงานแกะสลักน้ำแข็งงั้นหรือ?”
“อืม ฉันเดาว่างั้นนะ”
“คงแกะสลักได้ไม่ง่ายนักหรอกในเมื่อก้อนใหญ่เสียขนาดนี้”
“แหงล่ะ ก็คราวที่แล้วเป็นก้อนเล็กนี่นา แต่คราวนี้จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเป็นก้อนใหญ่งั้นรึ?”
“ไม่นะ ฉันจำได้ว่าใหญ่เท่ากะละมังน่ะ เถ้าแก่หยวนแกะสลักสระน้ำแถมยังมีปลาอยู่ข้างในราวกับปลาจริงๆเลยล่ะ”
“คราวนี้เถ้าแก่หยวนจะแกะสลักก้อนน้ำแข็งเป็นอะไรกันนะ?”
“เมื่อลองพิจารณาขนาดดูแล้วก็น่าจะงานแกะสลักชิ้นใหญ่เชียวล่ะ” ชายสวมแว่นตากล่าวด้วยความจริงจัง
“เหลวไหล”
มันคือคำตอบจากผู้ที่ได้ยินคำตอบอันน่าประหลาดของบุคคลผู้นั้น
เสียงเอ็ดตะโรของบรรดาลูกค้าหาได้ส่งผลต่อการทำงานของหยวนโจวแต่อย่างใด แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เริ่มทำงานกับก้อนน้ำแข็ง หยวนโจวกันหน้ากลับไปมองเป็นพิเศษ
“เยี่ยมไปเลย ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว” หยวนโจวแอบพยักหน้าอยู่ในใจก่อนที่เขาจะเริ่มแกะสลักก้อนน้ำแข็ง
ใบมีดของมีดทำครัวช่างคมกริบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่เขาโบกสะบัดมีดไปมาก็ราวกับมีด้ายสีเงินสะบัดไปทั่วก้อนน้ำแข็งแล้วก็มีเศษน้ำแข็งร่วงหล่นลงมาตรงเสียงของรอยแกะสลัก โดยที่รอยแกะสลักจะเป็นระเบียบและสม่ำเสมอทั้งยังไม่เกิดรอยมีดขูดขีดแต่อย่างใดอีกต่างหาก
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ” ด้วยการสะบัดมีดทำครัวของเขา ก้อนน้ำแข็งภายใต้มือของเขาก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทำให้สามารถเข้าใจภาพคร่าวๆได้อย่างชัดเจน
ความยากอีกประการหนึ่งของการแกะสลักก้อนน้ำแข็งก็คือวิธีการแกะสลักก้อนน้ำแข็งและในขณะเดียวกันก็รักษาความสมบูรณ์เอาไว้ได้ และความยากอีกประการก็คือความเร็วของการแกะสลัก มิฉะนั้นก็คงจะเป็นเรื่องค่อนข้างน่าอับอายมากทีเดียวหากหมดเวลาแล้วเขาก็ยังทำไม่เสร็จ
เอาง่ายๆเลยนะ ฝีมือของหยวนโจวในตอนนี้ก็ตรงตามข้อกำหนดทั้งการกระทำได้อย่างรวดเร็วและความแข็งแรงแล้วล่ะ