อยากกินไหมล่ะ - ตอนที่ 816 เหล้าที่ทำให้วันนี้รู้สึกมึนเมาเป็นพิเศษ
อยากกินไหมล่ะ 美食供应商
บทที่ 816 เหล้าที่ทำให้วันนี้รู้สึกมึนเมาเป็นพิเศษ
บรรดาผู้ชมที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกรอคอยอยู่สักพักแต่แล้วก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปเมื่อพวกเขาพบว่าร้านคงไม่เปิดเร็วๆนี้แน่
ในขณะเดียวกัน หยวนโจวก็นั่งอยู่ชั้นบนมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว เขานั่งตัวตรงและเท้าแขนเอาไว้ที่ขาโดยไม่เปลี่ยนท่าทางเลยสักนิด
“กริ๊ง กริ๊ง” ทันใดนั้นเสียงรอสายดังแสบแก้วหูก็ดังขึ้นในห้องอันว่างเปล่าและเงียบสงบ
หยวนโจวกะพริบตาแล้วมองไปทางโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่ด้วยความสับสน
“ถึงเวลาเตรียมวัตถุดิบสำหรับอาหารค่ำแล้วล่ะ” หยวนโจวพลันบ่นพึมพำกับตัวเองขึ้นมาทันที
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวตั้งนาฬิกาปลุกสำหรับเวลาอาหารค่ำเผื่อในกรณีที่เขาแกะสลักจนลืมเวลา
หยวนโจวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มเตรียมวัตถุดิบอย่างจริงจัง
ห้านาทีก่อนร้านเปิด หยวนโจวก็มาเปิดประตู บรรดาลูกค้าที่กำลังเข้าคิวรออยู่ด้านนอกยังเยอะตามเคย และโจวเจียก็ยืนรอเขาอยู่ตรงประตูด้วย
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ เถ้าแก่หยวน” โจวเจียกล่าวทักทายพลางอมยิ้ม
หยวนโจวไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วกลับเข้าครัว
ในช่วงค่ำร้านค่อนข้างเสียงดังอึกทึกครึกโครมทีเดียว บรรดาลูกค้าต่างพากันสั่งอาหารขณะที่โจวเจียเองก็ยุ่งมากเช่นกัน
แต่มื้อค่ำก็คงอยู่ไม่นานเมื่อมีบางคนสังเกตพบสิ่งผิดปกติเข้า เขาหันมามองหยวนโจว
เขาเอาข้อศอกถองใส่ลูกค้าที่อยู่ข้างเคียงแล้วกล่าวว่า “วันนี้เถ้าแก่หยวนเป็นอะไรไปน่ะ? เขาดูแปลกๆชอบกล”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ เขาก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วแถมอาหารของเขายังอร่อยสุดยอดไปเลยอีกต่างหาก” ขณะที่พูดอยู่คนผู้นั้นก็หยิบถ้วยของอีกคนไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แถมยังรวดเร็วและเป็นธรรมชาติอีกต่างหาก
“เห็นได้ชัดเลยว่าอาหารหลายๆจานรสชาติอร่อยกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ฉันกำลังคุยเรื่องอื่นอยู่นะ ฉันรู้สึกว่าเถ้าแก่หยวนดูเหมือนจะไม่ร่าเริงเอาเสียเลย” มีคนมองไปทางอีกคนด้วยสายตาดูแคลนแล้วกล่าวต่อไป
“อืม ฉันก็รู้สึกว่าวันนี้เถ้าแก่หยวนไม่ปกตินะ” ม่านม่านที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้ายืนยันเช่นกัน
“นายก็เห็นด้วยกับฉันใช่ไหมล่ะ? ฉันเล่าเรื่องนั้นให้ฟังได้นะ” เนื่องจากมีสาวสวยเห็นด้วยกับเขา คนผู้นี้จึงเริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจังในทันที
“แม้ว่าเถ้าแก่หยวนจะไม่ได้พูดอะไรมากอย่างเคย แต่เขาก็มักจะมองมาทางเราหรือทักทายเราอย่างกระตือรือร้นทันทีที่ยกอาหารมาให้เรานะ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างแถมสีหน้ายังดูย่ำแย่แล้วก็เคร่งขรึมมากอีกต่างหาก” คนผู้นี้วิเคราะห์พลางแสร้งทำท่าทีเคร่งขรึม
“นายบอกสีหน้าของเถ้าแก่หยวนได้ยังไงในเมื่อเขาสวมหน้ากากอนามัยอยู่น่ะ?” เพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่ทางด้านข้างเผยท่าทีประหลาดใจออกมา
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกน่า นายให้ความสนใจผิดประเด็นแล้วล่ะ” คนผู้นั้นเตือนเพื่อนร่วมงานของเขาอย่างใจเย็น
“ฉันคิดว่าฟังดูมีเหตุผลมากเลยเชียวล่ะ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเถ้าแก่หยวนนะ” ลูกค้าอีกคนก็เห็นได้กับเขา
“ถูกเผงเลย ฉันก็รู้สึกเหมือนกันนะ”
“หลังจากที่พวกนายเตือนขึ้นมา ฉันก็รู้สึกว่าวันนี้เขาดูแปลกๆไปนะ”
“เถ้าแก่หยวน นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลิงหงที่อยู่ทางด้านข้างใช้วิธีอันสุดแสนจะเปิดเผยและง่ายที่สุด เขาถามหยวนโจวไปตรงๆ
หยวนโจวไม่ได้ตอบเขาในทันที เขาจ้องมองตะหลิวที่อยู่ในมือด้วยความเคร่งเครียด จนกระทั่งนำอาหารที่วางลงบนถาดมาเสิร์ฟนั่นแหละเขาถึงพูดออกมาว่า “ฉันสบายดี”
“เอาล่ะ ถึงจะรู้สึกแปลกๆไปสักหน่อย แต่เขาก็น่าจะไม่เป็นไรล่ะนะ” หลิงหงได้ข้อสรุป
“งั้นก็ดี” เมื่อได้ยินคำตอบของหยวนโจวแล้ว ลูกค้าคนอื่นๆก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจเช่นเดียวกัน
เมื่อตัดสินจากลักษณะภายนอกแล้ว หยวนโจวดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลย แต่ในเมื่อเขาบอกเองนี่ว่าสบายดี เขาคงลังเลใจที่จะเล่าให้ผู้อื่นฟังเป็นแน่แท้
ดังนั้นบรรดาลูกค้าจึงไม่ได้ถามอะไรเขาอีก
หยวนโจวยังคงเป็นเหมือนเดิมและบรรยากาศเช่นนั้นก็คงอยู่ไปจนหมดเวลาเปิดผับ
เซินหมินเริ่มจัดการผับให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นวันที่สามแล้วนับตั้งแต่ผับเริ่มเสิร์ฟเบียร์ แต่ความสนใจของพวกขี้เมากลับไม่ลดน้อยถอยลงเลยสักนิด เมื่อเทียบกับเหล้าไผ่กาเล็กๆแล้ว เบียร์ห้าแก้วค่อนข้างเยอะทีเดียวล่ะ
แต่นั่นก็ส่งผลทำให้งานของเซินหมินเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับตอนที่มีแค่เหล้าไผ่เท่านั้นแล้ว งานของเธอกลับยุ่งยากมากยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงจะเป็นเช่นนั้นเซินหมินกลับไม่บ่นเลยสักนิด เมื่อเทียบกับงานของบริกรหญิงในร้านอื่น งานที่เซินหมินต้องทำมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ช่างเป็นความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้ว่าเธอจะต้องทำงานกะกลางคืนในผับก็ตามที
จริงๆแล้วพวกขี้เมาที่มาดื่มเหล้ายามค่ำคืนจะตระเตรียมทุกอย่างให้ตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาจะนำอาหารที่กินแกล้มกับไวน์มาเอง เอาล่ะจริงๆแล้วก็เป็นเพราะร้านหยวนโจวไม่ได้เสิร์ฟของพวกนี้นั่นเอง
ส่วนมากในช่วงที่ผับเปิดพวกขี้เมาจะไม่สนใจเซินหมินหรอก เธอไม่เพียงแค่ทำงานนิดๆหน่อยๆแต่ยังได้เงินเดือนสูงอีกต่างหากเมื่อเทียบกับบริกรหญิงคนอื่นๆแล้ว
ดังนั้นเซินหมินจึงรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นนั้นมาโดยตลอด เนื่องจากตอนนี้มีงานเพิ่มขึ้น แต่เธอกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมเสียอีก
นั่นเป็นความคิดแบบเด็กๆและนั่นก็อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างคนดีกับคนเลวด้วย สำหรับคนธรรมดาๆแล้ว พวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เยอะกว่าที่สมควรจะได้ แต่สำหรับคนเลวแล้ว พวกเขายังต้องการมากขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าจะได้มาจนมากเกินพอแล้วก็ตามที
เมื่อเธอจัดการงานทุกอย่างจนเสร็จในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เซินหมินก็เดินเข้ามาหาเฉินเว่ยที่ประตู
“พี่เจอหรือยังคะ …?”
ก่อนที่เฉินเว่ยจะทันได้ตอบ เซินหมินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าวว่า “เจอโทรศัพท์ของพี่หรือยังคะ?”
“อืม เจอแล้วล่ะ ขอบใจนะ” เฉินเว่ยรู้สึกโล่งอกโล่งใจ เขาขึ้นรถแท็กซี่จนเกือบกลับถึงบ้านแล้วแต่จู่ๆก็พบว่าโทรศัพท์ไม่อยู่ในกระเป๋า ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกได้แต่กลับมาอีกครั้ง
เซินหมินโบกมือเพื่อบ่งบอกว่ามันหาใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงเลยสักนิด จะว่าไปแล้วเซินหมินก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บสิ่งของที่สูญหายในผับอยู่แล้ว
อีกด้านหนึ่ง หยวนโจวรู้สึกลำบากใจที่จะเก็บไว้เอง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เคยมีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว เซินหมินเก็บต่างหูของเจียงฉางซี่ที่แม้แต่ตัวเจียงฉางซี่เองก็ยังนึกว่าทำตกหายในบริษัทเสียอีก แต่เซินหมินเก็บมันได้ตรงประตูร้าน
เจียงฉางซี่ไม่ได้มาที่ร้านหลายวันหลังจากนั้นจึงทำให้เซินหมินต้องส่งไปที่บริษัทของเธอโดยตรง ไม่แน่ชัดนักว่าต่างหูจะมีมูลค่ามากเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็คงจะไม่ใช่ถูกๆแน่ ดังนั้นหยวนโจวจึงไว้วางใจในตัวเซินหมินเอามากๆ
“ไปขึ้นรถแท็กซี่กัน ฉันจะไปส่งเธอเอง” เฉินเว่ยกล่าว
“ขอบคุณค่ะ พี่เฉิน” เซินหมินกล่าวขอบคุณเขา สาเหตุที่เซินหมินตอบตกลงทันทีก็เพราะพวกเขากำลังจะไปทางเดียวกันแถมเฉินเว่ยก็ยังต้องเดินทางต่อไปอีกจึงสามารถพาเซินหมินไปส่งได้อย่างสบายๆเลยล่ะ
“ฉันต่างหากเล่าที่ควรจะกล่าวขอบคุณน่ะ” เฉินเว่ยกล่าวขึ้นมา
พวกเขาคุยกันไปหัวเราะกันไป ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างดึกแล้วแต่ก็ยังมีรถแท็กซี่อยู่เยอะทีเดียว ดังนั้นในช่วงเวลาเพียงไม่นานนักพวกเขาก็เรียกรถแท็กซี่ได้แล้ว
ทันทีที่เฉินเว่ยนั่งลงตรงที่นั่งผู้โดยสารแล้ว เขาก็เริ่มคุยโทรศัพท์พลางจัดตารางสำหรับวันพรุ่งนี้ ไม่แปลกเลยที่เขาจะกลับเร็วขนาดนี้เพื่อมาโทรศัพท์ เขามีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเลยเชียวล่ะ
“พี่เฉิน พี่ยุ่งทุกวันเลยนะคะ โทรศัพท์พี่ดังอยู่ตลอดเลย” เซินหมินถามได้เหมาะเจาะ
“แหงอยู่แล้วก็ฉันต้องทำงานหนักนี่นา ไม่งั้นคงไม่สามารถมาดื่มเหล่าของเถ้าแก่หยวนได้หรอก” เฉินเว่ยตอบราวกับมันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า “ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ฉันต้อง …”
“พี่ต้องอะไรเหรอคะ?” เซินหมินค่อนข้างสงสัยคำพูดที่เฉินเว่ยกล่าวเอาไว้ครึ่งๆกลางๆมากทีเดียว
“ไม่มีอะไรหรอก” ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น เฉินเว่ยก็รับอีกสายหนึ่ง ในฐานที่เป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย เขาเกือบมาถึงจุดสูงสุดในสายอาชีพนี้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามมองหาลู่ทางใหม่ๆในการเพิ่มรายได้เพื่อเอาไว้มาดื่มเหล้าของหยวนโจวให้ได้มากที่สุดเท่าที่อยากจะดื่มและด้วยเหตุผลบางประการ
ย้อนกลับไปข้างๆหยวนโจวกันบ้าง หยวนโจวไม่เป็นห่วงเซินหมินอีกเนื่องจากเฉินเว่ยกับเซินหมินกลับด้วยกัน จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากร้านไป
โดยปกติช่วงนี้หยวนโจวไม่ฝึกทำอาหารก็อ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง แต่เมื่อมองไปที่นวมชกมวยแล้ว คืนนี้เขาก็ไม่มีแก่ใจจะมาทำเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย
ทีแรกหยวนโจวตั้งใจที่จะหาที่แขวนนวม แต่หลังจากอยู่ชั้นบนมาร่วมๆสองนาทีแล้วก็ลงมาชั้นล่างอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ปิดประตูร้านแล้วเดินไปผับที่อยู่ข้างเคียงผ่านประตูที่มีผนังเป็นทิวทัศน์อันงดงามตระการตา
เซินหมินเก็บข้าวของทุกอย่างแล้วปิดไฟทุกดวงเอาไว้แล้ว หลังจากมาถึงที่นั่น หยวนโจวก็เปิดไฟทุกดวงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แสงสว่างสามารถขับไล่ความมืดออกไปได้
หยวนโจวหยิบแก้วเบียร์มาสามใบแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป จากนั้นเขาก็วางนวมชกมวยลงบนโต๊ะ
“จู่ๆฉันก็อยากดื่มเบียร์ขึ้นมาเสียดื้อๆเลยแฮะ” วันนี้หยวนโจวค่อนข้างเงียบไป ถึงแม้ว่าผับที่อยู่ข้างเคียงจะเปิดนาน แต่เขาก็แทบไม่เคยขึ้นมาดื่มอะไรเลย
ม้านั่งหินเย็นเฉียบอยู่นิดหน่อย เนื่องจากเฉินเว่ยกับพวกขี้เมาคนอื่นๆกลับกันไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่ก็สลายไปกับลมหนาวด้วย
ลมหนาวพัดผ่านใบไผ่ทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ หยวนโจวดื่มเบียร์ไปแก้วหนึ่งท่ามกลางลมหนาว
เนื่องจากเขารีบดื่มเบียร์เกินไปอีกทั้งไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มานานแล้วเพราะเกรงว่าจะส่งผลต่อการรับรสชาติของตนเอง เขาจึงสำลักนิดหน่อยระหว่างที่กำลังดื่มอยู่ เป็นผลทำให้หยวนโจวทำเบียร์หกบนโต๊ะไปหลายหยด
หยวนโจวตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่าเบียร์ไม่ได้หกใส่นวมแต่อย่างใด มีเบียร์ทั้งหมดหกหยดและอาจจะเป็นจำนวนที่บ่งบอกถึงความโชคดีก็เป็นได้
เขาดื่มต่อไป คราวนี้หยวนโจวดื่มช้าลงมากแล้ว เขาดื่มทีเดียวครึ่งแก้ว
เมื่อทานอาหารหรือไม่ได้ทานอาหารไปด้วยจริงๆแล้วทำให้เกิดความแตกต่างด้านรสชาติของเบียร์มากทีเดียว ถ้าไม่ได้ทานอาหารควบคู่ไปด้วย เบียร์ก็จะให้รสชาติที่ขมฝาดแม้ว่าจะเป็นเบียร์สดที่เจ้าระบบจัดเตรียมให้ก็ตามที
แต่ตอนนี้หยวนโจวไม่อยากทำอาหารอะไรทั้งนั้น เขากำลังคิดที่จะสั่งอาหารจากข้างนอกมากินเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ล้มเลิกความคิดไปในที่สุด
จากนั้นเขาก็ดื่มเบียร์ที่เหลืออีกครึ่งแก้วต่อ
“ไม่ค่อยเย็นเลย สงสัยฉันต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศเสียแล้วล่ะมั้ง?” หยวนโจวนึกขึ้นเล่นๆ
หลังจากดื่มเบียร์ไปอีกครึ่งแก้ว หยวนโจวก็เรอออกมาแถมยังปล่อยกลิ่นรุนแรงของเหล้าออกมาอีกต่างหาก
“ฉันนี่โง่เง่าเสียจริง ในเมื่อไม่มีหลังคาแล้วจะไปติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้ยังไงกันเล่า?” หยวนโจวทำลายความคิดของตัวเอง
ยังเหลืออีกแก้ว เขาจึงดื่มต่อไป