อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 813 แนะนำคน
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 813 แนะนำคน
ผู้คนที่เสฉวนพากันให้ความสนใจในผู้ที่มีเลขที่อยู่ไอพีอยู่ที่เมืองฮาร์บินและมีชื่อผู้ใช้งานว่าขอยืมหนังสือหน่อยสิผู้นี้มากทีเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ไปร้านกยวนโจวเมื่อก่อนหน้านี้
พวกเขาเริ่มแสดงความสามานถในการเล่าเรื่องกันทีละคนๆ “นายไม่รู้หรอกว่าใครคือยอดเชฟที่อยู่ในวิดีโอคนนั้น? ยอดฝีมือแห่งการแกะสลักน้ำแข็งเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดท่ามกลางยอดฝีมือทั้งหลาย และเป็นเชฟที่ตระหนี่ถี่เหนียวที่สุดท่ามกลางเชฟทั้งหลายอีกต่างหาก”
มีบางคนเอ่ยขึ้นมาว่า “ดีแล้วและที่นายไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ดูเหมือนว่าเถ้าแก่หยวนยังไม่มีโอกาสทำลายเมืองของนายสินะ”
ต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่อาหารของเขากลายเป็นอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ต คราวนี้เป็นวิดีโอที่กำลังโด่งดังและฝีมือการแกะสลักน้ำแข็งของหยวนโจวได้รับความนิยม แต่สิ่งนี้กลับไม่ได้รับการเอ่ยถึงในร้านของเขา
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เมื่อกลายเป็นอาหารชื่อดังทางอินเตอร์เน็ต ผู้คนก็จะพากันถามว่าพวกเขาจะสามารถกินอาหารจานนั้นได้จากที่ไหนกัน แต่เนื่องจากเป็นฝีมือการแกะสลักน้ำแข็งที่ได้รับความนิยม ย่อมไม่มีใครถามหรอกว่าพวกเขาจะสามารถกินผลงานแกะสลักน้ำแข็งชิ้นนั้นได้จากที่ไหนกัน
แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครถามเรื่องนั้นหรอก คนที่กินน้ำแข็งยังมีน้อยกว่าคนที่กินดินเสียอีก แน่นอนว่าเมื่อวิดีโอนี้ได้รับความโด่งดังและมีคนสำคัญสองคนมาพบเห็นเข้า หลายๆสิ่งหลายๆอย่างกลับน่าสนใจมากขึ้น
หนึ่งในสองคนนั้นก็คือผู้กำกับต้าไห่ที่เคยมาที่ร้านเพื่อถ่ายวิดีโอโปรโมตนั่นเอง ตอนนี้เขามีสีหน้าคร่ำเคร่งและอ่านไม่ออก
เขาอยู่ในช่วงหยุดพักเนื่องจากทำงานส่วนใหญ่ในตอนนี้เสร็จแล้ว เขาเริ่มเข้าเว่ยป๋อตามความเคยชินและทันทีที่เข้าเว่ยป๋อไปแล้ว เขาก็เห็นคนผู้หนึ่งที่เขากำลังเฝ้าติดตามกำลังแชร์วิดีโอที่มีชื่อว่า “แตะลงตรงนี้เพื่อดูว่ามีดทำครัวจริงๆแล้วเป็นยังไงกันแน่”
สมควรบอกว่าชื่อวิดีโอนี้ค่อนข้างสร้างความสับสนมากทีเดียว ลำพังแค่ชื่อเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาเนื้อหาของวิดีโอได้แล้ว
นี่คือวิดีโอการทำอาหารงั้นหรือ? พักนี้ต้าไห่กำลังถ่ายวิดีโอโปรโมตอาหารที่ทำขึ้นมาจากข้าวสาลีอยู่ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจในการทำอาหาร เพราะฉะนั้นเขาก็เลยแตะลงบนวิดีโอ
ถัดมา เขาก็ได้เห็นบางคนที่แสนคุ้นเคย…
“เป็นเถ้าแก่หยวนนี่เอง” ต้าไห่จ้องมองไปที่วิดีโอพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าดวงนั้น เขาก็พลันนึกถึงความทรมานที่เขาต้องได้รับในคืนนั้นและอาการปวดท้องของเขาขึ้นมาได้
หลังจากดูวิดีโอแล้ว ต้าไห่ก็ไม่มีทางเลือกอีกนอกเสียจากยอมรับว่าฝีมือการแกะสลักน้ำแข็งที่แสดงในวิดีโอช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
“ลำพังแค่วิดีโออาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเถ้าแก่หยวนช่างมีฝีมือเสียจริงๆ แล้วนี่ก็คือโลกที่เมตตาผู้ที่มีฝีมือ”
ต้าไห่ถอนหายใจแล้วพึมพำว่า “ในที่สุดฉันก็เข้าใจสาเหตุที่ผู้คนเอาแต่พูดถึงเรื่องพวกนั้นในอินเตอร์เน็ตสักที”
ลูกค้า เอ: ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของเถ้าแก่หยวนล่ะก็เขาคงถูกตีตายไปนานแล้วแหละ
ลูกค้า บี: นายมันก็อคติเกินไปนะ นายคิดว่าเขาจะยอมจำนนต่อโชคชะตาด้วยการถูกตีตายงั้นรึ?
ลูกค้า ซี: พวกนายสองคนต้องรักเขาอย่างสุดซึ้งมากเลยสินะถึงได้อยากจะตีเขาให้ตายอย่างเดียวเลย
หลังจากดูวิดีโอแล้ว ต้าไห่ก็ตัดสินใจโทรหาคนจากฝ่ายผลิต ผู้ช่วยหัวหน้าเป็นคนรับสายของเขา
“จำคำพูดฉันไว้ให้ดีนะ อย่าตัดส่วนนั้นออกเป็นอันขาดเชียวล่ะ”
“ส่วนที่เถ้าแก่หยวนกินก็ต้องรวมเข้าไปด้วยนะ”
“ได้ครับ เรื่องนั้นจะมีผลต่อการโปรโมตมากเลยล่ะครับ”
หลังจากกำชับเรื่องพวกนั้นแล้ว ต้าไห่ก็วางสายไป แทนที่จะต้องทนทรมานอยู่คนเดียว เขาน่าจะแบ่งปันความทรมานให้กับโลกใบนี้ด้วยสิ
สมาชิกในทีมของพวกเขาจะเป็นฝ่ายเดียวที่ต้องทรมานกับการดูเถ้าแก่หยวนกินขณะที่พวกเขากำลังหิวได้อย่างไรกันเล่า?
พวกเขาจะต้องแสดงให้เห็นว่าบะหมี่เย็นนึ่งของเถ้าแก่หยวนยอดเยี่ยมขนาดไหนก่อนที่จะแสดงให้เห็นตอนที่เถ้าแก่หยวนกำลังกินบะหมี่ของตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นด้วยก็คือฝีมือการทำอาหารของเถ้าแก่หยวน เพียงแค่มองอาหารของเขาก็กระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารได้มากแล้ว
ไม่ว่าผู้ใดก็คงพอนึกถึงท่าทีตอบสนองของผู้คนหลังจากที่พวกเขาเห็นวิดีโอนี้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” ต้าไห่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เมื่อคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกถึงความทุกข์ทรมานจากวิดีโอหลังจากดูมันแล้วทำให้เขารู้สึกเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง
จากอุปนิสัยของต้าไห่ ไม่ว่าใครก็คงทราบว่าทำไมเขายังไม่โด่งดังเสียทีทั้งๆที่อยู่ในแวดวงการถ่ายทำมาตั้งนานแล้ว
ส่วนคนที่สองเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ เขามีนามว่าหยางซู่ซินที่มีอายุราวๆ 40 ปี ด้วยวัยขนาดนี้ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์เรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ เขาย่อมแทบจะไม่เข้าชมเว่ยป๋ออยู่แล้ว
หยางซู่ซินไม่มีความเคยชินกับการเข้าเว่ยป๋อเอาเสียเลย ซู่ซินก็คือชื่อผู้ใช้งานบนเว่ยป๋อของเขานั่นเอง นี่คือชื่อผู้ใช้งานที่เขาใช้เพื่อย้ำเตือนตัวเองให้ฝึกจิตอยู่เสมอ ในแง่ของนิสัยใจคอ หยางซู่ซินเป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณทีเดียว
บุตรชายของเขาเป็นคนแนะนำวิดีโอผลงานแกะสลักน้ำแข็งของหยวนโจวให้เขา
นี่คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อยู่มาวันหนึ่งหยางซู่ซินได้รับสายจากบุตรชายของเขาที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย “พ่อฮะ พ่อหาคนมาทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าด้วยได้หรือยัง? ผมมีคนหนึ่งอยากแนะนำ”
“แกจะไปรู้จักยอดฝีมือได้ยังไงกัน?” หยางซู่ซินขมวดคิ้วนิ่วหน้าแล้วหาได้พูดอ้อมค้อมแต่อย่างใด
“ดูสักหน่อยเถอะฮะ ไม่เสียหายอะไรสักหน่อยใช่ไหมล่ะ?” หยางหวั่นเซิงถึงกับพูดไม่ออกแต่ก็ยังคงพยายามต่อไปจนแนะนำเสร็จ
หยางซู่ซินเป็นยอดฝีมือด้านการแกะสลักน้ำแข็งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศ เขาเคยได้รางวัลในการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งระดับนานาชาติ ปีนี้เป้าหมายใหม่ที่เขาตั้งเอาไว้ให้ตนเองก็คือทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าให้เสร็จนั่นเอง
อย่างที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่ามังกรหลายตัวแกะสลักได้ยากที่สุด แถมผลงานแกะสลักมังกรนพเก้ายังเป็นผลงานแกะสลักที่จำเป็นต้องแกะสลักมังกรให้สมจริงและมีชีวิตชีวาโดยที่แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
อย่างไรเสียนี่ก็หาใช่ภารกิจที่หยางซู่ซินจะสามารถทำสำเร็จได้เพียงลำพัง นับว่ามีเหตุผลทีเดียวเนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลด้านการแกะสลักน้ำแข็งภายในประเทศ เขาน่าจะรู้ว่ายังมียอดฝีมือคนอื่นอยู่เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงน่าจะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะรวมกลุ่มเพื่อให้แผนการลุล่วงไปได้ด้วยดี
แต่หากเขาทำเช่นนั้น อารมณ์ศิลป์ทั้งหมดของผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าก็จะถูกทำลายลงไป คงจะดีหากมีแค่สองคนอยู่ในแผนการ ทว่าหลังจากถามทุกคนที่เขาพอจะรู้จักแล้ว หยางซู่ซินก็ยังหาคนที่จะมาร่วมแผนการนี้ไม่ได้เลยเนื่องจากมันยากเย็นเกินไป
ถึงแม้เขาจะอยู่ในแวดวงนี้แต่บุตรชายของเขาไม่ได้อยู่ในแวดวงการแกะสลักน้ำแข็ง แถมยังไม่เข้าสู่แวดวงสังคมเสียด้วยซ้ำไป บุตรชายของเขาจะไปรู้จักคนแบบนั้นได้อย่างไรกันเล่า? ดังนั้นหยางซู่ซินจึงตัดบทคำแนะนำของบุตรชายตนไป แน่นอนว่าก็ยังมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าเขาเป็นบิดาหัวโบราณผู้เข้มงวด
“ผมไม่รู้จักเขาหรอก มันเป็นวิดีโอการแกะสลักที่ถูกโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต ช่างแกะสลักเก่งมากเลยล่ะ แถมยังแกะสลักมังกรคู่ไล่กวดไข่มุกในวิดีโอได้ด้วย” หยางหวั่นเซิงอธิบายรายละเอียด
“โอ้? มังกรคู่ไล่กวดไข่มุกงั้นรึ?” สิ่งนี้กระตุ้นความสนใจของหยางซู่ซินขึ้นมาเสียแล้วสิ เขาถามขึ้นมาว่า “ฉันจะดูวิดีโอนี้ได้ยังไงกันล่ะ? มีดแกะสลักที่ใช้ในวิดีโอจะไปวัดอะไรได้กันเล่า?”
“ไม่ใช่มีดแกะสลักหรอก ในวิดีโอใช้มีดทำครัวต่างหากล่ะ พ่อก็แค่ค้นหาคำว่ามังกรคู่ของยอดฝีมือด้านการแกะสลักน้ำแข็งที่ซุกซ่อนตัวอยู่ก็จะเจอวิดีโอเองแหละ” หยางหวั่นเซิงกล่าว
“มีดทำครัวงั้นรึ? บ้าไปแล้วหรือไง?” หยางซู่ซินขมวดคิ้วนิ่วหน้าพร้อมความสนใจที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ ถ้าหากใช้มีดทำครัวก็มีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง คนผู้นั้นไม่อยู่ในขั้นมือสมัครเล่นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่เนื่องจากความประทับใจครั้งแรกที่ไม่ใคร่จะดีนัก หยางซู่ซินจึงคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรกเสียมากกว่า
“เอาล่ะ ถ้ามีเวลาฉันจะลองดูก็แล้วกัน” แล้วหยางซู่ซินก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ระหว่างเรียนก็ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ อย่างให้สอบตกจนเรียนไม่จบเสียเล่า”
ทันทีที่หยางหวั่นเซิงได้ยินเช่นนี้เข้า เขาก็เริ่มตอบแบบขอไปทีแล้วคุยกันอีกนิดหน่อย หรือจะพูดให้ถูกก็คือหลังจากโดนสวดอีกนิดหน่อย เขาก็วางสายไป
หยางซู่ซินไม่ใส่ใจเรื่องคำแนะนำครั้งนี้สักเท่าไหร่ เขาฝึกการแกะสลักน้ำแข็งอีกครั้งแล้วก็ล้มเหลวไปอีกครั้ง มันเป็นเรื่องยากที่จะทำผลงานแกะสลักมังกรนพเก้าให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง
แล้วหยางซู่ซินก็โทรหาหัวหน้าของเขาเพื่อรายงานความล้มเหลวให้ฟัง
“หรือฉันจะทำงานแบบกลุ่มสามคนแทนดีนะ?” หยางซู่ซินพึมพำพร้อมเตรียมที่จะลดเงื่อนไขของตัวเองลง